ภารกิจใหม่ของบีญ่า

วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน 2568 คอลัมน์ ลูกหนังนอกกรอบ โดย JOKE
113
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ลูกัส บีย่า อดีตมิดฟิลด์ชาวอาร์เจนไตน์กำลังเรียนรู้งานในฐานะผู้ช่วยโค้ช เบสนิค ฮาซี่ ที่ อันเดอร์เลชท์ สโมสรชั้นนำของเบลเยียม

ลูกัส บีญ่า อดีตมิดฟิลด์วัย 39 ปี เคยสร้างชื่อกับ ลาซิโอ และ เอซี มิลาน ปัจจุบันเขาทำงานเป็นผู้ช่วยโค้ชของ อันเดอร์เลชท์ ภายใต้ เบสนิค ฮาซี่ เทรนเนอร์วัย 53 ปี 

ย้อนกลับไปในช่วงวัยรุ่น บีญ่า ต้องใช้ความพยายามอย่างมากสำหรับการก้าวขึ้นมาเป็นนักฟุตบอลอาชีพ เขาต้องเดินทางราว 200 กิโลเมตรในแต่ละวันจากเมืองเมร์เซเดส บ้านเกิดของเขามุ่งหน้าสู่กรุง บวยโนส ไอเรส เพื่อไล่ตามความฝันของเขาจนกระทั่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของ อาร์เจนติโนส จูเนียร์ส ในปี 2004

จากนั้นก็ย้ายมาอยู่กับ อินเดเปนเดียนเต้ ก่อนมุ่งหน้าสู่ยุโรปด้วยการเซ็นสัญญากับ อันเดอร์เลชท์ ในปี 2006 ต่อด้วย ลาซิโอ ในปี 2013 และ เอซี มิลาน ในอีก 3 ปีถัดมา หลังจากนั้นเขาย้ายมาเล่นกับ ฟาตีห์ คารากุมรุค ในปี 2020 ตามด้วย อิสตันบูล บาชัคเชฮีร์ เมื่อปี 2022 ก่อนยุติอาชีพค้าแข้งในปี 2023

ปัจจุบัน บีญ่า ยังแบ่งปันเวลาทำงานและเรียนโค้ช โดยเดินทางไป-กลับระหว่าง บรัสเซลส์ กับ โคแวร์ชาโน่ ทุกสัปดาห์เช่นกัน

ชีวิตคุณในช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง?

'ดี, อย่างเช่นสุดสัปดาห์นี้ เรา (อันเดอร์เลชท์) แข่งวันอาทิตย์ ช่วงเช้าวันจันทร์ ผมขึ้นเครื่องบินลงที่ มิลาน แล้วนั่งรถไฟไปเมืองฟลอเรนซ์' 

'คืนวันพุธ ผมกลับมามิลาน พักค้างคืน แล้วบินกลับบรัสเซลส์ในช่วงเช้าวันพฤหัสฯ'


ฟังดูแล้วตารางเรียนตอนนี้จะยุ่งยากกว่าตอนที่คุณเป็นนักเตะ?

'ผมยังลงคอร์สเรียนภาษาอังกฤษด้วย เพราะนั่นคือภาษาที่เราใช้สื่อสารกับนักเตะที่ อันเดอร์เลชท์ ตลอดอาชีพค้าแข้งของผม ผมเรียนภาษาฝรั่งเศสและอิตาลี และพูดภาษาอังกฤษในสนามมาตลอด แต่ตอนนี้ผมพยายามเรียนสัปดาห์ละ 2 ครั้ง'

'แต่ระหว่างการฝึกซ้อมและการต้องสลับไปมาระหว่างภาษาสเปนที่บ้าน ภาษาฝรั่งเศสที่สโมสร และภาษาอิตาลีที่โคแวร์ชาโน่ จนกว่าจะเรียนจบคอร์สกลางเดือนธันวาคม ผมก็ขอให้คุณใจเย็นกับผมหน่อย'

มันเหมือนเรื่องราวชีวิตของคุณสมัยวัยรุ่น คุณต้องออกจากโรงเรียนมัธยมเพื่อโฟกัสไปที่ฟุตบอล?

'ใช่, เพราะทุกวันผมต้องนั่งรถไฟสองขบวนและรถบัสสองคันเพื่อเดินทางไปยัง บวยโนส ไอเรส เพื่อลงเล่นกับทีมเยาวชนของ อาร์เจนติโนส จูเนียร์ส และทีมชาติชุดเยาวชน วันหนึ่งโรงเรียนโทรหาพ่อของผมและบอกว่าผมทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร ผมจึงต้องตัดสินใจยุติเรื่องเรียนในเวลาต่อมาและผมเรียนจบตอนโตแล้ว'

ทำไมคุณถึงเลือก โคแวร์ชาโน่?

'ผมได้คุยเรื่องนี้กับ (เอสเตบัน) กัมบีอัสโซ่ เพราะตอนแรกผมคิดว่าจะไปทำมันในสเปน แต่ตามคำแนะนำของเขา ผมเลยตัดสินใจไปเรียนหลักสูตร UEFA B และ UEFA A ที่ อิตาลี ตอนนี้ผมกำลังเรียนอยู่ เพราะในแง่แท็คติกแล้ว ลีกนี้มอบสิ่งพิเศษให้ผม'

'และสิ่งสำคัญคือ เมื่อคุณอยากเรียนรู้การเป็นโค้ช คุณต้องตั้งใจฟังและพัฒนาตัวเอง'

คุณอยากเป็นโค้ชที่อิตาลีในอนาคตหรือไม่?

'สักวันหนึ่ง ใช่, แต่ไม่ใช่ตั้งแต่แรก สมมติว่าภายในเดือนมิถุนายนปีหน้า ผมอยากคุมทีม แต่ในอิตาลี คุณคาดหวังให้สร้างผลงานในทันที'

ในเนเธอร์, เบลเยียม และ สวิตเซอร์แลนด์ เน้นไปที่โครงการระยะยาวมากกว่า และผมคิดว่าคุณจะมีเวลาทำงานมากขึ้น ในอิตาลี หลังจากแข่งขันไป 5 นัด คุณจะถูกจับตามองแล้ว'


ยกตัวอย่างกรณีของ คริสเตียน คิวู ที่ อินเตอร์ มิลาน แทบจะเรียกได้ว่าเป็นกรณีพิเศษ?

'แต่ คริสเตียน คุมทีมระดับปรีมาเวร่ามาหลายปี และต่อมาก็คุม ปาร์ม่า ถึงอย่างนั้น ผมคิดว่าการมีทีมปรีมาเวร่าระดับท็อปในอิตาลีน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับผม'

'เมื่อผมรับหน้าที่เฮดโค้ชครั้งแรก ผมอยากมีเวลาทำผิดพลาดและเรียนรู้ แต่ในอิตาลีมันยากมาก พวกเขาไม่ให้เวลากับมือใหม่ แม้แต่ในฐานะนักเตะก็ตาม'

'ยกตัวอย่างเช่น ทีมอายุต่ำกว่า 23 ปีในเบลเยียมประกอบด้วยนักเตะอายุ 17 หรือ 18 ปี แต่ในอิตาลี มันไม่ใช่ ความคิดแบบนี้ต้องมีการเปลี่ยนแปลง'

ส่วน ซิโมเน่ อินซากี้ เริ่มต้นทำงานกับทีมปรีมาเวร่าของ ลาซิโอ?

