ไทเก้น บ๊อกซิ่ง ยิม ได้ออกมาประกาศจัดศึกใหญ่ส่งท้ายปี "U-NEXT BOXING.4" ในวันที่ 17 ธันวาคม ที่ สังเวียน เรียวโงกุ โคคุงิกัง กรุงโตเกียว โดยมีโปรแกรมชิงแชมป์โลกถึง 2 คู่ ซึ่งคู่เอกเป็นการเผชิญหน้ากันระหว่าง เซย์ยะ ซึซึมิ วัย29 ปี "แชมป์โลกในสถานะพัก" (Champion in Recess) ของ WBA รุ่นแบนตัมเวต กับ โนนิโต้ "เดอะ ฟิลิปปินส์ แฟลช" โดแนร์ วัย 42 ปี เจ้าของแชมป์เฉพาะกาล WBA จากฟิลิปปินส์
นี่จะเป็นการป้องกันตำแหน่งครั้งที่ 2 ของ ซึซึมิ (สถิติ 12-0-3, 8 KOs) และเป็นการขึ้นชกครั้งสำคัญของ โนนิโต้ โดแนร์ (อดีตแชมป์โลก 5 รุ่น) ผู้ที่เพิ่งคว้าแชมป์เฉพาะกาล WBA มาได้ด้วยชัยชนะคะแนนเหนือ อันเดรส คัมโปส เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แม้จะมีข้อสงสัยเกี่ยวกับความสมเหตุสมผลของไฟต์ชิงแชมป์เฉพาะกาลครั้งนั้น เนื่องจากคู่ชกอย่าง คัมโปส มีการไต่อันดับขึ้นมาอย่างกะทันหันก็ตาม
เซย์ยะ ซึซึมิ ได้แสดงความเห็นถึงคู่ชกชาวฟิลิปปินส์ ว่าถึงแม้จะมีคอมเมนต์มากมายที่มองว่าการเคลื่อนไหวของโดแนร์ในไฟต์ล่าสุดดูย่ำแย่และอ่อนลง แต่แชมป์ชาวญี่ปุ่นกลับมองต่างออกไป
"ช่วงนี้มีคนคอมเมนต์มากมายเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของโดแนร์ที่แย่มาก ว่าเขาอ่อนแอลง ดูมันทนไม่ไหว แต่ผมคิดว่า เขาจะพัฒนาขึ้นมากในไฟต์นี้"
ซึซึมิ ชี้ให้เห็นว่าไฟต์นี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อโดแนร์ เพราะชัยชนะจะเปิดโอกาสให้ตำนานฟิลิปปินส์ได้เจอกับคู่ชกที่มีมูลค่าสูงอย่าง เทนชิน นาสึกาวะ (ซึ่งจะชิงแชมป์ WBC รุ่นเดียวกันกับ ทาคุมะ อิโนอุเอะ) หรือแม้กระทั่งแมตช์รวมแชมป์กับสถาบันอื่น ๆ ในญี่ปุ่น ซึ่งจะนำมาซึ่ง "โอกาสที่เขาจะได้เปล่งประกายและทำเงินจากการต่อสู้ได้มากมาย"
ไฟต์นี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการจัดระเบียบของรุ่นแบนตัมเวต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการยืนยันการชิงแชมป์โลก WBC รุ่นเดียวกันในวันที่ 24 พฤศจิกายน ที่โตเกียว ระหว่าง เทนชิน นาสึกาวะ (อันดับ 1) และ ทาคุมะ อิโนอุเอะ (อันดับ 2) จากยิมโอฮาชิ ซึ่งเป็นคู่ชกที่ ซึซึมิ เคยเอาชนะคะแนนมาได้ในการชิงแชมป์ WBA เมื่อเดือนตุลาคม 2022 และทำให้เขาได้ครองบัลลังก์มาจนถึงปัจจุบัน
ชัยชนะเหนือโดแนร์จึงเป็นก้าวสำคัญสำหรับ ซึซึมิ เพื่อกลับสู่สถานะแชมป์โลกเต็มตัวและเดินหน้าตามความมุ่งมั่นที่จะเปิดศึกรวมแชมป์กับผู้ชนะระหว่าง นาสึกาวะ-อิโนอุเอะ ต่อไป
