เบื้องหลังความสำเร็จของห้างยา

เดวิน โอเซ็ค อดีตผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายกีฬาของ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น เคยมีส่วยสำคัญในการบริหารจัดการทีมร่วมกับ ซีม่อน โรลเฟส จนผลักดันทีมห้างยาสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้าแชมป์บุนเดสลีกาแบบไร้พ่ายในซีซั่น 2023-2024
โอเซ็ค เชื่อว่า โฟลเรียน เวียร์ตซ์ เป็นหนึ่งในการเซ็นสัญญาดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของบุนเดสลีกา หลังนักเตะย้ายจาก เอฟซี โคโลญจน์ มาเซ็นสัญญากับ เลเวอร์คูเซ่น ในเดือนมกราคมปี 2020 ก่อนเขาจะลงประเดิมสนามกับทีมชุดใหญ่ในอีก 4 เดือนถัดมา
อดีตผู้ช่วยของ โรลเฟส ที่เพิ่งลาออกจากตำแหน่งในช่วงต้นปีนี้ได้พูดถึงผลกระทบต่อ เวียร์ตซ์ ที่มีต่อสโมสรว่า 'เขาเป็นนักเตะที่ฉลาดอย่างเหลือเชื่อ สามารถเข้าใจช่องว่างระหว่างไลน์ สร้างสรรค์โอกาส และรับบทบทเพลย์เมคเกอร์ขั้นสูง'
'แต่ถ้าเราพูดถึง โฟลเรียน เวียร์ตซ์ เราต้องยกความดีความชอบให้ ซีม่อน โรลเฟส อย่างมาก เพราะเขาทำงานได้ดีมากในการเซ็นสัญญากับเขา เขาเชื่อมั่นตั้งแต่วินาทีแรกในตัวเขา และ เฟร์นานโด กาโร่ (ซีอีโอ) ต่างก็มีส่วนรับผิดชอบในการเซ็นสัญญาครั้งนี้ และสำหรับผมแล้ว นี่เป็นหนึ่งในการเซ็นสัญญาดีที่สุดในประวัติศาสตร์บุนเดสลีกา เขาอยู่ในกลุ่มระดับท็อป'
เมื่อถูกถามถึงวิธีการที่ เลเวอร์คูเซ่น พัฒนาผู้เล่นอย่าง เยเรมี ฟริมปง ตั้งแต่ปี 2021 และกำลังจะย้ายมาค้าแข้งกับ ลิเวอร์พูล, โอเช็ค ตอบว่า 'ผมคิดว่าเรามีโครงสร้างที่ดีในการพัฒนานักเตะ และเรามีโค้ชที่เหมาะสมด้วย ผมคิดว่าโค้ชมีอิทธิพลอย่างมากต่อการพัฒนานักเตะแต่ละคน'
'จากนั้นยังมีการสเกาต์ที่ดี ทีมสเกาต์ยังคงทำหน้าที่ได้ดี และนั่นคือเหตุผลที่เราสามารถเซ็นสัญญากับนักเตะประเภทนี้ได้'
เมื่อถูกถามว่าอะไรทำให้เขามั่นใจในศักยภาพของ ชาเบียร์ อลอนโซ่ ที่เพิ่งอำลา เลเวอร์คูเซ่น มารับตำแหน่งเทรนเนอร์คนใหม่ของ เรอัล มาดริด
'หากคุณดูเกมของ เรอัล โซเซียดาด เบ คุณจะเห็นว่าเขาใช้ปรัชญาที่ชัดเจน จากนั้นหากคุณดูเกมในช่วงต้นฤดูกาล และช่วงท้ายฤดูกาล คุณจะเห็นการพัฒนาครั้งใหญ่ของนักเตะอายุน้อย'
'ถ้าคุณพิจารณาอาชีพนักเตะของเขา รวมไปถึงโค้ชที่เขาเคยเล่นด้วย มันเป็นแพ็คเกจใหญ่ นั่นคือเหตุผลที่ทำให้เรารู้สึกสบายใจกับเขา'
'เขามีบุคลิกที่โดดเด่น หากเขาเข้ามาในห้องนี้ จะมีออร่าพิเศษ และผมคิดว่าเขาเป็นคนพิเศษ เขาจะเป็นโค้ชที่ยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน'
เมื่อถูกถามถึงความโดดเด่นเกี่ยวกับสไตล์การเล่นและความเป็นผู้นำของ โยนาธาน ทาห์ กองหลังคนสำคัญของ เลเวอร์คูเซ่น ที่เตรียมย้ายไปเซ็นสัญญากับ บาเยิร์น มิวนิค ในช่วงซัมเมอร์นี้
'เขาเป็นคนฉลาด เขาทำหน้าที่ป้องกันบอลได้ดี แต่ในขณะเดียวกันเขายังพัฒนาการเล่นกับบอลได้ดีมาก เขาเป็นคนที่ผสมผสานทั้งสองอย่างได้ดี จากนั้นบุคลิกของเขาในฐานะผู้นำ การนำทีมอย่างเงียบๆ แต่ชัดเจน ทำให้เขาเป็นนักเตะที่ดีมาก'
'ความสำเร็จของทีมมักจะทำให้นักเตะแต่ละคนน่าดึงดูดมากขึ้น เขาก้าวไปอีกขั้นในการเล่นได้ดีมากในเกมสำคัญๆ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมตลาดของเขาจึงใหญ่ขึ้นในตอนนี้'
