นักบอลนักบุญ

เนเวน ซูโบติช อดีตกองหลัง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ วัย 36 ปีได้ใช้ชีวิตหลังเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพในการทำงานเพื่อตอบแทนสังคมภายใต้มูลนิธิการกุศลของตนเอง นับตั้งแต่ประกาศรีไทร์อย่างเป็นทางการเมื่อปี 2022
'ผมเคยร่วมงานกับองค์กรการกุศาลหลายแห่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตอนที่ผมย้ายจาก ไมนซ์ มา ดอร์ทมุนด์ ในปี 2008 ผมพบองค์กรหนึ่งชื่อ 'Kinderlachen' ก่อนจะมีแฟลตของตัวเองซะอีก แน่นอนว่ามันเจ๋งและสมเหตุสมผล แต่บางครั้งผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่าผมมีอิทธิพลกับกิจกรรมของฑูตแบบนี้มากแค่ไหน มันมีผลกระทบต่อสาธารณชนเมื่อนักฟุตบอลอาชีพแจกลายเซ็นและผ้าพันคอในโรงพยาบาลเด็ก'
'แต่จริงๆแล้ว มันเป็นเพียงสิ่งเล็กๆน้อยๆ ที่ดูเหมือนมากมาย ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามความคาดหวังของผม ผมอยากทำอะไรบางอย่างที่ผมสามารถภาคภูมิใจได้จริงๆ'
'ผมได้ปรึกษากับเพื่อนๆ และในที่สุดพวกเขาก็แนะนำให้ผมตั้งมูลนิธิของตัวเองแทนที่จะวิพากษ์วิจารณ์และสงสัยคนอื่นๆต่อไป ผมชอบไอเดียนี้'
'ผมเป็นคนที่ชอบสังเกตมากกว่าตัดสินเสมอ ผมรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ย้ายทีมในสองโลก หนึ่งคือฟุตบอลที่เงินไม่ใช่ปัญหา และคำถามสำคัญที่สุดคือใครใส่เสื้อผ้าแบบไหน ใครขับรถอะไร ใครได้เกรดเท่าไหร่ในนิตยสาร คิกเกอร์ และอาหารอิตาเลียนอร่อยที่สุดในเมืองอยู่ที่ไหนในเมือง?'
'ในทางกลับกัน ชีวิตประจำวันของผมนอกสนาม ผมถามตัวเองว่าทำไมโลกนี้จึงไม่ยุติธรรม และทำไมผู้คนมากมายถึงไม่สามารถเข้าถึงน้ำสะอาดหรือการศึกษา ผมเป็นคนจริงจังและพยายามหาทางออก'
ซูโบติช ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในกองหลังดีที่สุดในยุครุ่งเรืองของเขากับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ อธิบายว่านักฟุตบอลควรมีคุณสมบัติอะไรบ้างในการทำงานการกุศล
'แน่นอนว่านั่นคือจรรยาบรรณในการทำงานของผม ซึ่งช่วยให้ผมสามารถดึงศักยภาพที่มีอยู่จำกัดออกมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงความสามารถในการรับมือกับความโดดเดี่ยวและความเหงา ไม่เพียงเท่านั้น แต่ยังสามารถนำมันมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อีกด้วย'
'ในฐานะมืออาชีพ คุณต้องทำงานเป็นทีมอย่างมาก แต่คุณยังต้องใช้เวลาอยู่กับตัวเองและสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการฝึกความแข็งแกร่ง ระหว่างการฟื้นฟูร่างกาย หรือในโรงแรมก่อนเกมเยือนนัดต่อไป ทุกวันนี้ ผมใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำงานที่บ้าน คุณสามารถใช้เวลานี้หรือไม่ก็ได้'
