'ลา มาเซีย'ตัวตนของบาร์ซ่า

โลร็องต์ บล็องก์ อดีตกองหลัง บาร์เซโลน่า เน้นย้ำถึงความสำคัญของ 'ลา มาเซีย' ว่าหากไม่มีศูนย์ฝึกแข้งเยาวชนอาจทำให้สโมสรไม่มีเอกลักษณ์และตัวตนจนถึงทุกวันนี้
บล็องก์ อดีตแนวรับทีมชาติฝรั่งเศสเคยค้าแข้งกับ บาร์เซโลน่า ในซีซั่น 1996-1997 หลังย้ายมาจาก โอแซร์ เขาเคยตกเป็นข่าวเชื่อมโยงสำหรับการย้ายมารับตำแหน่งเทรนเนอร์ทัพอาซูลกราน่าหลายครั้ง แต่มันไม่เกิดขึ้น
ปัจจุบัน บล็องก์ วัย 59 ปีกุมบังเหียน อัล-อิตติฮัด สโมสรซาอุดิอาระเบียมาตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์ปี 2024 โดยนำต้นสังกัดคว้าแชมป์ ซาอุดี โปร ลีก และ คิงส์ คัพ ตั้งแต่การทำงานปีแรก พร้อมได้รับการยกย่องให้เป็นโค้ชดีที่สุดของลีก
บล็องก์ ได้แสดงความชื่นชมของเขาต่อระบบการสร้างนักเตะเยาวชนของ บาร์เซโลน่า รวมถึงช่วงเวลาที่เขาอยู่กับสโมสร
อดีตกองหลังวัย 59 ปีเริ่มต้นด้วยการพูดถึงการแข่งขันรายการแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลที่แล้ว ซึ่ง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ทีมเก่าของเขาคว้าแชมป์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร เป็น 1 ใน 2 ทีมร่วมกับ บาร์เซโลน่า ที่เขาติดตามดูในรายการดังกล่าว
'การได้ดู เปแอสเช ในปีนี้เป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก และ บาร์ซ่า ผมจะพูดอะไรได้ล่ะ? การได้ดูรอบรองชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีกระหว่าง บาร์ซ่า และ อินเตอร์ ซึ่งเป็นสองทีมที่มีสไตล์การเล่นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง นับเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจจริงๆ'
'ทีมหนึ่งต้องการเล่นและทำประตู อีกฝ่ายหนึ่งตั้งรับ แต่ก็ยังยิงได้ 4 ประตูใน บาร์เซโลน่า นั่นเป็นเรื่องที่น่ายินดี'
'เมื่อคุณดูตอนจบเกมแล้วคุณจะคิดว่า 'บ้าเอ้ย ผมมีช่วงเวลาที่ดีมาก มีการทำประตูกันจำนวนมาก การเล่นที่ดี การเซฟประตู และปีกขวา (ลามีน ยามาล) ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยเท้าซ้ายของเขา'
บล็องก์ ยังพูดถึงช่วงเวลาของเขาที่ บาร์เซโลน่า ซึ่งเล่นเคียงข้าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และ หลุยส์ เอ็นรีเก้ มาร์ตีเนซ สองยอดเทรนเนอร์ในปัจจุบัน
'ผมเคยเล่นกับพวกเขาและรู้จักพวกเขาบ้าง ทั้งคู่ถูกหล่อหลอมอย่างลึกซึ้งด้วยอัตลักษณ์และดีเอ็นเอของ บาร์ซ่า ความมุ่งมั่นของพวกเขาคือเกม เล่น, เล่น และเล่นมากขึ้น'
'นั่นคือเหตุผลที่เราทุกคนที่เคยผ่านสโมสรนี้มาต่างโดดเด่นด้วยปรัชญาฟุตบอล'
บล็องก์ ยังได้สะท้อนความคิดอย่างจริงใจเกี่ยวกับความยากลำบากและการฟื้นฟูของสโมสร หลังจากช่วงซบเซา โดยกล่าวว่า 'บาร์ซ่า ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากทั้งด้านการเงินและการบริหาร แต่อะไรที่จะดึงพวกเขาออกมา? บรรดาแข้งดาวรุ่ง สำหรับผม บาร์ซ่า เป็นสโมสรที่ยอดเยี่ยมและมีศูนย์ฝึกที่ยอดเยี่ยมเสมอมา นั่นคือ ลา มาเซีย นั่นคือหัวใจของสโมสร'
'หากไม่มี ลา มาเซีย, บาร์ซ่า อาจไม่สามารถอยู่รอดได้ หากไม่มี ลา มาเซีย, สโมสรอาจหายไปหรือล่มสลาย นักเตะดาวรุ่งคือผู้กอบกู้ บาร์ซ่า อย่าง ลามีน, เปดรี้, กาบี...มีมากมายเหลือเกิน'
