อย่างกับหนังหักมุม

ป้ายขนาดใหญ่ติดข้อความว่า "คุณลงสนามในฐานะนักเตะ คุณทิ้งมันไว้ในฐานะตำนาน" เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของสโมสรในการก้าวไปยังแชมเปี้ยนส์ลีก จนถึงโปรแกรมนัดสุดท้ายกับ เอฟเวอร์ตัน
ในท้ายที่สุด นิวคาสเซิ่ล และผู้จัดการทีมอย่าง เอ็ดดี้ ฮาว ก็ไปถึงจุดหมายและก้าวไปสู่สถานะนั้นได้สำเร็จ แม้ว่าผลการแข่งขันจะไม่ได้ราบรื่นอย่างที่หวัง
ทีมของ ฮาว เป็นเพียงเงาจางๆ ของความมีชีวิตชีวาตามปกติของพวกเขา ขณะที่ เอฟเวอร์ตัน ปิดฉากเสียงเชียร์อันดังกึกก้องของพลพรรค ทูนอาร์มมี่ ด้วยชัยชนะ 1-0 นิวคาสเซิ่ล เต็มไปด้วยความประหม่า และความตึงเครียดตลอดทั้งเกม อารมณ์ความรู้สึกแผ่ซ่านไปถึงอัฒจันทร์
ตลอด 11 นาทีแห่งความกังวลในครึ่งหลัง ในช่วงที่ การ์ลอส อัลการาซ โหม่งให้ เอฟเวอร์ตัน ออกนำหลังจากผ่านไป 65 นาที และจนกระทั่ง อาหมัด ดิยัลโล่ โหม่งให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำ แอสตัน วิลล่า ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ทำให้ นิวคาสเซิ่ล ยังอยู่ใน 5 อันดับแรก แม้จากผลการแข่งขันแล้วพวกเขาดูเหมือนว่าจะออกจากสนามด้วยความอกหัก
ในท้ายที่สุด ทุกอย่างก็จบลงด้วยดีเมื่อพวกเขาได้ตั๋วทองของการกลับไปสู่แชมเปี้ยนส์ลีกนอกเหนือจากถ้วยรางวัล โดยพวกเขาได้ถ้วยแชมป์ในประเทศครั้งแรกในรอบ 70 ปี และเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1969 หลังจากเอาชนะ ลิเวอร์พูล ในนัดชิงชนะเลิศ คาราบาว คัพ
แม้กระทั่งตอนนั้น ผู้เล่น นิวคาสเซิ่ล ก็ไม่ทราบถึงเหตุการณ์ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อย่างชัดเจน เมื่อเสียงนกหวีดหมดเวลาดังขึ้นซึ่งพวกเขาพ่ายแพ้ วาเลนติโน่ ลิฟราเมนโต้ และคนอื่นๆ ทรุดตัวลงกับพื้นด้วยความผิดหวัง เหมือนว่าพวกเขาเชื่อว่าตำแหน่งในการแข่งขันเวทีระดับสูงที่สุดของยุโรปได้หลุดมือไปแล้ว
หลังจากที่ความพ่ายแพ้อย่างน่ากังขาของ แอสตัน วิลล่า ได้รับการยืนยัน เพลงประจำแชมเปี้ยนส์ลีกก็ดังขึ้นทั่วสนามเซนต์ เจมส์ พาร์ค ท่ามกลางความปลื้มปิติยินดีอย่างเต็มที่ทั้ง ฮาว, นักเตะของเขา, ครอบครัวของพวกเขา และบรรดาแฟนบอล
ความวิตกกังวลและภาพการถ่ายทอดสดของแฟนบอล นิวคาสเซิ่ล ที่กำลังกัดเล็บถูกลืมไปขณะที่พวกเขากำลังอ่านเนื้อเพลงแชมเปี้ยนส์ลีกฉบับเต็มเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับฤดูกาลหน้า
แม้ว่าผลงานนี้จะไม่ดีเอาเสียเลย แต่ก็ถือเป็นการปิดฉากฤดูกาลอย่างยอดเยี่ยมของ นิวคาสเซิ่ล และ ฮาว ผู้จัดการทีมผู้สร้างแรงบันดาลใจของพวกเขา
ช่วงเริ่มต้นของฤดูกาลของ สาลกาดง ดูบดบังด้วยความไม่แน่นอนทางการเงิน ขณะที่ ฮาว ก็ต้องยอมขายอย่างไม่เต็มใจเพื่อให้สโมสรหลีกเลี่ยงการทำผิดกฎผลกำไรและความยั่งยืน ทว่าซีซั่นนี้จบลงด้วยความรุ่งโรจน์ โดยมีเงินรางวัลจากแชมเปี้ยนส์ลีกที่คาดว่าจะสูงถึง 100 ล้านปอนด์ไหลเข้ากระเป๋า
แนวคิดที่ว่า นิวคาสเซิ่ล จะคว้าถ้วยรางวัล และผ่านเข้าไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกได้นั้นดูห่างไกลในช่วงเวลาที่มีปัญหาดังกล่าว
สโมสรเคยถึงขั้นพิจารณาที่จะขายปีกทีมชาติอังกฤษอย่าง แอนโธนี่ กอร์ดอน ให้ ลิเวอร์พูล ในขณะที่มีข้อกังวลว่าค่าฉีกสัญญา 100 ล้านปอนด์ ของ บรูโน่ กีมาไรช์ กองกลางทีมชาติบราซิลอาจถูกเปิดใช้เช่นกัน
ไม่มีข้อเสนอใดๆ จากแอนฟิลด์ สำหรับ กอร์ดอน ซึ่งเป็นแฟน ลิเวอร์พูล มาตั้งแต่เด็ก หรือสำหรับ กีมาไรช์ ดังนั้นจึงมีเพียง ยานคูบา มินเตห์ และ เอลเลียต แอนเดอร์สัน สองดาวรุ่งมากความสามารถที่ต้องเสียสละย้ายไป ไบรท์ตัน และ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ตามลำดับ
นอกจากนี้ การที่ ฮาว พยายามที่จะคว้าตัว มาร์ค เกฮี กองหลังของ คริสตัล พาเลซ ในช่วงซัมเมอร์ยังจบลงด้วยความล้มเหลว เนื่องจากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับสโมสรลอนดอนได้ และเซนเตอร์แบ็กทีมชาติอังกฤษรายนี้ก็ยังคงเล่นในถิ่นเซลเฮิร์สต์ พาร์ค ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ฮาว สามารถจัดการกับความไม่มั่นคงนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม โดยพลิกสถานการณ์จากช่วงเริ่มต้นที่ไม่ค่อยดีนักและนำทีมคว้าถ้วยรางวัลที่รอคอยมานาน จากนั้นก็เปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของสโมสรไปอีกขั้นด้วยการพาทีมกลับไปยังแชมเปี้ยนส์ลีก
นี่เป็นผลงานการจัดการที่ยอดเยี่ยมมาก โดยขจัดความไม่แน่นอนที่ยังคงค้างคาอยู่ในถิ่นเซนต์ เจมส์ พาร์ค
และ ฮาว ก็ดูเหมือนจะมีอารมณ์ที่จะพา นิวคาสเซิ่ล ทะยานไปข้างหน้าอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเขาพูดถึงเรื่องการซื้อขายนักเตะในซัมเมอร์นี้
"ใช่ มันจะเป็นช่วงซื้อขายครั้งใหญ่ มันเป็นเรื่องยากที่จะพูดในเรื่องของตัวเลข แต่ผมคิดว่านี่คือช่วงเวลาที่เราต้องเคลื่อนไหวอย่างเต็มที่ และผมแน่ใจว่าเราจะทำได้" ฮาว กล่าว
"พลังของแชมเปี้ยนส์ลีกและแรงดึงดูดของแชมเปี้ยนส์ลีกนั้นยิ่งใหญ่มาก และเราไม่สามารถละทิ้งมันไปได้ ความตื่นเต้นที่สิ่งนี้จะนำมาให้กับผู้คนที่นี่"
"และแน่นอนว่าตอนนี้มันเป็นจุดขายสำหรับเรา เป็นโอกาสสำหรับเราที่จะขายความฝันนั้นให้กับผู้เล่นในอนาคตที่อาจพิจารณามาอยู่กับเรา"
ความมุ่งมั่นของ นิวคาสเซิ่ล ซึ่งไม่เคยเปลี่ยนแปลงในการที่จะเก็บสตาร์อันดับหนึ่งอย่าง อเล็กซานเดอร์ อีซัค เอาไว้ อาจถูกการทดสอบหากพวกเขาไม่สามารถจบฤดูกาลในท็อปห้าได้ ตอนนี้ดาวเตะทีมชาติสวีเดนได้อยู่ในสถานะที่เขาปรารถนา และเป็นสิ่งที่เขาสมควรได้รับ ข่าวลือเรื่องสัญญาฉบับใหม่จะเข้ามาแทนที่ข่าวลือเรื่องการย้ายออกจากทีม
สิ่งเดียวกันนี้จะเกิดขึ้นกับคู่หูแดนกลางผู้ทรงอิทธิพลอย่าง กีมาไรช์ และ ซานโดร โตนาลี่ ด้วยเช่นกัน
ในที่สุด เจค็อบ เมอร์ฟี่ วัย 30 ปี ก็มีผลงานตามที่ ฮาว เชื่อมั่นในตัวเขา โดยทำได้ 8 ประตู และ 12 แอสซิสต์ จาก 30 เกมในพรีเมียร์ลีก ขณะที่ อีซัค เป็นหัวโขนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยทำไป 23 ประตู และ 6 แอสซิสต์ จาก 34 เกมในลีก
หัวใจสำคัญของเรื่องนี้ทั้งหมดก็คือ ฮาว ซึ่งสถานะของเขาในไทน์ไซด์ได้รับการตอกย้ำมากขึ้นทุกขณะ
เขาเชื่อว่า นิวคาสเซิ่ล จะอยู่ในสภาพที่ดีขึ้นหลังจากลงเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกครั้งล่าสุดเมื่อฤดูกาล 2023-24 เมื่อพวกเขาเอาชนะ ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง 4-1 ในบ้าน แต่ไม่สามารถผ่านเข้ารอบน็อคเอาต์ได้
"ประสบการณ์ที่เราได้รับที่นั่นในครั้งแรกจะช่วยเราได้มาก ผมคิดว่าอย่างนั้น" ฮาว ยอมรับ
"เรารู็สึกว่าเราเติบโตขึ้นจากการแข่งขัน ดังนั้นผมคิดว่าเราแข็งแกร่งขึ้น ผมคิดว่าเรามีความพร้อมทั้งทางร่างกายและจิตใจสำหรับการแข่งขันที่รออยู่ข้างหน้าได้ดีขึ้น"
นิวคาสเซิ่ล ได้จัดขบวนแห่ และงานปาร์ตี้ใหญ่เพื่อฉลองกับความสำเร็จจากแชมป์คาราบาว คัพ ไป การเฉลิมฉลองในวันอาทิตย์ที่ผ่านมาอาจไม่ถึงขั้นนั้น แต่ความสำเร็จของสิ่งที่ทำได้ ถึงแม้ว่าฤดูกาลของพวกเขาจะปิดท้ายด้วยความพ่ายแพ้ในเกมสุดสำคัญ แต่มันกลายเป็นหนังหักมุมที่ฉากจบกลับลงเอยแบบแฮปปี้เอนดิ้ง