'สิ่งที่ผมหลงใหลในฐานะนักฟุตบอลคือการแข่งขันที่ไม่หยุดหย่อน การก้าวข้ามอุปสรรค แนวคิดในการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง สิ่งนี้ยังมีประโยชน์อย่างมากสำหรับงานที่เกี่ยวข้องกับการลงมือทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อตอบโจทย์ความต้องการอันยิ่งใหญ่ของโลก'
'หลายคนอยากพูดถึงงานนี้และสนับสนุน แต่มันจะเริ่มเหนื่อยล้าก็ต่อเมื่อคุณลงมือทำจริงๆ ในฐานะนักฟุตบอล ผมได้เรียนรู้ที่จะรับมือกับแรงต้านและอดทนต่อแรงกดดัน ทุกครั้งที่มีโปรเจ็กท์ใหม่ ผมคาดหวังว่ามันจะเหนื่อยล้า ผมคงแปลกใจมากถ้ามันไม่เป็นเช่นนั้น'
เมื่อถูกถามถึงการทำงานร่วมกันเป็นทีม ซูโบติช ตอบว่า 'ผมค่อนข้างระมัดระวังการเปรียบเทียบนี้เสมอ ทุกทีมต่างต้องการแสดงตัวตนในฐานะทีมฟุตบอลที่ทำงานได้จริง แต่ถ้าบรรยากาศในออฟฟิศเหมือนในสนามกีฬา เราคงมีสภาพแวดล้อมแบบในหนังเรื่อง 'The Wolf of Wall Street''
'ที่ใดอีกที่มี 80,000 คนส่งเสียงเชียร์ตอนคุณทำงาน ที่ไหนอีกที่เจ้านายตะโกนใส่หน้าคุณจากระยะหนึ่งเมตรในช่วงพักครึ่ง ผมได้เรียนรู้เรื่องการทำงานเป็นทีมนอกจากฟุตบอลก็จากหนังสือ ซึ่งมันสมเหตุสมผลกว่า'
ซูโบติช ยังพูดถึงมูลนิธิ 'well:fair foundation' ที่ก่อตั้งเมื่อปี 2023 ว่า 'เราช่วยผู้คนให้เข้าถึงน้ำดื่มและห้องน้ำ น้ำสะอาดเป็นสิทธิมนุษยชนและการเข้าถึงน้ำสะอาดคือพื้นฐานของชีวิตที่มีสุขภาพดีและมีศักดิ์ศรี เรายังช่วยให้เด็กๆได้ไปโรงเรียน เพราะพวกเขาไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปตักน้ำวันละ 6 ชั่วโมง น่าเสียดายที่นี่ยังคงเป็นความจริงอันขมขื่นสำหรับผู้คนกว่า 700 ล้านคนทั่วโลก'
อดีตกองหลังวัย 36 ปี เคยคว้าแชมป์บุนเดสลีกา 2 สมัยร่วมกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และทำเงินหลายล้านจากอาชีพค้าแข้ง แต่ตอนนี้เขาต้องรับมือกับภัยพิบัติทางสังคมครั้งใหญ่และความยากลำบาก เมื่อถูกถามว่าเขารับมือกับมันอย่างไร
ซูโบติช ตอบว่า 'ผมได้เรียนรู้สิ่งนี้จากคนที่โดดเด่น เคล็ดลับคืออย่าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของความทุกข์ทั้งหมด แน่นอนว่าคุณต้องปกป้องตัวเอง แต่สิ่งที่ผมรู้สึกในขณะนี้เมื่อตระหนักว่ามีคนเสียชีวิต อดอยาก หรือกระหายน้ำนั้นไม่เกี่ยวข้องในกรณีนี้'
'ความรู้สึกไม่ได้เปลี่ยนแปลงความเป็นจริง แต่มันคือการโฟกัสไปที่สิ่งที่ผมสามารถเปลี่ยนแปลงได้ และสิ่งที่ผมสามารถช่วยได้อย่างเป็นรูปธรรม ช่วงเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ผมได้พบกับพนักงานของมูลนิธิทีเกรย์ ทางตอนเหนือของเอธิโอเปีย ซึ่งเกิดสงครามกลางเมืองอันโหดร้ายมาตั้งแต่ปี 2020'
