เส้นทางสายใหม่ของเอริคเซ่น

โวล์ฟสบวร์ก ประสบความสำเร็จในการเซ็นสัญญากับ คริสเตียน เอริคเซ่น หลังมิดฟิลด์ชาวเดนมาร์กสิ้นสุดสัญญากับ แมนฯยูไนเต็ด ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา
เอริคเซ่น เป็นมิดฟิลด์มากประสบการณ์ เขาผ่านการค้าแข้งกับ อาแจ็กซ์ อัมส์เตอร์ดัม, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, อินเตอร์ มิลาน, เบรนท์ฟอร์ด และ แมนฯยูไนเต็ด มิดฟิลด์วัย 33 ปียังลงเล่นกับทีมชาติเดนมาร์กอีก 144 นัด ทำ 46 ประตู
หลังการเซ็นสัญญา 2 ปีพร้อมอ็อปชั่นขยายเพิ่มเติมอีก 1 ปีกับ โวล์ฟสบวร์ก มีการนำเสนอ 5 เรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับ เอริคเซ่น ดังนี้
1.ธุรกิจครอบครัว
เอริคเซ่น อายุเพียง 5 ขวบตอนที่เขาเข้าร่วมทีม มิดเดลฟาร์ต โบลด์คลับ สโมสรท้องถิ่นของเดนมาร์ก ซึ่งเป็นทีมเก่าของคุณพ่อเขาเมื่อ 30 ปีก่อน
มิดเดลฟาร์ต มีชื่อเสียงในด้านการเชื่อมโนงกับอุตสาหกรรมน้ำมัน และมีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานในฐานะแหล่งเพาะพันธุ์อันอุดมสมบูรณ์ของผู้เล่นดาวรุ่งอนาคตไกลของเมืองโคนม แต่ในไม่ช้าก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่า เอริคเซ่น เหนือกว่าเพื่อนร่วมรุ่นคนอื่นๆ
'เรามีเด็กเก่งๆมากมาย แต่ไม่มีใครเหมือน คริสเตียน เลย' เคลาส์ ฮันเซ่น ประธานสโมสร มิดเดลฟาร์ต ในขณะนั้นกล่าวกับ เดอะ การ์เดียน ในปี 2018 'ทุกคนเห็นได้ว่าเขาพิเศษ ยิ่งกว่านั้น เขายังดูแลคนอื่นๆทุกคน คริสเตียน เป็นและยังคงเป็นเด็กดี สุภาพ และเป็นมิตร'
เอริคเซ่น มักจะเล่นภายใต้การกุมบังเหียนของคุณพ่อเขา และนำทีมเยาวชนรุ่นอายุต่ำกว่า 12 ปีของ มิดเดลฟาร์ต จบอันดับ 5 ของเดนมาร์ก และไม่แพ้ใครในการแข่งขันชิงแชมป์ท้องถิ่นฟูเนน เกาะกลางของเดนมาร์ก เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 4 ฤดูกาล
เขาย้ายไป โอเดนเซ่ ในปี 2005 แต่ตอนนั้น เอริคเซ่น ได้ฝากผลงานของเขาไว้แล้ว 'เมื่อเด็กๆเริ่มเล่นฟุตบอล พวกเขาจะคิดว่า 'คริสเตียน เอริคเซ่น มาจาก มิดเดลฟาร์ต ผมอยากเล่นที่ มิดเดลฟาร์ต เช่นกัน' ฮันเซ่น กล่าว
2.เติบโตมากับการยกย่องตำนานทีมชาติอิตาลี
เอริคเซ่น ลืมตาดูโลกราว 4 เดือนหลังจาก เดนมาร์ก ยุค ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล, เฮนริค ลาร์เซ่น และ ไมเคิ่ล เลาดรู๊ป ที่สร้างความตื่นตะลึงด้วยการคว้าแชมป์ยูโร 1992
ด้วยตำแหน่ง, วิสัยทัศน์ และความสง่างามในการเล่นบอลของเขา มันจึงไม่น่าแปลกใจที่ เอริคเซ่น เติบโตมากับตำนานทีมชาติเดนมาร์กอย่าง เลาดรู๊ป ซึ่งเคยค้าแข้งกับ ลาซิโอ, ยูเวนตุส, บาร์เซโลน่า และ เรอัล มาดริด ในอาชีพค้าแข้งที่รุ่งโรจน์ของเขา
แต่ เอริคเซ่น รู้สึกชื่นชมอีกหนึ่งตำนานหมายเลข 10 ที่มีพรสวรรค์เหนือธรรมชาติอย่าง ฟรานเชสโก้ ต็อตติ ตำนานแข้งทีมชาติอิตาลีของ โรม่า เช่นเดียวกับ เลาดรู๊ป ตำนานร่วมชาติ
'มันคือ (ฟรานเชสโก้ ต็อตติ) เพราะผมเล่นเกมฟุตบอลแมนาเจอร์' เอริคเซ่น กล่าวไว้เมื่อปี 2022
'หลังจากนั้นก็เป็น (ไมเคิ่ล) เลาดรู๊ป คนเดียวเท่านั้น เพียงเพราะเขาเป็นคนเดนมาร์กและผมชอบสไตล์การเล่นของเขา'
3.ผ่อนคลายมากขึ้นหลังจากหัวใจหยุดเต้น
