การดวลกันของสองตำนานแข้ง
` สองแข้งระดับตำนานของวงการฟุตบอลโลกในช่วง 15 ปีที่ผ่านมาอย่าง ลีโอเนล เมสซี่ และ โธมัส มุลเลอร์ จะลงเผชิญหน้ากันอีกครั้งในศึก เอ็มแอลเอส คัพ รอบชิงชนะเลิศ วันเสาร์นี้ระหว่าง อินเตอร์ ไมอามี่ กับ แวนคูเวอร์ ไวท์แคปส์
'ประวัติศาสตร์ของผมกับ (เมสซี่) ทำให้ผมหวังว่าจะได้ลงเล่นรอบชิงชนะเลิศกับ ไมอามี่' อดีตแข้งดาวดัง บาเยิร์น มิวนิค และทีมชาติเยอรมนีเคยกล่าวไว้กับ แคเลน คาร์ ระหว่างการเล่นรอบเพลย์ออฟ เอ็มแอลเอส ก่อนหน้านี้
ทั้ง เมสซี่ และ มุลเลอร์ เคยลงเผชิญหน้ากันในเกมสำคัญๆมาแล้ว 11 ครั้ง ทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ โดยทีมของ มุลเลอร์ ทำผลงานดีกว่าเป็นฝ่ายกำชัยชนะ 8 ครั้ง แข้งดาวดังชาวเยอรมันทำ 8 ประตู ส่วนดาวเด่นชาวอาร์เจนไตน์ทำได้เพียง 3 ประตู ก่อนจะลงดวลกันครั้งที่ 12 ในวันเสาร์นี้ หากไม่มีฝ่ายใดโชคร้ายบาดเจ็บจนชวดลงสนามเท่านั้น
ส่วน 11 ครั้งที่ เมสซี่ ลงเผชิญหน้ากับ มุลเลอร์ ก่อนหน้านี้โดยจะจัดอันดับตามความสำคัญจากน้อยไปมากมีดังนี้
11.บาเยิร์น มิวนิค 2-0 บาร์เซโลน่า (วันที่ 24 กรกฎาคม 2013)
มันเป็นเกมกระชับมิตรรายการ อูลี่ เฮอเนส คัพ ที่ อัลลีอันซ์ อารีน่า แทบจะเรียกว่าเป็นเกมเล็กๆไม่มีความหมายเลยก็ว่าได้ โดย บาร์เซโลน่า ส่งผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนาม แต่ถอดตัวจริงทั้งหมดในช่วงพักครึ่ง ส่วน บาเยิร์น มิวนิค เปลี่ยนผู้เล่น 10 คนตลอดการแข่งขัน และทั้ง เมสซี่ กับ มุลเลอร์ ไม่มีบทบาทกับเกมดังกล่าวมากนัก
10.เยอรมนี 1-3 อาร์เจนตินา (วันที่ 5 สิงหาคม 2012)
เกมกระชับมิตรทีมชาติที่ ดอยท์ช แบงค์ ปาร์ค เมืองแฟร้งค์เฟิร์ต, มุลเลอร์ ออกจากเกมช่วงนาที 32 เนื่องจากเป็นการเปลี่ยนตัวผู้เล่นตามแท็คติก โดย มาร์ก-อันเดร แทร์ ชเตเก้น ลงสนามแทน รอน-โรเบิร์ต ซีเลอร์ ซึ่งถูกไล่ออก เพื่อลงมาเซฟจุดโทษ แต่ เมสซี่ รับหน้าที่สังหารไม่พลาด ก่อนนำทัพฟ้า-ขาวบุกคว้าชัยชนะ
9.บาเยิร์น มิวนิค 3-2 (วันที่ 12 พฤษภาคม 2015)
เกมรอบรองชนะเลิศนัดที่สองของแชมเปี้ยนส์ลีกที่ อัลลีอันซ์ อารีน่า โดย มุลเลอร์ เป็นคนทำประตูชัยให้ทีมเสือใต้ แต่ชัยชนะ 3-2 ของพวกเขายังไม่เพียงพอต่อการผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ หลังการปราชัยในเกมแรกด้วยสกอร์ 0-4 จาก 3 ประสานเอ็มเอสเอ็น เมสซี่-หลุยส์ ซัวเรซ-เนย์มาร์ โดยกองหน้าชาวบราซิเลียนทำสองประตูจากการทำสองแอสซิสต์ของ ซัวเรซ
8.เยอรมนี 0-1 อาร์เจนตินา (วันที่ 3 มีนาคม 2010)