'ผลที่ตามมาได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วถึง 1 ใน 10 ของจำนวนประชากรที่อาศัยอยู่ที่นั่น นับเป็นจำนวนผู้เสียชีวิตมากที่สุดในศตวรรษที่ 21 เรานั่งอยู่ในห้องเดียวกับคน 10 คน ซึ่งหลายคนสูญเสียพี่น้อง พ่อแม่ เพื่อนๆหรือญาติไป และคนเหล่านี้ยังคงพยายามไม่โฟกัสกับอารมณ์ของตัวเอง'
'แต่กลับพัฒนาความคิดที่สามารถสรุปคร่าวๆว่า 'เราเป็นผู้โชคดีที่ยังมีชีวิตอยู่ เราสามารถทำอะไรได้บ้าง? เรามีความแข็งแกร่ง เราสามารถแบกรับภาระอะไรได้บ้าง?' ผมได้เรียนรู้จากคนเหล่านี้'
ซูโบติช ยังอธิบายว่าโครงการแบบนี้ต้องทำอะไรบ้างว่า 'ก่อนอื่นเลย เราต้องระดมทุน และต้องมีคนบริจาค เมื่อได้เงินแล้ว เราจะเริ่มวางแผนร่วมกับพันธมิตรในพื้นที่ว่าจะทำได้อย่างไรและทำได้ที่ไหน'
'จากนั้นเราจะจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นและระดมกำลังคน ติดต่อกับชุมชนและพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง เมื่อเตรียมการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็จะทำการขุดเจาะบ่อน้ำ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน และขุดเจาะบ่อน้ำลึก 200 เมตร จากนั้นจะวางเครื่องสูบน้ำและท่อ และสุดท้ายคือจุดสูบน้ำ'
'ทุกคนในชุมชนจะเข้าถึงได้ภายใน 15 นาที เรายังต้องมั่นใจว่าคุณภาพน้ำนั้นอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เราต้องการส่งเสริมสุขภาพ ไม่ใช่ท้าทายสุขภาพ นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกด้านสุขอนามัยสำหรับนักเรียนหญิงและชายในโรงเรียน'
'และเรายังต้องพยายามจัดฝึกอบรม บำรุงรักษา และบริหารจัดการสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมถึงการปลูกฝังความเชี่ยวชาญในพื้นที่ และในตอนท้ายสุดก็จะเป็นแค่พิธีเปิด'
เมื่อถูกถามว่าตอนนี้เขารู้สึกอย่างไรนับตั้งแต่ยุติอาชีพค้าแข้งเมื่อปี 2022 ซูโบติช ตอบว่า 'ผู้คนมักจะประหลาดใจเมื่อผมบอกพวกเขาว่าผมไม่ได้ดูบุนเดสลีกาแล้ว ไม่ดูแชมเปี้ยนส์ลีก ไม่ดู คลับ เวิลด์ คัพ ด้วย สิ่งที่ทำให้ผมหลงใหลเกี่ยวกับฟุตบอลอย่างต่อเนื่องคือลักษณะที่เชื่อมโยงกัน'
'เมื่อมีคนมาหาผมและเล่าว่าพวกเขาฉลองแชมป์ในปี 2011 และ 2012 อย่างไร และมันมีความหมายกับพวกเขาอย่างไร ผมรู้สึกมีความสุขมาก สิ่งเหล่านี้เป็นคุณค่าที่มีความหมาย สำคัญยิ่งกว่าการแท็คเกิ้ล การทำประตู การคว้าแชมป์ และโบนัสเสียอีก'
'เพื่อนร่วมทีมหลายคนในตอนนั้นก็เช่นกัน ผมยังคงติดต่อกันอยู่จนถึงทุกวันนี้ พวกเขาคือพี่น้องของผม และผมจะรู้สึกเชื่อมโยงกับพวกเขาเสมอ แต่ตอนนี้ผมไม่ได้ไปสนามหรือเล่นให้กับออลสตาร์ทีมอีกต่อไปแล้ว ผมคงไม่มีเวลาสำหรับเรื่องแบบนั้นเหมือนกัน'