เอริคเซ่น ประสบภาวะหัวใจหยุดเต้นกระทันหันระหว่างลงเล่นเกมแรกของศึกยูโร 2020 กับ ฟินแลนด์ เขาล้มฟุบบนสนามช่วงนาที 42 ก่อนได้รับความช่วยเหลือทางการแพทย์อย่างเร่งด่วนจนสามารถช่วยให้ฟื้นคืนสติ ก่อนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในเวลาต่อมา มันเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความตกตะลึงให้วงการลูกหนังทั่วโลก แต่การฟื้นตัวของ เอริคเซ่น กลับทำได้อย่างน่าทึ่ง
เขากลับมาเล่นฟุตบอลระดับสูงอีกครั้งในอีก 259 วันหลังจากนั้น เขาย้ายมาเล่นกับ เบรนท์ฟอร์ด ภายใต้การกุมบังเหียนของ โธมัส แฟร้งค์ ในเดือนมกราคมปี 2022 หลังการอำลา อินเตอร์ มิลาน เนื่องจากลีกอิตาเลียนไม่อนุญาตให้นักเตะที่ใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจลงเล่น
อย่างไรก็ตาม เอริคเซ่น ยอมรับว่าเขาไม่แน่ใจว่ามีความต้องการกลับมาเล่นฟุตบอลอีกครั้งหรือไม่
'ตอนนั้นผมบอกว่า (ผมอยากเลิกเล่น)' เอริคเซ่น เปิดเผยกับ ซีเอ็นเอ็น หลังการรับรางวัล Comeback of the Year award ของ Laureus Sports Awards เมื่อปี 2023 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส 'แต่ผมรู้ดีว่าถ้าผมเล่นฟุตบอลได้ ผมก็อยากกลับมา'
เอริคเซ่น เผยว่าเขารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น หลังเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้น โดยกล่าวว่า 'ผมคิดว่าเพื่อนร่วมทีมของผมคงจะพูดแบบเดียวกัน ผมพบว่าฟุตบอลคือชีวิต แต่มันไม่สำคัญขนาดนั้น'
4.ผู้เชี่ยวชาญด้านเซ็ตพีซ
เอริคเซ่น มีความโดดเด่นในทุกด้านของเกม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเล่นเกมรุก และเขามีความมุ่งมั่นที่จะเป็นเจ้าพ่อลูกนิ่งคนใหม่ของ โวล์ฟสบวร์ก แม้ว่าจะมี มักซิมิเลียน อาร์โนลด์ รับหน้าที่ดังกล่าวอยู่ก็ตาม
มิดฟิลด์วัย 33 ปีทำประตูจากการยิงฟรีคิกตลอดอาชีพ 15 ครั้ง ซึ่งคิดเป็นเกือบ 17 เปอร์เซ็นต์ของ 89 ทำประตูที่เขาทำได้ในการเล่นระดับสโมสร
เมื่อถูกถามว่าเขาทำได้อย่างไรในช่วงที่ค้าแข้งกับ แมนฯยูไนเต็ด เอริคเซ่น เผยเคล็ดลับของเขาว่า 'เทคนิคของผมคืออะไร? ผมคิดว่าคุณจะได้เห็นเมื่อผมทำแบบนั้น มันอธิบายยาก ผมมีขั้นตอนและวิธีวางบอล นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไร แค่เตะบอลตามแบบที่ผมฝึกซ้อมมา และผมรู้ว่ามันจะออกมาเป็นอย่างไร'
5.ผลกระทบยิ่งใหญ่
โวล์ฟสบวร์ก จะสามารถคว้าแชมป์บุนเดสลีกาเหมือนที่เคยทำสำเร็จในปี 2009 หรือไม่ หากมี เอริคเซ่น ลงคุมแดนกลาง? มันอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ไกลเกินจริงนักเมื่อพิจารณาจากผลกระทบที่มิดฟิลด์ชาวเดนมาร์กสร้างกับสโมสรในอดีตของเขา
ตัวอย่างเช่นหลังย้ายจาก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ มาค้าแข้งกับ อินเตอร์ มิลาน ในปี 2020 ก่อนมีส่วนช่วยทีมเนรัซซูร์รี่คว้าแชมป์สคูเด็ตโต้ครั้งแรกในรอบ 11 ปี ในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล 2021-2022 เอริคเซ่น ยังมีบทบาทสำคัญในการนำ เบรนท์ฟอร์ด จบฤดูกาลนั้นอย่างราบรื่นหลังการทำ 1 ประตูกับ 4 แอสซิสต์
นั่นทำให้ แมนฯยูไนเต็ด ตกลงดึง เอริคเซ่น เข้าสังกัด ซึ่งเขาช่วยทีมปีศาจแดงคว้าแชมป์ คาราบาว คัพ (2023), เอฟเอ คัพ (2024) และรองแชมป์ยูโรปาลีก (2025) แม้ว่าสโมสรจะประสบความวุ่นวายในช่วงหลายปีหลังก็ตาม