เกมกระชับมิตรที่สนาม อัลลีอันซ์ อารีน่า ซึ่งเป็นการลงเผชิญหน้ากันครั้งแรกระหว่าง มุลเลอร์ กับ เมสซี่ นั้นมีความสำคัญเพียงเล็กน้อยในตอนนั้น เพราะมันเป็นแค่เกมอุ่นเครื่อง แต่ต่อมามันกลายเป็นจุดอ้างอิงเมื่อทั้งสองทีมพบกันในรอบก่อนรองชนะเลิศของฟุตบอลโลกปีนั้น ซึ่ง ดีเอโก้ มาราโดน่า เทรนเนอร์ทัพฟ้า-ขาวในขณะนั้นดูเหมือนจะมีลางสังหรณ์บางอย่าง
'เกมนี้มีลักษณะเหมือนการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบก่อนรองชนะเลิศ' มาราโดน่า กล่าวหลังเกมที่ มุลเลอร์ ลงเล่นนัดแรกด้วยอายุ 20 ปี ก่อน เยอรมนี จะล้างตาด้วยการยิงสลุต อาร์เจนตินา 4-0 ในรอบ 8 ทีมของศึกฟุตบอลโลกปีนั้น
7.ปารีส แซงต์ แชร์กแมง 0-1 บาเยิร์น มิวนิค (วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2023)
เกมแชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีม นัดแรกที่ ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ ซึ่งเป็นเกมแรกของ เมสซี่ ในสีเสื้อ เปแอสเช ที่ลงเผชิญหน้ากับ บาเยิร์น มิวนิค โดยดาวดังชาวอาร์เจนไตน์ลงเล่นกองหน้าคู่ เนย์มาร์ ขณะที่ คีลียัน เอ็มบั๊ปเป้ ลงเล่นฐานะสำรองหลังเพิ่งฟื้นตัวจากการบาดเจ็บ
แต่มันเป็นเกมที่ทั้ง เนย์มาร์ และ เมสซี่ เป็นสองกองหน้าดาวดังต่างทำผลงานย่ำแย่ส่งผลให้ฤดูกาลของ เปแอสเช บนเวทียุโรปสะดุดลงตั้งแต่ก่อนสิ้นเดือนกุมภาพันธ์
6.บาเยิร์น มิวนิค 4-0 บาร์เซโลน่า (วันที่ 23 เมษายน 2013)
เกมแชมเปี้ยนส์ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรก ที่ อัลลีอันซ์ อารีน่า ซึ่งเป็นเกมที่ มุลเลอร์ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เช่นเดียวกับผู้เล่นคนอื่นๆของทัพเสือใต้ โดยเป็นการคุมทีมนัดส่งท้ายของ ตีโต้ บีลาโนบา ก่อนเขาอำลาตำแหน่งด้วยเหตุผลทางสุขภาพ ส่วน เมสซี่ บาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลังจนต้องพักยาวหลังจากนั้น ก่อนทีมเสือใต้จะเก็บงานนัดสองด้วยสกอร์ 3-0 และผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศจนกระทั่งคว้าแชมป์ในที่สุด
5.บาเยิร์น มิวนิค 2-0 ปารีส แซงต์ แชร์กแมง (วันที่ 8 มีนาคม 2023)
เกมแชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีม นัดสองที่ อัลลีอันซ์ อารีน่า ในเวลานั้นดูเหมือนว่า เปแอสเช ยังคงห่างไกลจากการคว้าแชมป์ยุโรปแม้ว่าจะมีกำลังทรัพย์มหาศาลในการปลุกปั้นโปรเจ็กท์สโมสรก็ตาม ต่อมาจึงมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นด้วยการดึง หลุยส์ เอ็นรีเก้ มาร์ตีเนซ มารับตำแหน่งเทรนเนอร์และประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย
มันเป็นเกมสุดท้ายของ เมสซี่ ในการแข่งขันระดับยุโรป หลังกองหน้าชาวอาร์เจนไตน์ประกาศอำลา เปแอสเช ในอีก 3 เดือนต่อมาและตัดสินใจย้ายมาเซ็นสัญญากับ อินเตอร์ ไมอามี่ และอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
