การกลับมาของ ราชัน

พวกเขากลับมาเป็นตำนานวงร็อกที่ฝีไม้ลายมือสุดแพรวพราว ตรงกันข้ามกับการเป็นเหมือนวงดนตรีเด็กมัธยม ซึ่งพวกเขาเป็นมาตลอดตั้งแต่ออกสตาร์ทซีซั่น
แม้ล่าสุดจะพลาดท่าแพ้ให้กับ เอสปันญ่อล 0-1 แบบบสุดช็อก เมื่อวันเสาร์ ทว่าย้อนกลับไปเมื่อวันพุธ ทีมของ คาร์โล อันเชล็อตติ ก็เพิ่งจะถล่ม แบรสต์ 3-0 ในนัดสุดท้ายของรอบลีกเฟส ถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีก และตอนนี้เป็นที่แน่นอนแล้วว่าพวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับ แมนฯ ซิตี้ ในการแข่งขันรอบเพลย์ออฟ
หลังแพ้ต่อ บาร์เซโลน่า 2-5 ในซูเปอร์ คัพ สเปน ราชันชุดขาว ก็เดินหน้าคว้าชัย 5 เกมติดต่อกัน โดยทำได้ถึง 20 ประตู และนำเป็นจ่าฝูงของลา ลีกา ก่อนที่จะเจออุบัติเหตุลูกหนังพบกับความพ่ายแพ้เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
การเริ่มต้นฤดูกาลแบบห่อเหี่ยว รวมถึงฟอร์มที่ไม่สม่ำเสมอและคำถามเกี่ยวกับไดนามิกของทีมที่เปลี่ยนไปนับตั้งแต่ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ เข้ามา ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายที่มุ่งเป้าไปยังเทรนเนอร์อย่าง อันเชล็อตติ
"อันเชล็อตติ จะออกจากสนามในช่วงซัมเมอร์"
"เอ็มบั๊ปเป้ ไม่สามารถปรับตัวได้"
"วินิซิอุส จูเนียร์ ไม่อยู่กับร่องกับรอย"
นี่คือคำพูดจากผู้คนที่ต่างถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับ เรอัล
แต่การล่มสลายของยักษ์ใหญ่ยุโรปนั้นดูจะมีมูล
อันเชล็อตติ ไม่เคยถูกกวนใจอย่างไม่สมควรจากความคิดเห็นของผู้คนภายนอกสโมสร แม้ว่าครั้งนี้เขาสัมผัสได้ว่ามีองค์ประกอบบางอย่างที่แผ่ออกมาจากภายใน
"อันเชล็อตติ จะตัดสินใจเองว่าเมื่อไหร่ที่เขาจะจากไป"
เมื่อสถานีวิทยุแห่งหนึ่งในสเปนประกาศว่า อันเชล็อตติ บอกกับสโมสรว่าฤดูกาลนี้จะเป็นฤดูกาลสุดท้ายของเขา และเขาก็ไม่รีรอที่จะออกมาปฏิเสธอย่างรวดเร็ว
อันเชล็อตติ จะเป็นคนตัดสินใจเองว่าเขาจะออกจากสโมสรเมื่อใด แม้ว่าสัญญาของเขาจะเหลืออีกอีกครึ่งก็ตาม หลังจากผ่านไป 4 ปี และได้แชมป์มา 11 รายการ รวมถึงความสำเร็จในแชมเปี้ยนส์ลีก 2 ครั้ง เขาก็สมควรที่จะได้รับสิทธิ์นั้นอยู่แล้ว
มันอธิบายได้ถึงความหยิ่งทะนงของเขาได้อีกเล็กน้อย เมื่อเขาตอบกลับสื่อด้วยผลงานในลีกปัจจุบันที่บ่งชี้ว่านักวิจารณ์คิดผิด
สิ่งที่แน่นอนคือไม่มีใครอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่าเขาที่จะรู้ว่าเมื่อไหร่คือเวลาที่เหมาะสมต่อการออกจากสโมสร และนั่นจะเป็นตอนที่เขาเชื่อว่าเขาไม่สามารถหาทางออกที่จำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่าสโมสรจะคว้าถ้วยแชมป์มาได้อย่างต่อเนื่องอีกต่อไป
