ห้างยานับหนึ่งใหม่กับฮูลมันด์

คาสเปอร์ ฮูลมันด์ หวนคืนเวทีบุนเดสลีกาอีกครั้ง หลัง ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น แต่งตั้งเป็นเทรนเนอร์คนใหม่ด้วยสัญญา 2 ปี หลังการปลด เอริก เทน ฮาก ออกจากตำแหน่งตั้งแต่ไก่โห่
ซีม่อน โรลเฟส ผู้อำนวยการกีฬาของ เลเวอร์คูเซ่น กล่าวถึงการตั้งเทรนเนอร์คนใหม่ว่า 'เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ คาสเปอร์ ฮูลมันด์ ซึ่งเราได้ติดตามผลงานของเขามาอย่างยาวนาน'
'เรารู้จักวิธีการฝึกซ้อมของเขาเป็นอย่างดีที่สโมสร และ คาสเปอร์ ก็รู้จักสโมสรของเราเป็นอย่างดีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา'
'ตอนนี้เขาจะทำงานร่วมกับทีมของเราเพื่อสร้างรูปแบบการเล่นที่ชัดเจนและด้วยความกระตือรือร้นอีกครั้ง คาสเปอร์ เป็นคนที่เหมาะสมที่สุดในการพัฒนาทีมชุดใหม่ของเราให้เป็นทีมระดับชั้นนำที่มุ่งมั่นจะบรรลุเป้าหมายทั้งในระดับชาติและระดับนานาชาติที่ทะเยอทะยานที่สุด'
ส่วน ฮูลมันด์ กล่าวว่า 'ผมมองว่า ไบเออร์ 04 เป็นสโมสรที่มีการบริหารจัดการที่ดี มีโครงสร้างที่ดี และมีความทะเยอทะยานสูง ความประทับใจนี้ได้รับการยืนยันในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา'
'ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจให้ดูแลทีมแบบนี้ หลังจากความสำเร็จอันโดดเด่นในอดีต ตอนนี้มีผมแรงบันดาลใจอย่างมากที่จะช่วยกำหนดอนาคตของ ไบเออร์ 04 เลเวอร์คูเซ่น ด้วยนักเตะที่มีประสบการณ์และผู้เล่นใหม่ที่น่าตื่นเต้น'
ฮูลมันด์ เคยเป็นนักเตะอาชีพมาก่อน เขาเล่นตำแหน่งเซนเตอร์กับสโมสรลีกล่างของ เดนมาร์ก แต่การบาดเจ็บเข่ารุนแรงทำให้เขาตัดสินใจรีไทร์ด้วยวัยเพียง 26 ปี ตั้งแต่จบฤดูกาล 1997-1998
จากนั้นเขาเริ่มงานโค้ชกับทีมเยาวชนของ ลิงก์บี้ ก่อนถึงจุดเปลี่ยนในปี 2006 เมื่อ ฮูลมันด์ ได้รับการแต่งตั้งเป็นเทรนเนอร์ของทีมชุดใหญ่ ช่วงเวลา 2 ปีที่นั่นดึงดูดความสนใจจาก นอร์เชลลันด์ ที่ดึงเขามาเป็นผู้ช่วยโค้ช 3 ปีจนกระทั่งผลักดันขึ้นเป็นนายใหญ่ในปี 2011
นอร์เชลลันด์ เคยคว้าแชมป์ เดนิช คัพ เพียงสองครั้งก่อนหน้านั้น และมีงบประมาณทำทีมน้อยสุดแห่งหนึ่ง แต่ ฮูลมันด์ สามารถนำสโมสรจากภาคตะวันออกของเดนมาร์กคว้าแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกในฤดูกาล 2011-2012 ท่ามกลางอุปสรรคมากมาย ทว่าพวกเขาสามารถล้มยักษ์อย่าง เอฟซี โคเปนเฮเกน ด้วยการเก็บแต้มมากกว่า 2 คะแนน
หลังการนำ นอร์เชลลันด์ เข้ารอบแบ่งกลุ่มแชมเปี้ยนส์ลีกเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวของสโมสร ฮูลมันด์ ย้ายไปทำงานกับ ไมนซ์ ในช่วงซัมเมอร์ปี 2014 ต่อจาก โธมัส ทูเคิ่ล เขาเริ่มต้นฤดูกาลบนเวทีบุนเดสลีกาอย่างยอดเยี่ยม โดยนำต้นสังกัดพุ่งทะยานขึ้นอันดับ 3 หลังการลงเล่น 8 เกมแรก แต่ด้วยฟอร์มที่ดิ่งลงเหวหลังจากนั้นทำให้เขาต้องอำลาตำแหน่งในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2015
ฮูลมันด์ หวนคืน นอร์เชลลันด์ อีกครั้งในเดือนมกราคมปี 2016 ก่อนอำลาสโมสรในเดือนมีนาคมปี 2019 จนกระทั่ง เดนมาร์ก ดึงมารับตำแหน่งเทรนเนอร์ต่อจาก อาเก้ ฮาเรเด้
เดนมาร์ก ผ่านเข้ารอบแบ่งกลุ่มของศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปได้เพียงครั้งเดียว นับตั้งแต่คว้าแชมป์เมื่อปี 1992 แต่ ฮูลมันด์ นำทัพโคนมเข้าถึงรอบรองชนะเลิศของศึกยูโร 2020 ก่อนพ่ายแพ้ต่อ อังกฤษ 1-2
ที่น่าทึ่งคือ ฮูลมันด์ สามารถนำ เดนมาร์ก ไปได้ไกลในทัวร์นาเมนต์นั้น แม้ว่าจะสูญเสียนักเตะคนสำคัญอย่าง คริสเตียน เอริคเซ่น ที่หัวใจหยุดเต้นในเกมเปิดสนามกับ ฟินแลนด์ นั่นทำให้เขาได้รับการชื่นชมจากวิธีการรับมือกับสถานการณ์ที่ท้าทาย เขายังนำทีมโคนมลุยศึกฟุตบอลโลก 2022 และศึกยูโร 2024 ก่อนอำลาทีม
ฮูลมันด์ ไม่ได้เป็นแค่นักฟุตบอลเท่านั้น ในช่วงวัยรุ่นเขายังเป็นนักวอลเลย์บอลที่มีพรสวรรค์สูง และเคยเล่นกับทีมเยาวชนของเดนมาร์ก ก่อนจะตัดสินใจเลือกเล่นฟุตบอลในที่สุด
'สิ่งที่ทำให้คุณเป็นโค้ชฟุตบอลที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือการที่คุณมองเห็นตัวตนของนักเตะก่อนคนอื่น ในขณะเดียวกัน คุณก็มีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า คุณช่วยเราให้รอดพ้นจากพายุร้าย และเป็นกัปตันนทีมในทุกๆด้าน และทำให้เรารู้สึกว่าการเล่นฟุตบอลเป็นเรื่องที่ยอมรับได้' ซีม่อน เคียร์ อดีตกัปตันทีมโคนมกล่าวถึง ฮูลมันด์ หลังศึกยูโร 2020
ขณะที่ คาสเปอร์ ชไมเคิ่ล ผู้รักษาประตูทีมชาติเดนมาร์กกล่าวเสริมว่า 'คาสเปอร์ สนใจที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆและพัฒนาไอเดียใหม่ๆ อยู่เสมอ ในฐานะโค้ช เขายินดีจะปรับเปลี่ยนระบบของทีมในระหว่างการแข่งขัน และสติปัญญาทางอารมณ์ของเขาก็อยู่ในระดับสูงมากเช่นกัน'
ส่วน คาสเปอร์ โลเรนต์เซ่น อดีตนักเตะ นอร์เชลลันด์ กล่าวถึงเจ้านายเก่าว่า 'บอลต้องอยู่กับทีมของเขา เราได้รับแรงบันดาลใจมากมายจาก อาแจ็กซ์ และ บาร์เซโลน่า เขาเป็นโค้ชดีที่สุดที่ผมเคยพบมา'
'ฮูลมันด์ เข้าใจด้านมนุษยธรรมของเกมเป็นอย่างดี เขาใส่ใจผู้เล่นโดยรวมมากกว่าแค่ตัวนักเตะ ผมรู้สึกสบายใจที่สโมสรเมื่อ ฮูลมันด์ อยู่ที่นั่น เขาคือคนที่สมบูรณ์แบบ'
งานแรกของ ฮูลมันด์ คือการเปิดบ้านรับมือ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต บนเวทีบุนเดสลีกาในวันศุกร์ที่ 12 กันยายนนี้