'ซิโมเน่ เป็นหนึ่งในโค้ชที่ผมศึกษามากที่สุด เขาคว้าแชมป์ลีกกับทีมปรีมาเวร่าของ ลาซิโอ และเขาเป็นหนึ่งในเทรนเนอร์ที่พัฒนาตัวเองมากที่สุด'

'เราไม่ควรหลงกลกับระบบ 3-5-2 เพราะที่ ลาซิโอ ไม่เหมือนกับที่ อินเตอร์ แต่ในอิตาลี และที่อื่นๆ เราต้องเข้าใจว่าคนอย่าง (เป๊ป) กวาร์ดิโอล่า เป็นข้อยกเว้น ไม่ใช่กฎ'


คุณอยู่กับ อินซากี้ ที่ ลาซิโอ ตอนที่คุณย้ายมาร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์ปี 2013?

'ผมได้รับการแนะนำจาก เบสนิค ฮาซี่ โค้ชคนปัจจุบันของผม ซึ่งในขณะนั้นเป็นผู้ช่วยโค้ชของ อันเดอร์เลชท์ ให้ อิกลี ทาเร่ หลังจากเกมที่เราชนะ บรูช เขาบอกผมว่าปีหน้าผมจะได้เป็นนักเตะ ลาซิโอ แต่การเจรจรมันเหนื่อยมาก'

มันเกิดอะไรขึ้น?

'ผมใช้เวลา 18 วันอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงโรม ใกล้กับสนาม โฟโร่ อิตาลีโก้ เพราะข้อตกลงไม่ผ่าน ผมยังเสี่ยงที่จะถูกฟีฟ่าฟ้องด้วยซ้ำ เพราะผมไม่ได้รายงานตัวก่อนเปิดฤดูกาลที่เบลเยียมและต้องบินตรงไปยังกรุงโรมเลย'

'(เคลาดิโอ) โลตีโต้ ไม่อยากจ่ายค่านายหน้า 2 ล้านยูโร แค่ 7 ล้านยูโรสำหรับการย้ายทีม ดังนั้นเราจึงต้องหาเงินมาจ่ายแทน'

แล้วเรื่องมันจบลงอย่างไร?

'พวกเขาจัดเกมกระชับมิตรระหว่าง อันเดอร์เลชท์ กับ ลาซิโอ ในเบลเยียม ซึ่งผมไม่ได้ลงเล่น ส่วนเงินที่เหลืออีกประมาณ 400,000 ยูโร ผมกับตัวแทนต้องจ่ายกันเอง'

'แต่มันยังไม่จบแค่นั้น เพราะตอนที่ผมไปเซ็นสัญญาที่บ้านของ โลตีโต้ ซึ่งผมจะไม่บอกด้วยซ้ำว่าเขาให้ผมรอนานแค่ไหน หลังจากผมเซ็นสัญญาเสร็จ เขาหันไปหา ทาเร่ แล้วพูดว่า 'นี่ใครล่ะ?' เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมเป็นใคร'

ช่วง 18 วันที่อยู่ในโรงแรมคงเป็นนรกชัดๆ?

'ทั้งหมดเกิดขึ้นตอนที่ภรรยาของผมตั้งท้อง เธอกำลังวางแผนย้ายบ้านจากบรัสเซลส์มายังโรมกับแม่ของเธอ ภรรยาผมมาถึงโรมตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม และอีก 2 สัปดาห์ต่อมาลูกชายของผมก็ลืมตาดูโลก การมาถึงนั้นแสนสาหัส แต่การจากไปนั้นอาจจะเลวร้ายยิ่งกว่า'

ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ?

'ผมถูกแฟนบอลวิพากษ์วิจารณ์เยอะมาก เพราะผมต้องการย้าย เพราะในปี 2015 ผมได้รับข้อเสนอจาก แมนฯยูไนเต็ด ตอนที่ (หลุยส์) ฟาน กัล อยู่ที่นั่น โลตีโต้ บอกผมว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยผมไป และผมก็ตกลงจะอยู่ต่อโดยมีเงื่อนไขว่าเราต้องขยายสัญญาของผม'

'ยิ่งไปกว่านั้น มาร์เซโล่ บีเอลซ่า ก็กำลังจะย้ายมา แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมได้รับสัญญาว่าจะได้ข้อตกลงใหม่ แต่มันไม่เกิดขึ้นจริง'

การเจรจากับ โลตีโต้ คงเป็นฝันร้าย?

