เป็นอีกครั้งที่ต้องพูดถึง เออร์ลิง ฮาแลนด์ เพราะความสม่ำเสมอในการทำประตู ทำให้หลายๆ สถิติถูกทำลายลงจากฝีเท้าของศูนย์หน้าชาวนอร์เวย์
ชื่อของ ฮาแลนด์ เริ่มถูกพูดถึงในฐานะลูกทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ที่สโมสร โมลด์ ยิงไป 16 ประตูจาก 30 เกมในฤดูกาล 2018 จากนั้น เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก คิดเร็วทำเร็ว ดึงตัวไปร่วมทีม
ฝีเท้าและผลงานของ ฮาแลนด์ เริ่มเป็นที่ประจักษ์มากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งศึกฟีฟ่า ยู-20 เวิลด์คัพ ปี 2019 แม้ นอร์เวย์ ตกรอบแรก แต่ดาวยิงวัย 18 ในเวลานั้น ซัลโวคนเดียว 9 ประตูในชัยชนะเหนือ ฮอนดูรัส 12-0
แฟนฟุตบอลหลายคนที่ยังไม่รู้จัก ก็ได้รู้จัก ฮาแลนด์ แวบแรกจากเกมนั้น และถึงได้รู้ต่อมาว่านี่คือลูกชายของ อัลฟ์ อิงเก้ ฮาแลนด์ อดีตกองกลางทีมชาตินอร์เวย์ ที่เคยเล่นในพรีเมียร์ลีกกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ตั้งแต่ฤดูกาล 2019-20 เป็นต้นมา ฮาแลนด์ ตะบันประตูใส่คู่แข่งแบบไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น สร้างตัวเลขการทำประตูที่น่าทึ่ง และทำลายสถิติต่างๆ หลายรายการ
28 ประตู จาก 22 เกมกับ เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ทำให้ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ดึงตัวไปร่วมทัพในช่วงกลางซีซั่น
และ ฮาแลนด์ ก็ไม่ต้องใช้เวลาในการปรับตัวอะไรเลย ซัลโวไป 16 ประตูจาก 18 เกมในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล 2019-20 ต่อด้วย 41 ประตูจาก 41 เกมในฤดูกาล 2020-21 และ 29 ประตูจาก 30 เกมในฤดูกาล 2021-22
บ้าไปแล้ว ฮาแลนด์ ทำประตูได้อย่างสม่ำเสมอ ด้วยตัวเลขที่ใกล้เคียงกับจำนวนเกมที่ลงสนาม
การย้ายสู่พรีเมียร์ลีกจึงเกิดขึ้นหลังจากนั้น และเพียงปีแรกก็พา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าสามแชมป์ พรีเมียร์ลีก, เอฟเอคัพ และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
ฮาแลนด์ คือจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ตามหา
36 ประตูจาก 35 เกม ฤดูกาลแรกในลีกที่ถูกยกย่องว่าเป็นเบอร์หนึ่งของโลก รวมแล้ว 52 ประตูจาก 53 เกมรวมทุกรายการ แสดงให้เห็นชัดเจนแล้ว ฮาแลนด์ คือของแท้
แม้ตัวเลขการทำประตูดร็อปลงไปบ้าง 38 ประตูจาก 45 เกมในฤดูกาล 2023-24 และ 34 ประตูจาก 48 เกมในฤดูกาล 2024-25 แต่ ฮาแลนด์ ก็กลับมาติดเครื่องอีกครั้งในฤดูกาล 2025-26
ประตูที่ทำได้ในเกมที่ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบียน ช่วงปลายเดือนสิงหาคม ทำให้ ฮาแลนด์ สร้างชื่อด้วยการเป็นผู้เล่นที่ทำประตูได้มากที่สุด 88 ประตู จากการลงเล่น 100 เกมแรกในพรีเมียร์ลีก
เดิมที สถิตินี้เป็นของตำนาน อลัน เชียเรอร์ ที่ทำเอาไว้ 79 ประตูจาก 100 เกมแรก ตามด้วย รุด ฟาน นิสเตลรอย 68 ประตู, เซร์คิโอ อเกวโร่ 64 ประตู, แอนดรูว์ โคล, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ เฟร์นานโด ตอร์เรส 63 ประตูเท่ากัน
ไม่เพียงแค่ทำลายสถิติของ เชียเรอร์ แต่ ฮาแลนด์ ยังเอาชนะด้วยจำนวนประตูแบบขาดลอยด้วย
หลังจากนั้นก็เข้าสู่สัปดาห์ทีมชาติในช่วงต้นเดือนกันยายน ฮาแลนด์ จัดการยิงคนเดียว 5 ประตู ในเกมฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือกที่ นอร์เวย์ ถล่ม มอลโดวา 11-1
ฮาแลนด์ เพิ่มสถิติทำประตูสูงสุดให้ นอร์เวย์ เป็น 48 ประตู จากการลงเล่นเพียง 45 เกม และนี่คือแฮตทริกครั้งที่ 5 ในนามทีมชาติ เป็นการยิงประตูอย่างสม่ำเสมอนับตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา
หรือนับตั้งแต่ซัลโว 9 ประตูในเกมเดียวให้กับทีมชาติชุดยู-20 นั่นแหละ
จากนั้นอีกหนึ่งสถิติก็มาถึงในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เอาชนะ นาโปลี 2-0
ฮาแลนด์ ทำหนึ่งประตู กลายเป็นประตูที่ 50 ในถ้วยใบใหญ่สุดของยุโรปที่ทำได้ร่วมกับ เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก, โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
สถิติก็คือ ยิงครบ 50 ประตูได้เร็วที่สุด โดย ฮาแลนด์ ใช้เวลาเพียง 49 เกมเท่านั้น
เป็นการทำลายสถิติของ ฟาน นิสเตลรอย ที่ทำเอาไว้ 50 ประตู จาก 62 เกม ลงอย่างราบคาบ
แม้แต่ ลีโอเนล เมสซี่ ก็ยังต้องใช้ถึง 66 เกมกว่าจะยิงครบ 50 ประตู, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ใช้ 77 เกม และ คีลียัน เอ็มบัปเป้ ใช้ 79 เกม
การจะกลับมาประสบความสำเร็จอีกครั้งของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาล 2025-26 จึงมีความเป็นไปได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะปัจจัยสำคัญที่สุดคือศูนย์หน้าต้องยิงอย่างสม่ำเสมอตลอดทั้งซีซั่น