แมวมองของ อาร์เซน่อล ได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว แต่น่าเสียดายที่การมาถึงของ มิก้า บีเร็ธ ผิดที่ผิดเวลาในทีมชุดใหญ่ของ มิเกล อาร์เตต้า
ถือเป็นเรื่องปกติสำหรับสโมสรพรีเมียร์ลีกที่ในแต่ละปีมีการปล่อยผู้เล่นจากทีมเยาวชนที่ไม่มีแววขึ้นชุดใหญ่ออกไป แล้วไปแจ้งเกิดกับสโมสรอื่น
อย่างในช่วงซัมเมอร์ปี 2024 อาร์เซน่อล ขาย บีเร็ธ ไปให้ สตวร์ม กราซ เช่นเดียวกับ บรู๊ค นอร์ตัน-คัฟฟี่ ไปให้ เจนัว และ ชาร์ลี ปาตินโญ่ ไปให้ เดปอร์ตีโบ ลา กอรุนญ่า
บีเร็ธ ฉายแววโดดเด่นในทีมเยาวชนของ ฟูแล่ม จนเตะตาแมวมองของ อาร์เซน่อล ที่ดึงตัวมาร่วมทัพในปี 2021 ตามแนวทางที่ปรับเปลี่ยนระบบการคัดเลือกผู้เล่นเยาวชน
แมวมองของ เดอะ กันเนอร์ส มองเห็นอะไรในตัว บีเร็ธ
ศูนย์หน้าที่มีส่วนสูง 6 ฟุต 2 นิ้ว หรือ 187 เซนติเมตร ถูกมองว่าเป็น 'หมายเลข 9' แท้ๆ มีความเป็น 'old-fashioned' หรือศูนย์หน้าคลาสสิก สไตล์ดั้งเดิมของฟุตบอลอังกฤษ
บีเร็ธ มีความเฉียบคม แข็งแกร่ง ดุดัน ไล่บี้ พุ่งชน กัดไม่ปล่อย และมีความสมัยใหม่ มีความเร็ว มีทักษะรอบด้าน แต่น่าเสียดายที่มาอยู่กับ อาร์เซน่อล ผิดเวลา
ในช่วงเวลานั้น อาร์เตต้า กำลังนำพา อาร์เซน่อล เล่นสไตล์ครองบอล แทบไม่มีการครอสบอลจากริมเส้น หลายเกมจัดทัพแบบ 'ฟอลส์ไนน์' (ไม่มีศูนย์หน้าตัวเป้า)
นั่นจึงทำให้โอกาสที่ บีเร็ธ จะสอดแทรกขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่แทบมองไม่เห็น
"ผมเป็นศูนย์หน้าสไตล์เรียบง่าย สไตล์เก่า ไม่ค่อยสนใจเรื่องการสร้างสรรค์เกม การเล่นที่สวยงาม และไม่ค่อยมีคลิปไฮไลท์เจ๋งๆ ในยูทูปมากนัก"
"ผมทำหน้าที่ของผมให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ หน้าที่ของผมคือการยิงประตู ประตูส่วนใหญ่ของผมอาจจะไม่ค่อยสวย เป็นการเก็บตกในกรอบ 5 หลา หรือยิงในกรอบโทษ นั่นคือสไตล์การเล่นของผม"
บีเร็ธ ถูกปล่อยไปเล่นในเอเรดิวิซี่กับ อาร์เคซี วาลไวค์ ยิงไปเพียง 2 ประตูจาก 13 เกม ไม่ใช่การย้ายทีมแบบยืมตัวที่ดี ก่อนย้ายไป มาเธอร์เวลล์ ในสกอตติช พรีเมียร์ชิพ ยิง 6 ประตูกับ 5 แอสซิสต์ จากการลงตัวจริง 11 เกม
ศูนย์หน้าหนุ่มเลือกเล่นให้ทีมชาติเดนมาร์ก ชุดอายุไม่เกิน 19 ปี ตามเชื้อสายของบิดาที่เป็นลูกครึ่งเดนิช-เยอรมัน แทนที่ บอสเนีย เชื้อสายมารดา และ อังกฤษ แผ่นดินเกิด
สตวร์ม กราซ สโมสรออสเตรีย คือสถานที่ที่ทำให้ บีเร็ธ เติบโตขึ้น หลังจากยิงไป 9 ประตูจาก 22 เกมในครึ่งหลังของฤดูกาล 2023-24 การซื้อขาดจาก อาร์เซน่อล ก็เกิดขึ้น
