เกมประเดิมสมบูรณ์แบบของดายเออร์

เอริก ดายเออร์ กองหลังวัย 31 ปีอำลาพรีเมียร์ลีกเพื่อย้ายไปค้าแข้งกับ บาเยิร์น มิวนิค ด้วยสัญญายืมตัวตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2024 เขาเล่นในลีกเมืองเบียร์ฤดูกาลครึ่ง จนกระทั่งย้ายมาเซ็นสัญญา 3 ปีกับ โมนาโก ทีมดัง ลีก เอิง แบบไม่มีค่าตัวในช่วงปิดฤดูกาลนี้ 

ดายเออร์ ลงประเดิมเวที ลีก เอิง อย่างสวยหรูด้วยการทำหนึ่งประตูในเกมเปิด สต๊าด หลุยส์ เดอ ทุบ เลอ อาฟร์ 3-1 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา หลังการลงเล่นเซนเตอร์คู่กับ คริสเตียน มาวิสซ่า ในทีมของ อาดี ฮึตเทอร์ เทรนเนอร์ชาวออสเตรียน

กองหลังวัย 31 ปีทำประตูได้ในช่วงนาที 61 จากการโขกลูกเตะมุมของ ลามีน กามาร่า เหมือนกับ เกล็น ฮ็อดเดิ้ล ตอนที่อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษลงประเดิมสนามกับ โมนาโก 

ฮ็อดเดิ้ล ค้าแข้งกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ มาตั้งแต่ปี 1975 ก่อนมิดฟิลด์เท้าชั่งทองจะย้ายมาเล่นกับ โมนาโก ในช่วงซัมเมอร์ปี 1987 และอยู่กับทีมดังฝรั่งเศสจนถึงปี 1991 จนกระทั่งหวนคืนอังกฤษไปเซ็นสัญญากับ สวินดอน ทาวน์ และย้ายมาปิดฉากอาชีพค้าแข้งกับ เชลซี ในช่วงปี 1993-1995

มันเป็นโอกาสให้ ฮ็อดเดิ้ล ได้แสดงทักษะต่อหน้าแฟนๆที่ชื่นชมพรสวรรค์ของเขามากกว่าแฟนบอลอังกฤษทั่วไป แน่นอนว่าแฟนๆ สเปอร์ส รัก ฮ็อดเดิ้ล ในสิ่งที่เขาทำได้ แต่เขามักจะรู้สึกว่าพรสวรรค์ของเขารู้สึกถึงความเป็นยุโรปมากกว่าอังกฤษ และนี่คือโอกาสแสดงให้เห็นว่าเขาเก่งแค่ไหน

การย้ายมาค้าแข้งกับ โมนาโก เพื่อเล่นร่วมกับ มาร์ค เฮทลี่ย์ และ จอร์จ เวอาห์ ซึ่งทั้งสามคนได้เรียนรู้และเติบโตภายใต้การดูแลของ อาร์แซน เวนเกอร์ โดย ฮ็อดเดิ้ล จะเผยว่าเขาเกือบจะย้ายมาร่วมงานกับ เชราร์ อุลลิเย่ร์ ที่ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ด้วยเช่นกัน แต่เขาเลือก โมนาโก เพราะความประทับใจที่มีต่อ เวนเกอร์

อิทธิพลของ ฮ็อดเดิ้ล สามารถสัมผัสได้ทันที เมื่อ เวนเกอร์ ส่ง ฮ็อดเดิ้ล ลงเล่นตำแหน่งหมายเลข 10 ปั้นเกมหลัง เฮทลี่ย์ และ เวอาห์ โดยมี โคล้ด ปูแอล รับบทมิดฟิลด์ตัวรับ นั่นทำให้มิดฟิลด์ชาวอังกฤษเล่นในสไตล์ตัวเองได้อย่างอิสระ ซึ่งหาได้ยากที่ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์

ฮ็อดเดิ้ล มีบทบาทสำคัญในการนำ โมนาโก คว้าแชมป์ ลีก เอิง เมื่อปี 1988 ซึ่งเป็นความสำเร็จครั้งแรกในรอบ 6 ฤดูกาล ด้วยความกระตือรือร้น, พรสวรรค์ และความสามารถตามธรรมชาติทำให้เขาได้รับการยกย่องให้เป็นนักเตะต่างชาติดีที่สุดของ ลีก เอิง ในฤดูกาลนั้น

มิดฟิลด์เท้าชั่งทองทำ 20 ประตูจากการลงเล่น 47 เกมในฤดูกาล 1988-1989 ถือเป็นสถิติการทำประตูมากสุดอันดับ 2 ของ ฮ็อดเดิ้ล และพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาสามารถรับบทบาทผู้เล่นหมายเลข 10 ได้อย่างยอดเยี่ยม 

ฮ็อดเดิ้ล เคยเผยว่าเขารักการเล่นให้ เวนเกอร์ ที่ โมนาโก มาก โดยกล่าวว่า 'การเล่นให้เขานั้นน่าตื่นเต้นมาก ผมสนุกทุกวินาที เขาต้องการให้ผมเล่นอยู่ข้างหลังกองหน้า นั่นคือ มาร์ค เฮทลี่ย์ ผมรู้สึกว่านั่นคือตำแหน่งดีที่สุดของผมมาตลอด แต่ผมไม่เคยได้เล่นให้ทีมชาติอังกฤษ หรือแม้แต่ในช่วงที่ สเปอร์ส รุ่งเรืองเลย'

ก่อนอีกหนึ่งศิษย์เก่า ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ จะย้ายมาค้าแข้งกับ โมนาโก ในช่วงปิดฤดูกาลนี้ นั่นคือ ดายเออร์ แต่เขาเป็นนักเตะที่มีสไตล์การเล่นแตกต่างจาก ฮ็อดเดิ้ล อย่างชัดเจน เนื่องจากแข้งวัย 31 ปีมีความช่ำชองเรื่องเกมป้องกันมากกว่าเกมรุก 

ดายเออร์ ลงประเดิมสนามกับ โมนาโก ด้วยการทำประตูในเกมชนะ เลอ อาฟร์ 3-1 เหมือนกับการลงเล่นเกมแรกของ ฮ็อดเดิ้ล ซึ่งเป็นการเผชิญหน้ากับ เลอ อาฟร์ เช่นเดียวกัน

เล กิ๊ป หนังสือพิมพ์กีฬาฝรั่งเศสกล่าวถึง ดายเออร์ ว่าได้นำทั้งประสบการณ์และความรู้เกี่ยวกับเกมสำคัญๆมาสู่ทีมอายุน้อย เขายังเล่นด้วยความมั่นใจและสงบนิ่งอย่างมากในการคุมเกมป้องกันที่ เลอ อาฟร์ แทบจะไม่ได้สร้างปัญหาเลย

ขณะที่ 'Monaco Tribune' สื่อท้องถิ่นของ โมนาโก ระบุว่านี่คือการเปิดตัวเหมือนฝันของ ดายเออร์ ซึ่งแทบจะไม่ทำอะไรผิดพลาดเลยที่ สต๊าด หลุยส์ เดอ จากการเล่นด้วยความนิ่ง มั่นใจและเป็นหัวใจสำคัญในแนวป้องกัน

อีกประเด็นสำคัญคือการจ่ายบอลที่แม่นยำของ ดายเออร์ ซึ่งพลาดเพียงครั้งเดียวจากความพยายาม 109 ครั้ง ซึ่งถือเป็นสถิติที่น่าทึ่งของนักเตะจากเมืองเชลท์แน่ม จนได้รับการยกย่องจาก ฮึตเทอร์ ซึ่งเป็นคนสำคัญที่ผลักดันให้สโมสรดึงแข้งวัย 31 ปีมาร่วมทีม

ส่วนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ ลีก เอิง ยังใช้คำว่าสมบูรณ์แบบสำหรับ ดายเออร์ ซึ่งตอนนี้กำลังลงเล่นในลีกยุโรปชาติที่ 4 ของเขา หลังเริ่มต้นกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน (โปรตุเกส), ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ (อังกฤษ) และ บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมนี) ถือเป็นความสำเร็จที่หาได้ยากจากนักเตะอังกฤษ

การเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยมของ ดายเออร์ ถือเป็นนิมิตรหมายอันดีสำหรับแข้งวัย 31 ปี หลังเขาตัดสินใจย้ายมาค้าแข้งกับ โมนาโก โดยมีเป้าหมายหวนคืนสู่ทีมชาติอังกฤษชุดทำศึกฟุตบอลโลกช่วงกลางปีหน้า