4.เยอรมนี 4-0 อาร์เจนตินา (วันที่ 3 กรกฎาคม 2010)
เกมฟุตบอลโลก 2010 รอบควอเตอร์ไฟนอลที่สนาม กรีน พอยน์ท สเตเดี้ยม ของเมือง เคป ทาวน์ โดย เยอรมนี ปรับตัวหลายอย่างและสามารถทำลายกองกลางของ อาร์เจนตินา จนพังพินาศระหว่างทางสู่การคว้าชัยชนะขาดลอย ขณะที่ เมสซี่ แทบจะไม่มีโอกาสเลยในเกมดังกล่าว
มันมาจากการเตรียมตัวด้วยความมุ่งมั่นของทัพอินทรีเหล็ก โดย บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ เผยว่า 'คุณเห็นภาษากายของพวกเขา วิธีที่พวกเขาแสดงท่าทาง วิธีที่พวกเขาพยายามโน้มน้าวผู้ตัดสิน มันไม่ใช่ส่วนหนึ่งของเกม นั่นคือการขาดความเคารพ มันคือสภาพจิตใจและบุคลิกของพวกเขา และเราจะต้องปรับตัว'
3.บาร์เซโลน่า 3-0 บาเยิร์น มิวนิค (วันที่ 6 พฤษภาคม 2015)
เกมแชมเปี้ยนส์ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรก ที่ คัมป์ นู ซึ่งเป็นการกลับมาเยือนถิ่นเก่าในฐานะเทรนเนอร์ บาเยิร์น มิวนิค ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แต่สุดท้ายมันกลายเป็นแมตช์ที่น่าจดจำว่าเป็นหนึ่งในผลงานดีสุดของ เมสซี่ ที่มีส่วนร่วมกับการทำทั้ง 3 ประตูด้วยการยิง 2 ประตูกับทำหนึ่งแอสซิสต์ ส่วน มุลเลอร์ ลงเล่น 77 นาทีก่อนถูกถอดออกจากสนามโดยมี มาริโอ เกิตเซ่ ลงแทน
2.บาเยิร์น มิวนิค 8-2 บาร์เซโลน่า (วันที่ 14 สิงหาคม 2020)
เกมแชมเปี้ยนส์ลีก รอบควอเตอร์ไฟนัลที่สนาม เอสตาดิโอ ดา ลูซ กรุงลิสบอน ซึ่งสกอร์จบลงโดยไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติม ที่สร้างความอับอายขายหน้ามากที่สุดในประวัติศาสตร์ของ บาร์เซโลน่า และมันเป็นการส่งสัญญาณบอกว่ายุครุ่งเรืองของ เมสซี่ กับทัพอาซูลกราน่ากำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว ก่อนเขาจะอยู่ต่ออีกหนึ่งฤดูกาลและอำลาสโมสรในที่สุด
ส่วน มุลเลอร์ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นเดียวกับนักเตะคนอื่นๆในทีม เขาทำ 2 ประตูกับหนึ่งแอสซิสต์ โดย ฮันซี่ ฟลิค เทรนเนอร์ทีมเสือใต้ในขณะนั้นจะกลายมาเป็นบอสใหญ่คนปัจจุบันของ บาร์เซโลน่า
1.เยอรมนี 1-0 อาร์เจนตินา (วันที่ 13 กรกฎาคม 2014)
เกมชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกปี 2014 ที่สนาม มารากาน่า กรุง รีโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะถูกเลือกเป็นเกมอันดับหนึ่งในการเผชิญหน้ากันระหว่าง มุลเลอร์ กับ เมสซี่ นอกจากการทำประตูชัยของ มารีโอ เกิตเซ่ แล้ว แมตช์นี้ยังเป็นที่จดจำสำหรับโอกาสทั้งหมดที่ อาร์เจนตินา พลาดไป ทั้งจังหวะหลุดเดี่ยวของ กอนซาโล่ อีกวาอิน รวมถึงโอกาสทองในช่วงครึ่งหลังของ เมสซี่ ที่คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของทัวร์นาเมนต์เป็นรางวัลปลอบใจ