โอเซ็ค ยังพูดถึงบทบาทของเขากับทีมห้างยาว่า 'ผมทำงานเป็นมือขวาของ ซีม่อน โรลเฟส ซีอีโอฝ่ายกีฬาของ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น และเรามีทีมงานเล็กๆที่ทำหน้าที่วางแผนกับทีม จัดการเรื่องการย้ายทีม จัดการเรื่องการยืมตัว ค้นหาโค้ชและเราทำมันร่วมกัน'
'มันเป็นการทำงานแบบวันต่อวัน การเดินทางไปทั่วโลก พูดคุยกับบรรดาตัวแทนนักเตะ พบกับนักเตะ และพยายามเตรียมตัวและดำเนินการในตลาดนักเตะร่วมกันในฐานะทีม'
'ผมไม่รู้ว่ามีเคล็ดลับอะไรบ้าง (ที่ทำให้ เลเวอร์คูเซ่น ประสบความสำเร็จ) แต่ผมคิดว่าการทำงานร่วมกันในฐานะทีม สิ่งที่ผมพูดได้คือบรรยากาศที่พิเศษในสโมสร เรามีซีอีโอที่ยอดเยี่ยมสองคน ผมคิดว่านี่อาจเป็นความลับที่พวกเขาเป็นผู้นำและบริหารทุกอย่าง จากนั้นเราก็ทำตามและพยายามทำอย่างดีที่สุด และสุดท้ายก็ประสบความสำเร็จ'
เมื่อถูกถามว่าเขามีส่วนร่วมสร้างทีมที่แข็งแกร่งและสร้างประวัติศาสตร์อย่างไร โอเซ็ค ตอบว่า 'เราไม่ได้สร้าง (ทีมที่แข็งแกร่ง) ขึ้นมาเพราะโชคช่วย เราทำงานอย่างละเอียดในสิ่งที่ต้องทำการวิเคราะห์ สิ่งที่เราต้องการ และโครงสร้างเกี่ยวกับทีมที่ประสบความสำเร็จ ดังนั้นเราจึงทำงานอย่างละเอียดมาก ผมคิดว่าสิ่งนี้ทำให้เราประสบความสำเร็จกับผู้เล่นในสนามและโค้ชที่ยอดเยี่ยม'
โอเซ็ค ยังพูดถึงความซับซ้อนของการทำงานในตลาดนักเตะเพิ่มเติมว่า 'การขายนักเตะเป็นเรื่องสำคัญมากเพราะกฎทางการเงินที่เรามีในลีกต่างๆ รวมถึงใน ยูฟ่า ด้วย และในขณะเดียวกัน เรากำลังคิดถึงนักเตะจากทีมเยาวชนด้วยเช่นกัน'
'มันขึ้นอยู่กับคุณว่าเป็นสโมสรชั้นนำหรือสโมสรที่ขายนักเตะ แต่ไม่ว่าคุณจะเป็นสโมสรประเภทไหน คุณมักจะมีนักเตะที่ไม่ได้อยู่ในโปรเจ็กท์เสมอไป และมันสำคัญมากที่จะต้องเริ่มต้นตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อทำความเข้าใจว่านักเตะคนใดที่เราต้องการขาย นักเตะคนใดที่เราต้องการปล่อยตัวออกไป และทำงานในส่วนนั้นอย่างแข็งขัน'
เมื่อถูกถามว่าเขาจัดการกับนักเตะที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโปรเจ็กท์อีกต่อไปอย่างไร โดยเฉพาะผู้เล่นที่รับค่าจ้างสูงหรือฟอร์มไม่ดี โอเซ็ค ตอบว่า 'สิ่งสำคัญคือต้องตรวจสอบความคาดหวังของนักเตะ ความคาดหวังของตัวแทนนักเตะ จากนั้นจึงดูว่าสโมสรแบบไหนที่สามารถจ่ายเงินค่าตัว รวมถึงค่าจ้างของนักเตะได้'
'จากนั้นก็ต้องตรวจสอบว่าใครกำลังมองหาตำแหน่งนี้ และหากเรารู้ว่ามีสโมสรไม่กี่แห่ง มันก็ขึ้นอยู่กับตลาด แต่ยังมีตลาดบางแห่งที่คุณสามารถเคลื่อนไหวได้ คุณสามารถเดินหน้าได้ คุณสามารถพูดคุยได้ คุณสามารถผลักดันได้'
'ในฐานะสโมสร มันไม่ใช่แค่การรอตัวแทนของนักเตะเท่านั้น พวกเขาอาจได้รับค่าคอมมิสชั่นที่ดีในสโมสรของเรา แล้วเขาก็ไม่สนใจที่จะนำนักเตะไปที่สโมสรอื่น ดังนั้นการผลักดันด้วยตัวเองจึงมีความสำคัญ'
เมื่อถูกถามว่าการชั่งน้ำหนักระหว่างจังหวะเวลาที่เหมาะสมในการขายนักเตะกับความมั่นคงของทีมอย่างไร โอเซ็ค ตอบว่า 'จังหวะเวลาเป็นประเด็นสำคัญมาก สโมสรต้องการขายนักเตะจากโปรเจ็กท์แต่เนิ่นๆ แต่ปัญหาคือหากนักเตะไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีหรือไม่ได้ลงเล่นหรืออะไรก็ตาม'
'มันยากมากที่เขาจะเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งในตลาด ดังนั้นคุณต้องหาจังหวะเวลาที่เหมาะสมในการขาย การหาจังหวะเวลาที่เหมาะสมคือกุญแจสำคัญในการประสบความสำเร็จ'