'และตอนนี้สโมสรแห่งนี้คือแชมป์ลีกสเปน เข้าถึงรอบรองชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีกและเกือบเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ด้วยแข้งเยาวชนชุดนี้ ผมเชื่อว่า บาร์ซ่า จะกลับมาเป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่อีกครั้ง'
บล็องก์ ยังมองย้อนกลับไปถึงช่วงเวลาสั้นๆของเขาในฐานะนักเตะบาร์ซ่าในช่วงกลางยุค 90 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเริ่มต้นด้วยความหวังอันยิ่งใหญ่ แต่กลับพลิกผันอย่างรวดเร็ว
'การเซ็นสัญญาของผมค่อนข้างขัดแย้ง ผมเป็นฟรีเอเจนต์และกำลังจะย้ายไปสโมสรอังกฤษ ทันใดนั้น โยฮัน ครัฟฟ์ ได้โทรหาตัวแทนของผมและบอกผมว่าอย่าเพิ่งย้ายไปไหน'
'ผมต้องการพบเขา และเขาต้องการโน้มน้าวให้ผมย้ายไป บาร์ซ่า ผมจึงบอกว่า 'ผมจะไป บาร์เซโลน่า และเซ็นสัญญา' ผมยังมีสัญญาอยู่'
อย่างไรก็ตามเรื่องราวพลิกผันเกิดขึ้นเกือบจะในทันทีเมื่อ ครัฟฟ์ ถูกปลดออกจากตำแหน่งเทรนเนอร์ของทัพอาซูลกราน่า
'เมื่อผมมาถึง โยฮัน บอกผมว่า 'โลร็องต์ นายจะเซ็นสัญญา 2 ปี และเราจะเล่นกันแบบนี้ คืนนี้ฉันจะพานายไปร้านอาหาร และเราจะคุยกันเรื่องแท็คติก แต่อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา เขาก็ถูกไล่ออกจากตำแหน่ง'
'ผมอยู่ที่โรงแรม ฆวน การ์ลอส ทางช่อง TV3 รายงานถึงการปลด ครัฟฟ์ ไม่หยุด ผมคิดว่ามันตลกสิ้นดี ผมแทบไม่อยากจะเชื่อเลย ต่อมา โยฮัน โทรมาบอกผมว่า 'ผมไม่ได้เป็นโค้ชแล้ว ผมสบายดี แต่ผมเพิ่งถูกปลด''
เมื่อถูกถามถึงฤดูกาลของเขาภายใต้การดูแลของ เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน ที่เข้ามารับตำแหน่งต่อจาก โยฮัน ครัฟฟ์, บล็องก์ ตอบว่า 'ตอนที่ผมย้ายมาร่วมทีม ก็มีโค้ชชาวอังกฤษกุมบังเหียน ซึ่งไม่เหมือนกับ ครัฟฟ์ เลย เรามีฤดูกาลที่ดี ผมเข้าใจสไตล์การเล่นเป็นอย่างดี ทำผลงานได้ดี'
อย่างไรก็ตาม บาร์เซโลน่า เปลี่ยนเทรนเนอร์อีกครั้งในปี 1997 นำมาซึ่งการปรับเปลี่ยนในห้องแต่งตัวส่งผลให้ บล็องก์ อำลาสโมสรในเวลาต่อมา
'แต่จากนั้น ร็อบสัน บุคคลผู้ยิ่งใหญ่ในวงการฟุตบอลก็จากไป (หลุยส์) ฟาน กัล เข้ามาพร้อมนำนักเตะชาวดัตช์มากมายมาด้วย' บล็องก์ เล่า 'นักเตะหลายคนย้ายออกไป คนที่มีความเชื่อมโยงกับอัตลักษณ์ของ บาร์ซ่า มากกว่าผม อย่าง (ฮริสโต้) สตอยช์คอฟ, กวาร์ดิโอล่า, (จอร์จี้) โปเปสคู, อาเบลาร์โด้ (เฟร์นานเดซ) และผมก็เป็นส่วนหนึ่งในกระแสนั้น' ผมย้ายออกมาแบบไม่เต็มใจนัก โรนัลโด้ (นาซารีโอ) ก็ย้ายออกไปเช่นกัน'
เมื่อมองย้อนกลับไป บล็องก์ ยอมรับว่าเขามาถึง บาร์เซโลน่า ช้าเกินไปในอาชีพของเขา 'ใช่, ผมมาถึงช้าไปหน่อย แต่เรามีนักเตะที่ยอดเยี่ยม และในความคิดของเขา นักเตะดีที่สุดในโลกคือ โรนัลโด้ เขาเล่นให้ บาร์เซโลน่า แค่ฤดูกาลเดียวเท่านั้น เขาน่าจะอยู่ต่อไปได้อีก 5 หรือ 6 ฤดูกาล'
บล็องก์ ยังเผยว่า บาร์เซโลน่า เคยทาบทามเขามารับตำแหน่งเทรนเนอร์ก่อนหน้านี้เช่นกัน 'ผมเกือบได้เข้ามาแล้ว มีความสนใจจริงจังหลายครั้ง ผมเต็มใจ มันเป็นเมือง เป็นสโมสร และวัฒนธรรมฟุตบอลที่ผมรัก แต่มันไม่เคยเกิดขึ้น บางทีสักวันหนึ่งมันจะเกิดขึ้น คุณไม่มีทางรู้ แต่ตอนนี้ผมก็อายุมากแล้ว'