"โรมัน เคร็กเคลีย" ตั้งเป้าครองเข็มขัด 3 เส้น
"โรมัน เคร็กเคลีย" แชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นไลต์เฮฟวีเวต (205-225 ป.) และมวยไทย รุ่นเฮฟวีเวต (225-265 ป.) วัย 34 ปี จากยูเครน แสดงความฮึกเหิมพร้อมพิชิต "ซาเมต อักเดเว" คู่ชกไร้พ่าย วัย 21 ปี จากตุรกี ที่ยังไม่แพ้ใครตลอดอาชีพ เพื่อสร้างประวัติศาสตร์ครองเข็มขัดแชมป์โลก ONE 3 เส้น ในศึกชิงแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฮฟวีเวต ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในศึก ONE Fight Night 37 วันเสาร์ที่ 8 พ.ย. 68
“โรมัน” พร้อมกลับมามอบโชว์ที่ดุเดือดอีกครั้ง หลังจากที่ไฟต์ล่าสุดเอาชนะน็อกยกแรก “ลินดอน โนลส์” จากสหราชอาณาจักร ป้องกันบัลลังก์ ONE มวยไทย รุ่นเฮฟวีเวต ครั้งแรกได้สำเร็จ ในศึก ONE Fight Night 30 เมื่อวันที่ 5 เม.ย. ที่ผ่านมา บวกสถิติชนะรวดใน ONE เป็นไฟต์ที่ 7 พร้อมคว้าโบนัส 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ (กว่า 1.6 ล้านบาท) ซึ่งแม้จะมีเข็มขัด 2 เส้นอยู่ในมือแล้ว แต่เขายังคงมุ่งมั่นล่าความสำเร็จต่อเนื่อง
“พอคุณกลายเป็นแชมป์ แรงกดดันจะยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกคนมองว่าผมคือยอดนักสู้รุ่นเฮฟวีเวตที่ไม่มีใครเทียบได้ มันก็จริงที่กดดันมาก แต่ผมไม่เคยสนใจ เพราะผมเชื่อในวินัยของตัวเอง ผมอยากให้คนจดจำผมในฐานะนักสู้รุ่นเฮฟวีเวตที่เก่งที่สุดคนหนึ่งของโลก นั่นคือสิ่งที่ผมตั้งใจจะเป็น”
ขณะที่นักกีฬาคนอื่น ๆ อาจพอใจผลงานของตัวเอง แต่ “โรมัน” ไม่เคยหยุดแสวงหาความเป็นเลิศ โดยมองว่าทุกความสำเร็จที่ได้มาเป็นเพียงอีกก้าวหนึ่งที่สูงขึ้นบนบันไดสู่ความยิ่งใหญ่ที่ไม่มีวันสิ้นสุดเท่านั้น
“ผมไม่เคยรู้สึกหมดไฟ เพราะวินัยคือแรงจูงใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ผมแค่อยากพิสูจน์ให้เห็นว่าผมทำได้แค่ไหน อยากสร้างประวัติศาสตร์ และทำให้ผู้คนกลับมาสนใจรุ่นเฮฟวีเวตอีกครั้ง นั่นคือเหตุผลที่ผมกระหายชัยชนะ และยังคงพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ”
ด่านต่อไป “โรมัน” ได้โอกาสหวนกลับมาโชว์สกิลคิกบ็อกซิ่งในรอบเกือบ 3 ปี โดยต้องดวลฝีมือกับ “ซาเมต” เจ้าของผลงานชนะ 17 ไฟต์รวดในอาชีพ และเป็นการปิดเกมน็อกเอาต์ถึง 12 ครั้ง รวมถึงมีดีกรีแชมป์ WAKO จูเนียร์, แชมป์ WAKO ยุโรป และแชมป์ SENSHI กรังด์ปรีซ์ รุ่นเฮฟวีเวต การันตีความสามารถ แต่ “โรมัน” ยังคงเชื่อมั่นในพลังการน็อกเอาต์ฟ้าประทานและสัญชาตญาณนักสู้ของตัวเอง โดยหวังครอบครองเข็มขัด ONE ให้ได้ 3 เส้น ใน 2 รุ่น 2 กติกา
“ผมมีพลังน็อกเอาต์สุดโหดก็จริง แต่เมื่อเข้าไปในสังเวียน ผมไม่ได้มองหาแต่จังหวะปิดเกม ทุกอย่างเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ที่ผมดูไร้เทียมทานเป็นเพราะทักษะทางเทคนิค ผมฝึกการป้องกันตัวเยอะมากในระหว่างการซ้อม”
“เวลาผมลงมือทำอะไร เป้าหมายมีแค่อย่างเดียวคือทำให้ดีที่สุด และคิดว่าการชนะด้วยน็อกเอาต์คือวิธีที่ชัดเจนที่สุดในการพิสูจน์ฝีมือ ผมไม่ชอบทำนายผลล่วงหน้า แต่ที่แน่ ๆ คือผมพร้อมเต็มที่สำหรับการสู้ครบห้ายกครับ”
“ตอนที่ผมได้เข็มขัดเส้นที่ 3 มาพาดบ่า ถือเป็นสัญญาณว่าผมได้ก้าวขึ้นไปอีกระดับบนเส้นทางสู่จุดสูงสุดของวงการมวยยืน และนั่นคือจุดที่ผมตั้งใจจะก้าวไปให้ถึงครับ”
