ความล้มเหลวของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซีซั่นที่ผ่านมา ทำให้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ต้องการผู้เล่นที่ฉีกซองพร้อมใช้ ไม่ใช่เวลาปลุกปั้นดาวรุ่งแต่อย่างใด
จึงเป็นเรื่องน่าเสียดายสำหรับ เจมส์ แม็คคาที ที่จะต้องก้าวเท้าออกจากสโมสร หลังจากฤดูกาลสุดท้ายกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำไป 7 ประตูจาก 27 เกมรวมทุกรายการ
แม็คคาที อยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาตั้งแต่อายุ 10 ขวบ เป็นหนึ่งในผลผลิตที่น่าภาคภูมิใจของสโมสร และอยู่ในแชมป์เอฟเอ ยูธคัพ ในฤดูกาล 2019-20
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ส่ง แม็คคาที ไปเพาะบ่มฝีเท้ากับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด สองฤดูกาล ปีแรกเล่นอยู่ในแชมเปี้ยนชิพ และปีที่สองเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีก
ภาพรวมคือสอบผ่าน และ เป๊ป ก็ลั่นวาจาก่อนเริ่มฤดูกาล 2024-25 ว่าต้องการมี แม็คคาที อยู่ในทีมชุดใหญ่
นั่นคือเหตุผลของการได้ลงสนามไป 27 เกมรวมทุกรายการ ยิงไป 7 ประตู แต่ไม่ปรากฏแอสซิสต์
แต่ด้วยการจบซีซั่นแบบมือเปล่า ทำให้สโมสรระดับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องการกลับสู่ความสำเร็จอย่างรวดเร็ว เม็ดเงินทะลุหลัก 150 ล้านปอนด์ ถูกจ่ายไปในตลาดซัมเมอร์
หนึ่งในนั้นคือการจ่าย 34 ล้านปอนด์ซื้อ รายาน แชร์กี ปีกทีมชาติฝรั่งเศสมาจาก โอลิมปิก ลียง และนั่นเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ แม็คคาที ไม่อยู่ในแผนการของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อีกต่อไป
แม็คคาที พิสูจน์ตัวเองในพรีเมียร์ลีกได้ระดับหนึ่งแล้ว ประกอบกับการเป็นกัปตันทีมชาติอังกฤษ ชุดยู-21 ที่คว้าแชมป์ยุโรปในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา จึงได้รับความสนใจไปไกลถึงบุนเดสลีกา
โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์, ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น, ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต เป็นหนึ่งในสโมสรเยอรมันที่ แม็คคาที พูดคุยด้วยทั้งหมดแล้ว แต่สุดท้ายแล้วเลือกปักหลักอยู่ในพรีเมียร์ลีกต่อกับ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์
30 ล้านปอนด์ที่ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ จ่ายเป็นค่าตัวของ แม็คคาที ถูกคาดการณ์ว่าอาจไม่แพงเลย เมื่อเปรียบเทียบกับ โคล พาลเมอร์ ที่ในอดีต เชลซี เคยจ่าย 40 ล้านปอนด์ให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ท่ามกลางข้อสงสัยมากมาย
การเป็นผู้เล่นเยาวชนของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ง่ายเลยที่จะก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ เพราะไม่ใช่แค่ฝีเท้าดีอย่างเดียว แต่จังหวะและเวลาต้องได้ด้วย เหมือนอย่างที่ ฟิล โฟเด้น เคยผ่านมาแล้ว
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พร้อมจ่ายเงินเพื่อซื้อผู้เล่นระดับโลก หรือดาวรุ่งที่ถูกมองว่ามีอนาคตไกล นั่นจึงเป็นปัญหาหลักของผู้เล่นเยาวชนในสโมสรที่ถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในอาคาเดมี่ที่ดีที่สุดในโลก
โคล พาลเมอร์, เลียม ดีแล็ป, เจมส์ แม็คคาที
ไม่ใช่แค่ พาลเมอร์ ที่ย้ายออกไปแล้ว ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วกับ เชลซี
มอร์แกน โรเจอร์ส ถูกขายให้ มิดเดิลสโบรช์ ในปี 2023 ราคาเพียง 1 ล้านปอนด์ ตอนนี้กลายเป็นตัวหลักของ แอสตัน วิลล่า เป็นสมาชิกขาประจำของทีมชาติอังกฤษ
และล่าสุดคว้ารางวัลดาวรุ่งแห่งปีของพีเอฟเอ หรือสมาคมนักฟุตบอลอาชีพของอังกฤษ ในฤดูกาล 2024-25
อีกคนที่อาจกลับมาทิ่มแทง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็คือ เลียม ดีแล็ป ศูนย์หน้าที่ขายให้ อิปสวิช 20 ล้านปอนด์เมื่อปีที่แล้ว และย้ายไป เชลซี ในราคา 30 ล้านปอนด์ในตลาดซัมเมอร์นี้
ที่เอ่ยมาทั้งหมดคือสมาชิกของทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อีดีเอส (ชุดเยาวชน) ที่คว้าแชมป์เอฟเอคัพ ยูธคัพ ในฤดูกาล 2019-20 โดยรอบชิงชนะเลิศที่ชนะ เชลซี 3-2
ผู้เล่นตัวจริงของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชุดนั้นมี โคล พาลเมอร์ (หมายเลข 7), เลียม ดีแล็ป (หมายเลข 9), มอร์แกน โรเจอร์ส (หมายเลข 11) และ เจมส์ แม็คคาที (หมายเลข 10)
น่าเสียดายที่ทั้งหมดไม่มีใครได้ไปต่อในทีมชุดใหญ่ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แต่ทุกคนก็คงเข้าใจดีว่านี่คือวิถีทางของสโมสรใหญ่อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้