เมื่อถึงจุดนั้น เขาจะปล่อยให้ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ เตรียมปูทางให้กับคนใหม่ที่จะมาถึง ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเป็น ชาบี อลอนโซ่ ที่ถูกมองอยู่เสมอว่า เรอัล มาดริด หรือ ลิเวอร์พูล จะเป็นก้าวต่อไปของเขาหากทุกอย่างยังไปได้สวยกับ เลเวอร์คูเซ่น
แต่มันยังไม่ใช่ตอนนี้
อันเชล็อตติ เชื่อเสมอมาว่า มาดริด จะคว้าแชมป์ลีกฤดูกาลนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพวกเขาสามารถเอาชนะจิตวิทยาของความขี้เกียจหลังจากฤดูกาลที่คว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีก และลา ลีกา
สิ่งที่น่าสังเกตุก็คือพวกเขายังไม่สามารถเอาชนะทีมระดับท็อปได้เลยในฤดูกาลนี้ รวมไปถึงการแพ้ เอซี มิลาน และ ลิเวอร์พูล ในแชมเปี้ยนส์ลีก และโดนไปถึง 9 ดอกจาก 2 นัดที่พบกับ บาร์เซโลน่า
อย่างไรก็ตาม อันเชล็อตติ ก็ยังคงมีความเชื่อของเขายังไม่ลดละ
"ราชันชุดขาว ไม่กลัวที่จะขาย วินิซิอุส"
อาการบาดเจ็บ โดยเฉพาะในแนวรับของ เอแดร์ มิลิเตา และ ดานี่ การ์บาฆาล ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นในช่วงออกสตาร์ท
แต่ปัญหาหลักของ อันเชล็อตติ อยู่ที่การขาดกองกลางที่จะควบคุมเกมและความไม่ลงตัวของสามประสานแนวรุกระดับสตาร์ ขณะที่ จู๊ด เบลลิงแฮม ก็ไม่รู้ว่าจะต้องวิ่งไปตรงไหนเพื่อที่จะครอบคลุมพื้นที่มากมาย
ความแข็งแกร่งที่ฟื้นคืนมาของ ดานี่ เซบายอส ในแดนกลางช่วยได้ แต่การแสดงของพวกเขาในแนวรุกต่างหากที่สร้างความแตกต่างให้กับโชคชะตาของ มาดริด ได้อย่างแท้จริง
เริ่มด้วย วินิซิอุส ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นจุดสนใจของทุกคนไม่ว่าเขาจะได้ลงเล่นหรือไม่ก็ตาม
กองหน้าบราซิลรายนี้เข้าๆ ออกๆ ทีมมาบ้างในช่วงหลังไม่ว่าจะด้วยอาการบาดเจ็บหรือโทษแบน และตอนนี้ก็เป็นเป้าหมายสำหรับข้อเสนอมหาศาลจากซาอุดีอาระเบีย
เงินที่ฉีดเข้าไปจากการขายดาวเตะวัย 24 ปี จะนำไปใช้จ่ายหนี้ค่าสนามได้มาก รวมถึงผลประโยชน์ทางการเงินอื่นๆ อีกมากมาย
เรอัล เองก็ไม่ได้กลัวที่จะขายผู้เล่น แต่ต้องเป็นเวลาที่เหมาะสม
มีการพูดถึงแนวทางการเผชิญหน้าของ วินิซิอุส ที่ถูกแฟนบอลจ้องเหยียดเชื้อชาติมากมาย
ในเหตุการณ์ล่าสุด เขาตอบโต้เสียงตะโกน "tonto" (ไอ้โง่) จากแฟนบอล บาเลนเซีย เมื่อต้นเดือนด้วยการทำท่ามือบอกเป็นนัยว่าทีมที่กำลังดิ้นรนในลา ลีกา จะต้องตกชั้นแน่
ในการปกป้องเขา ไม่มีผู้เล่นคนใดเลยที่ถูกดูหมิ่นในระดับเดียวกับที่เขาถูกกระทำ ซึ่งรวมถึงตัวอย่างการเหยียดเชื้อชาติมากมายจากแฟนบอลด้วย
ใครก็ตามที่คาดหวังว่า วินิซิอุส จะก้มหัวและปิดปากเงียบนั้นคงต้องรอคอยไปอีกนาน
เขาเชื่อว่าการดูหมิ่นที่เขาได้รับนั้นไม่ยุติธรรมและเป็นการเหยียดเชื้อชาติโดยพื้นฐาน มันไม่ใช่สิ่งที่เขาพร้อมจะทน