"ทุกครั้งที่ผมไปเล่นแบบยืมตัวแล้วกลับมา ผมรู้สึกว่าผมไม่มีโอกาสจริงๆ ผมไม่ใช่คนที่เล่นฟุตบอลไปวันๆ แบบไร้เป้าหมาย แค่ซ้อมกับทีมยู-21 แล้วหวังว่าจะได้โอกาสในทีมชุดใหญ่"
ทุกฝ่ายต่างเห็นชอบว่าการย้ายทีมจะเป็นผลดีสำหรับทุกคน ปิดฉากช่วงเวลากับ อาร์เซน่อล ที่ไม่เคยลงเล่นในทีมชุดใหญ่ของ อาร์เตต้า เลยแม้แต่นาทีเดียว
"เมื่อคุณอยู่กับ อาร์เซน่อล คุณคิดว่าการได้เล่นให้ อาร์เซน่อล คือทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว"
"แต่ผมคิดว่าพอคุณเติบโตขึ้น และเจอประสบการณ์ต่างๆ ในวงการฟุตบอล คุณจะเห็นว่ายังมีอีกหลายสโมสรดีๆ ที่เล่นในระดับสูงให้คุณเลือก"
บีเร็ธ ยิงแหลก 14 ประตูจาก 25 เกมให้กับ สตวร์ม กราซ ในช่วงครึ่งแรกของฤดูกาล 2024-25
จนถูก โมนาโก ซื้อไปร่วมทัพในราคา 13 ล้านยูโร บวกส่วนเสริม 2 ล้านยูโร ยกระดับจากที่ สตวร์ม กราซ จ่ายให้ อาร์เซน่อล เมื่อ 6 เดือนที่แล้ว ในราคา 4 ล้านยูโร
บีเร็ธ นับหนึ่งประตูแรกกับ โมนาโก ในช่วงปลายเดือนมกราคม และซัลโวแฮตทริกถึง 3 เกมในเดือนกุมภาพันธ์ จบซีซั่นด้วยจำนวน 13 ประตูจาก 15 เกมในลีกเอิง ขึ้นมาจบในท็อปชาร์ตดาวซัลโวอย่างน่าทึ่ง
หากนับเฉพาะปี 2025 จำนวน 13 ประตูในลีกเอิงของ บีเร็ธ เป็นเบอร์หนึ่งเท่ากับ อุสมาน เดมเบเล่ ที่เป็นดาวซัลโวตลอดฤดูกาล และเป็นรองแค่ คีลียัน เอ็มบัปเป้ กับ แซร์อู กีราสซี่ เพียงสองคน เมื่อเทียบทั้ง 5 ลีกใหญ่ยุโรป
ศูนย์หน้าวัย 22 ปี ได้รับรางวัลตอบแทนด้วยการรับใช้ทีมชาติเดนมาร์กชุดใหญ่ไปแล้ว 2 เกมในปี 2025
นี่คือหนึ่งปีให้การก้าวกระโดดของ บีเร็ธ อย่างแท้จริง สวนทางกับ อาร์เซน่อล ที่กำลังมองหาศูนย์หน้าตัวเป้าคนใหม่ในช่วงตลาดซัมเมอร์ หลังจากหลายเกมในซีซั่นที่ผ่านมา อาร์เตต้า ต้องเล่นแบบ 'ฟอลส์ไนน์'
แล้วถ้าฤดูกาล 2024-25 บีเร็ธ ยังอยู่กับ อาร์เซน่อล คิดว่าจะได้โอกาสจาก อาร์เตต้า หรือไม่?
"ใช่ ผมคิดว่าคงมีคนคิดแบบนั้น ไม่ใช่แค่ผมคนเดียว แต่นี่แหละฟุตบอล"
"ตอนที่ผมอยู่ที่นั่น ผมไม่ได้รู้สึกว่าผมจะมีโอกาสเลย ผมไม่อยากนั่งรอโชคชะตา ผมอยากออกไปพิสูจน์ตัวเอง และผมก็คิดว่าผมทำได้ในระดับหนึ่ง"
"ฟุตบอลก็เป็นอะไรที่แปลก คุณอาจจะคิดได้เสมอว่า แล้วถ้าผมไม่ทำอย่างนั้นละ! หรือ แล้วถ้าผมอยู่ต่อไปจะเป็นอย่างไร?"
แต่เชื่อเถอะ ต่อให้ บีเร็ธ ยังปักหลักรอโอกาสอยู่กับ อาร์เซน่อล ต่อไปในฤดูกาลนี้ อาร์เตต้า ก็ยังคงเลือกจับ มิเกล เมรีโน่ ขึ้นไปยืนกองหน้าแบบ 'ฟอลส์ไนน์' อยู่ดี