'เขาโทรหาผมที่ ฟอร์เมลโล่ ตอนเที่ยงคืน ซึ่งน่าจะเป็นตอนที่เขาเลิกงานแล้ว เขาจะนั่งลง, กิน จากนั้นก็หลับไป'

'ระหว่างนั้น ทาเร่ ก็บอกตัวแทนของผมให้คุยกับเขาอยู่ดี เพราะเขาจะตั้งใจฟัง และพอเราพูดถึงเรื่องค่าจ้างที่ผมจะได้รับจากสัญญาหลังการปฏิเสธ ยูไนเต็ด เขาก็ตื่นขึ้นมาแล้วบอกว่าไม่สามารถทำได้ เพราะมันจะทำให้ผู้เล่นคนอื่นรู้สึกอิจฉา หรือทำไม่ได้เพราะกฎ แฟร์ เพลย์'


แต่ในช่วงซัมเมอร์ปี 2017 คุณย้ายมายัง เอซี มิลาน สำเร็จ?

'ผมเซ็นสัญญาล่วงหน้ากับ มิลาน ไปตั้งแต่เดือนมกราคม เพราะผมตัดสินใจย้ายทีมแล้ว แม้ว่า อินซากี้ จะต้องการให้ผมอยู่ต่อก็ตาม ผมขอบคุณเขา แต่เขาบอกว่าผมอายุ 31 ปีแล้ว และหลังจากต่อสัญญาไม่สำเร็จ ผมจะย้ายไป มิลาน ซึ่งกำลังจะเปลี่ยนเจ้าของทีม'

'มีการเผชิญหน้ากันเพราะ โลตีโต้ ไม่ตอบรับข้อเสนอทางอีเมล และต้องการให้ผมไปอยู่ที่ ออรอนโซ่ ในช่วงปรีซีซั่น'

'สุดท้ายแล้ว ผมไปเข้าแคมป์ฝึกซ้อมตอนกลางคืน และวันรุ่งขึ้นก็มีแฟนบอลราว 5,000 คนที่พร้อมจะด่าผม และปกติแล้ว จะเป็นครอบครัวที่นั่น ไม่ใช่แฟนอุลตร้า ที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย'

คุณมีช่วงเวลาสำคัญๆที่โรมบ้างหรือไม่?

'ปีแรกเป็นปีแห่งการปรับตัว แต่หลังจากนั้นผมคิดว่าผมมี 3 ฤดูกาลที่ยอดเยี่ยม ผมยังจดจำ 2 ฤดูกาลที่เผชิญหน้ากับ ฟิออเรนติน่า ได้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวในอาชีพค้าแข้งของผม'

'และถึงแม้จะต้องอำลากันอย่างยากลำบาก และเจ็บปวด ผมจะไม่ปิดประตูเด็ดขาด เพราะถ้าวันหนึ่ง โลตีโต้ โทรหาผมเพื่อดึงไปคุมทีม ลาซิโอ ผมจะไปอย่างแน่นอน'

เมื่อคุณมาถึง มิลาน มันทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้นเร้าใจ?

'ผมมาถึงในคืนที่ผ่านช่วง 2 วันอันเหน็ดเหนื่อย วันรุ่งขึ้น ผมไปตรวจร่างกายที่ มิลาน แลบ ซึ่งต้องใช้พละกำลังอย่างมาก และผมเพิ่งได้หยุดพักไปประมาณ 14 วันโดยไม่ได้ฝึกซ้อมอะไรพิเศษเลย'

'ผมเครียดมาก ถึงขั้นอาเจียนตอนตรวจเสร็จเลย ตอนที่กำลังจะเดินทางกลับ มีคนมาทักทายผม ผมบอกว่า 'ฟอร์ซ่า ลาซิโอ' ซึ่งกลายเป็นประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพราะมันถูกถ่ายไว้ด้วย แต่ไม่มีใครรู้ว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น'


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด