รากฐานความสำเร็จของบาร์ซ่า

บาร์เซโลน่า ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่อย่างแข็งแกร่ง และทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณพรสวรรค์ของนักเตะดาวรุ่งที่เติบโตขึ้นมาจาก 'ลา มาเซีย' ศูนย์ฝึกนักเตะของสโมสร

ยักษ์ใหญ่แคว้นกาตาลุนย่าไม่เพียงแต่หันกลับไปหารากฐานของตัวเองเท่านั้น แต่ยังแสดงให้โลกเห็นว่าความสำเร็จไม่จำเป็นต้องมาจากการทุ่มเงินจำนวนมหาศาลเสมอไป

ด้วยความสำเร็จจากการคว้าแชมป์ในประเทศทั้ง 3 รายการอย่าง ลา ลีกา, โกปา เดล เรย์ และ ซูเปร์โกปา เด เอสปันญ่า หลังแผนของ บาร์เซโลน่า ได้ผลอย่างชัดเจน และสิ่งที่น่าประทับใจยิ่งกว่าคือความสำเร็จส่วนใหญ่มาจากนักเตะดาวรุ่งที่พัฒนาขึ้นมาในสโมสร

ภายใต้การกุมบังเหียนของ ฮันซี่ ฟลิค ทัพอาซูลกราน่าไม่แค่เพียงเล่นได้ดีเท่านั้น แต่ยังสามารถครองเกมได้อีกด้วย กับอายุเฉลี่ยของทีมเพียง 25.1 ปี พวกเขาแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญ, มีพลัง และเป็นหนึ่งเดียวกัน

การมาถึงของ ฟลิค ทำให้มีวิสัยทัศน์ใหม่ๆและความเชื่อมั่นในผู้เล่นอายุน้อยที่แข็งแกร่งทดแทนการไล่ล่าเพื่อเซ็นสัญญากับนักเตะด้วยเงินจำนวนมาก หลัง บาร์เซโลน่า เซ็นสัญญากับแข้งใหม่เพียงสองคนคือ ดาเนียล โอลโม่ และ เปา บิคตอร์ ในช่วงซัมเมอร์ปีที่แล้วเท่านั้น

แม้ว่าการเซ็นสัญญาดังกล่าวจะเป็นเพราะปัญหาทางการเงินของสโมสรก็ตาม แต่การผลักดันนักเตะขึ้นมาจาก 'ลา มาเซีย' ก็เป็นอีกหนึ่งความท้าทายเช่นกัน

ในฤดูกาลนี้ บาร์เซโลน่า ได้แสดงให้เห็นถึงพลังของนักเตะจากอะคาเดมี่ของพวกเขาอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน นักเตะอย่าง ลามีน ยามาล, เปา กูบาร์ซี่, เฟร์มีน โลเปซ, มาร์ก กาซาโด้, อาเลฆานโดร บัลเด้, เคราร์ด มาร์ติน และ มาร์ก เบร์นาล ต่างก็ก้าวขึ้นมาในช่วงเวลาสำคัญ

บางคนอาจไม่รู้จักนักเตะบางคนในช่วงเริ่มต้นฤดูกาล แต่พวกเขากลายเป็นผู้เล่นสำคัญที่มีส่วนช่วยนำความสำเร็จมาสู่สโมสรในท้ายที่สุด

ยามาล ทำผลงานอย่างโดดเด่น หลังการยิง 17 ประตูกับ 25 แอสซิสต์ โดยแนวรุกวัย 17 ปีไม่เพียงแค่ปรากฎตัวเท่านั้น แต่เขายังมีอิทธิพลต่อเกมด้วยจากการเล่นตำแหน่งปีกขวาทำให้ บาร์เซโลน่า กลายเป็นทีมที่คาดเดาไม่ได้และหยุดยาก

ขณะที่ กูบาร์ซี่ ลงเล่นในแนวรับอย่างมั่นคงและใจเย็นเหมือนนักเตะที่มีประสบการณ์โชกโชน สำหรับกองหลังวัย 18 ปีอย่างเขา การยืนตำแหน่ง, การตัดสินใจและการผ่านบอลจากแนวรับนั้นโดดเด่นมาก เขาสร้างความร่วมมือที่แข็งแกร่งกับ อินญีโก้ มาร์ตีเนซ เซนเตอร์วัย 33 ปี แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้ใหญ่เกินวัย

สำหรับ เคราร์ด และ เบร์นาล เป็นอีกสองดาวรุ่งที่เติบโตมาจาก 'ลา มาเซีย' และลงประเดิมสนามกับทีมชุดใหญ่ในฤดูกาลนี้ แม้ว่า เบร์นาล จะโชคร้ายได้รับบาดเจ็บเอซีแอลฉีกขาดตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาลก็ตาม แต่ ฟลิค มอบโอกาสให้ เคราร์ด ลงเล่นมากพอในเกมสำคัญ และเขาตอบแทนความไว้วางใจดังกล่าวด้วยการทำผลงานที่น่าประทับใจ

ด้าน กาซาโด้ ก็ได้รับคำชมในการควบคุมแดนกลางและวางยืนตำแหน่งอันชาญฉลาด โดยในช่วงเวลาหนึ่ง ฮันซี่ ฟลิค ยังเลือกเขาลงสนามก่อน เฟรงกี้ เดอ ย็อง ด้วยซ้ำ

แม้ว่าเขาจะลงประเดิมสนามกับ บาร์เซโลน่า ตั้งแต่ยุคของ ชาบี เอร์นานเดซ ก็ตาม แต่เขาแทบไม่มีความสำคัญใดๆ จนอาจกล่าวได้ว่า ฟลิค เป็นคนดึงผลงานดีที่สุดออกมาจากมิดฟิลด์วัย 21 ปี

ส่วน เฟร์มีน มีส่วนทำให้ บาร์เซโลน่า มีพลังและเพิ่มความแข็งแกร่งในแดนกลาง หลังการแข่งขันกับ ดาเนียล โอลโม่ เพื่อลงเล่นตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุก ซึ่งทำให้อดีตแข้ง แอร์เบ ไลป์ซิก ต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อแย่งตำแหน่งตัวจริง

สำหรับ เปโดร กอนซาเลซ โลเปซ แม้ว่าจะไม่ใช่นักเตะที่เติบโตมาจาก 'ลา มาเซีย' ก็ตาม แต่เขาสามารถปรับการเล่นเข้ากับรูปแบบของ บาร์เซโลน่า ได้อย่างกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน มิดฟิลด์วัย 22 ปีได้รับคำชมจากการครองเกมได้อย่างสมบูรณ์แบบ และมีอิทธิพลอย่างมากจนคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมถึง 8 จาก 10 เกมในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา 

ส่วน ปาโบล ปาเอซ กาบีร่า กาบี ก็มีบทบาทมากขึ้นตามลำดับ นับตั้งแต่ฟื้นตัวจากการบาดเจ็บเข่ารุนแรง 

คนที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จที่ขับเคลื่อนโดยนักเตะอายุน้อยเหล่านี้คือ ฮันซี่ ฟลิค เทรนเนอร์ชาวเยอรมันที่สร้างทีมขึ้นมาด้วยมือของเขาเอง

แนวทางของ ฟลิค นั้นเรียบง่าย แต่ชาญฉลาด เขามอบบทบาทที่ชัดเจนให้นักเตะ ปล่อยให้พวกเขาได้แสดงความสามารถและทำให้พวกเขาเชื่อว่าพวกเขาคู่ควรกับตำแหน่งสูงสุด

สไตล์การเล่นของ ฟลิค เหมาะกับนักเตะอายุน้อยของทีมอาซูลกราน่าอย่างสมบูรณ์แบบ การเปลี่ยนผ่านที่รวดเร็ว การเพรสซิ่งสูง และการเล่นฟุตบอลที่เน้นเกมรุก ทำให้พวกเขามีอิสระในการเปล่งประกายความสามารถของตนเอง

ผลงานเหล่านี้บ่งบอกได้ด้วยตัวเอง บาร์เซโลน่า สามารถโค่นคู่ปรับสำคัญอย่าง เรอัล มาดริด ในการพบกันทั้ง 4 ครั้งในฤดูกาลนี้และยิงรวมกันถึง 16 ประตู ส่งผลให้ ฟลิค กลายเป็นเทรนเนอร์คนที่สองของทัพอาซูลกราน่าที่ทำผลงานดังกล่าว

บาร์เซโลน่า ไม่เพียงแต่เอาชนะคู่ปรับตลอดกาลในเกมสำคัญเท่านั้น แต่ทีมของเทรนเนอร์ชาวเยอรมันยังแสดงให้เห็นถึงความสม่ำเสมออีกด้วย พวกเขาเก็บหลายคลีนชีต, ทำประตูจากหลากหลายพื้นที่และเล่นด้วยความสามัคคี

กลุ่มนักเตะยังทำงานเหมือนครอบครัว โดยผู้เล่นที่มีประสบการณ์คอยให้การช่วยเหลือบรรดาแข้งดาวรุ่งอายุน้อย ผู้เล่นเก๋าๆอย่าง วอยเชียค เชสนี่, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้, อินญีโก้ มาร์ตีเนซ และ เฟรงกี้ เดอ ย็อง ต่างมีส่วนสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงนี้ และสร้างสมดุลระหว่างนักเตะดาวรุ่งกับผู้เล่นมากประสบการณ์

การคว้าแชมป์ ลา ลีกา ก่อนจบฤดูกาล 2 เกม เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าทัพอาซูลกราน่ามีความโดดเด่นเพียงใด การคว้าแชมป์ โกปา เดล เรย์ หลัง บาร์เซโลน่า เอาชนะเกมที่ยากลำบากด้วยความแข็งแกร่งและไหวพริบ

ส่วนความสำเร็จในรายการ ซูเปร์โกปา เด เอสปันญ่า พวกเขาได้แสดงให้เห็นถึงความนิ่งและความเป็นผู้ใหญ่ การคว้าแชมป์ 3 รายการในประเทศนั้นเป็นผลมาจากการทำงานของทีมที่เป็นน้ำหนึ่งเดียวกันและความพยายามร่วมกันอย่างสมบูรณ์แบบ

ความสำเร็จนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงฤดูกาลเดียวกับทีมที่มีอายุเฉลี่ยเพียง 25.1 ปี ทำให้ทีมของ ฮันซี่ ฟลิค ดูจะมีอนาคตที่สดใสด้วยผู้เล่นแกนหลักที่มีอายุน้อยเช่นนี้ ซึ่งยังมีช่องว่างสำหรับการพัฒนาและเติบโตต่อไป ในขณะที่นักเตะกำลังเรียนรู้จากการทำงาน ได้รับประสบการณ์และสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นทั้งในและนอกสนาม

ฟลิค ยังเคยส่งนักเตะตัวจริงที่อายุเฉลี่ยเพียง 23.7 ปีในเกมบุกชนะ เรอัล บายาโดลิด 2-1 ซึ่งเป็นกลุ่มนักเตะอายุน้อยสุดอันดับ 3 ในฤดูกาลนี้ นำทัพโดย 6 นักเตะจาก 'ลา มาเซีย' อย่าง เอคตอร์ ฟอร์ต, เคราร์ด มาร์ติน, ปาโบล ปาเอซ กาบีร่า กาบี, เฟร์มีน โลเปซ, อันซู ฟาตี และ ดาเนียล โรดรีเกซ 

สำหรับความท้าทายหลังจากนี้คือความสม่ำเสมอ นักเตะอายุน้อยเหล่านี้จะสามารถรักษาระดับการเล่นนี้ไว้ได้หรือไม่ และ ฟลิค จะสามารถผลักดันพวกเขาให้ก้าวไปข้างหน้าต่อไปได้หรือไม่เท่านั้น