ในสนาม ความเข้าใจที่เพิ่งขึ้นระหว่าง วินิซิอุส และ เอ็มบั๊ปเป้ ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ ราชันชุดขาว มีผลงานที่ดีขึ้น
ดาวเตะทีมชาติฝรั่งเศสมีจุดเริ่มต้นที่ลำบากในกรุงมาดริด แต่ทุกวันนี้มันก็ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ว่าความสำเร็จของ เรอัล จะอยู่ที่การทำให้ เอ็มบั๊ปเป้ เป็นจุดศูนย์กลางของการทำประตู และเป็นผู้นำ
เอ็มบั๊ปเป้ มีความฉลาด, มีพรสวรรค์ และมีความสามารถมากเกินไปที่จะล้มเหลวภายใต้แรงกดดันที่ เรอัล มาดริด
ในทีแรกเขามองว่าการเล่นในตำแหน่งเบอร์ 9 เป็นบทบาทที่หยุดนิ่งมากกว่าตอนนี้ และตระหนักได้ว่าไม่ควรไปรุกล้ำพื้นที่ของ วินิซิอุส ไม่ว่าจะในหรือนอกสนาม จนถึงขนาดยอมรับได้ว่าการยิงจุดโทษจะต้องถูกหมุนเวียน
ทุกวันนี้ ไม่ว่าเขาจะลงเล่นตรงไหนของสนาม ทีมก็จะปรับตัวให้เข้ากับเขาได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ เขายังยอมรับด้วยว่าในตำแหน่งเบอร์ 9 เขาก็สามารถสร้างความอันตรายได้ ไม่ใช่ด้วยการหันหลังให้กับประตู แต่เป็นการวิ่งทะลุแนวรับและจบสกอร์อย่างเฉียบคม
นับตั้งแต่พลาดจุดโทษในเกมกับ แอธ. บิลเบา เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม เขาก็ทำไปแล้ว 12 ประตู รวมถึงแฮตทริกแรกของเขาด้วย
ตอนนี้เขาเป็นคนรับหน้าที่สังหารจุดโทษอย่างเป็นทางการของสโมสร และแม้แต่ วินิซิอุส เองก็ยอมรับว่าทีมจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ เอ็มบั๊ปเป้ กลายเป็นดาวซัลโซสูงสุดทั้งในลา ลีกา และแชมเปี้ยนส์ลีก
"เบลลิงแฮม กลายเป็นผู้นำของ เรอัล มาดริด"
โรดรีโก้ กองหน้าบราซิลที่กำลังโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ทำไป 10 ประตู จาก 11 เกมหลังสุด ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขายิงไม่ได้นานถึง 2 เดือนครึ่ง
ความสงสัยในตัวเองและความรู้สึกที่ว่าเขาไม่ได้ถูกมองเห็นคุณค่าหรือได้รับคำชื่นชมจากสโมสร ถูกแทนที่ด้วยความมั่นใจที่ค้นพบขึ้นมาใหม่
ความปรารถนาใดๆ ที่เขาอาจเคยต้องการย้ายทีมได้หายไปแล้ว เพราะ อันเชล็อตติ ได้ยืนยันกับเขาว่าเขาเป็นผู้เล่นที่สำคัญและเป็นตัวจริงโดยอัตโนมัติ
จากนั้นก็ยังมี เบลลิงแฮม ซึ่งยังคงมีความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง
แม้จะต้องลงเล่นท่ามกลางอาการบาดเจ็บ แต่ผู้เล่นทีมชาติอังกฤษก็เปรียบเสมือนน้ำมันที่หล่อเลี้ยงเครื่องจักรของ เรอัล มาดริด อยู่ในเวลานี้
ไม่ว่าจะขับเคลื่อนไปข้างหน้ากับบอลหรือสร้างสรรค์เกมจากขอบกรอบเขตโทษด้วยการหันหลังให้ประตู ทั้งการเชื่อมเกม, แอสซิสต์ หรือทำประตู เขาก็ดูสนุกอย่างเห็นได้ชัด
เบลลิงแฮม คือเพื่อนที่ดีที่สุดของทุกคนในทีม ร่วมกับ เอ็มบั๊ปเป้ จนกลายเป็นหนึ่งในสองผู้นำของ เรอัล มาดริด ไปแล้วในตอนนี้
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT