ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ

ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง ผู้เกรียงไกรมาตลอดทั้งฤดูกาล ตั้งแต่การคว้าแชมป์ลีก เอิง เมื่อต้นเดือนเมษายน ไปจนถึงการถล่ม อินเตอร์ มิลาน ในนัดชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ลีก
พวกเขาดูเหมือนไปถึงดวงดาวในฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลกได้ไม่ยาก โดยเอาชนะ บาเยิร์น มิวนิค ทั้งที่เหลือนักเตะ 9 คน และถล่ม เรอัล มาดริด 4-0 ในเส้นทางสู่รอบชิงชนะเลิศ
แต่ด้วยความคาดหวังอันสูงลิ่วว่าจะต้องเอาชนะ เชลซี ได้อย่างแน่นอน ครั้งนี้เหล่า ปารีเซียง ถึงขั้นต้องตกตะลึง
แม้กระทั่งก่อนที่ โคลด์เพลย์ จะแสดงช่วงฮาล์ฟไทม์โชว์ โคล พาลเมอร์ ก็ทำสองประตูสุดสวย และสร้างโอกาสให้ ชูเอา เปโดร ทำประตูให้ สิงห์บลูส์ นำห่างถึง 3-0 และนั่นคือจุดจบของเรื่อง
"ผมไม่เคยเห็น เปแอสเช เสียการครองบอลบมากขนาดนี้ในครึ่งแรก" แอนดรอส ทาวน์เซนด์ อดีตกองกลางทีมชาติอังกฤษกล่าว
"ต้องให้เครดิต เชลซี ที่เล่นได้อย่างเนี้ยบท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าวของนิวยอร์ก"
เป็น ทาวน์เซนด์ เองนั่นแหละที่บอกว่าแทบไม่อยากเชื่อภาพที่เกิดขึ้นในสนามเม็ตไลฟ์ สเตเดี้ยม
แกเร็ธ เบล อดีตนักเเตะชื่อดังได้กล่าวว่า "เปแอสเช เหมือนมาเจอกับ เปแอสเช เอง"
แล้วทั้งหมดนั้น ทีมของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า จัดการได้อย่างไร? และพวกเขาทำได้ดีแค่ไหน?
พาลเมอร์ สุดยอด ขณะที่ สิงห์บลูส์ โชว์ 'แท็คติกชั้นยอด'
อย่างที่เคยเป็นมาตลอด 2 ปี เวลา พาลเมอร์ เล่นได้ดีก็หมายความว่า เชลซี จะเล่นดี
ดาวเตะวัย 23 ปี เล่นในตำแหน่งตรงกลางเป็นหลักฐานะหมายเลข 10 ตลอดฤดูกาลนี้ แต่บางครั้งเขาก็เล่นได้ไม่ดีนักในพื้นที่นั้น มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เขาทำประตูไม่ได้ถึง 18 เกม และก็ยอมรับว่าเขาต้องเจอกับช่วงเวลาที่ยากลำบากตลอดหลายเดือนทั้งในและนอกสนาม
อย่างไรก็ตาม หลังจากถูกโยกไปเล่นทางฝั่งขวาในทัวร์นาเมนต์นี้ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เขาเคยสร้างชื่อภายใต้การคุมทีมของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ กุนซือคนก่อน เขาก็กลับมาอยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดอีกครั้ง
"ไอเดียก็คือการเล่นแบบตัวต่อตัว เพราะถ้าคุณเปิดพื้นที่ให้ เปแอสเช พวกเขาจะฆ่าคุณ ดังนั้นเราจึงพยายามเล่นอย่างดุดันและกดดันพวกเขาตั้งแต่เริ่มต้น และความเข้มข้นนั้นสำคัญมากในช่วง 10 นาทีแรก" มาเรสก้า กล่าว
เมื่อ เชลซี แสดงศักยภาพออกมาได้อย่างชัดเจน พวกเขาก็มุ่งมั่นที่จะโจมตีทางฝั่งซ้ายของ เปแอสเช เนื่องจาก ชูเอา เปโดร ก็มักจะขยับออกมาด้านข้างเพื่อที่จะเล่นกับ พาลเมอร์
วิธีการของพวกเขามักจะเป็นแบบไดเร็กต์ โดยจ่ายบอลไปหลังแนวรับของ เปแอสเช แต่นั่นก็หมายความว่า นูโน่ เมนเดส แบ็กซ้ายจะต้องมีช่วงเวลาที่ย่ำแย่ด้วย
"เราประสบความสำเร็จอย่างมากในการโจมตีฝั่งซ้ายของพวกเขา" มาเรสก้า กล่าว
"ทุกอย่างเป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบสำหรับเราด้วยความพยายามของนักเตะ"
ทาวน์เซนด์ อธิบายว่านี่เป็น "ชั้นเชิงชั้นยอด"
"นั่นคือสิ่งที่พวกเขาทำ พวกเขาขยายแนวรับ เปแอสเช เราไม่เคยเห็นทีมไหนทำแบบนี้กับพวกเขามาก่อน" จอห์น โอบี มิเกล อดีตกองกลาง เชลซี กล่าวเสริม
'เราให้คุณค่ากับมันมากพอๆ กับแชมเปี้ยนส์ลีก...หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ'
มีการถกเถียงกันอย่างมากว่าการแข่งขันที่ขยายขอบเขตใหม่นี้มีความหมายเพียงใด
แต่ถ้วยรางวัลนี้หมายความว่าคุณสามารถเรียกตัวเองว่าแชมป์โลกได้ จนกว่าจะมีการแข่งขันครั้งต่อไป ซึ่งกำหนดจัดในปี 2029 และ เชลซี สามารถติดตราสัญลักษณ์บนชุดแข่งเพื่อเป็นการตอกย้ำความสำเร็จนี้
ถ้วยรางวัลนี้มีมูลค่าราว 80 ถึง 90 ล้านปอนด์
"แฟนๆ จะมีสิทธิ์อวดอ้างไปอีก 4 ปีข้างหน้า" ทาวน์เซนด์ กล่าว
"ไม่มีใครสามารถพูดอะไรกับแฟนๆ เชลซี ได้ เพราะพวกเขาคือแชมป์โลก ไม่ใช่เพียงแค่ปีเดียว แต่ 4 ปี จนถึงปี 2029 ว้าว! ช่างเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่จริงๆ"
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันมีความหมายต่อนักเตะและทีมงานมากเพียงใด โดยพวกเขาฉลองกันอย่างสุดเหวี่ยงไม่แพ้ถ้วยรางวัลแชมเปี้ยนส์ลีก หรือพรีเมียร์ลีก
นักเตะของพวกเขามีการปะทะกับฝั่ง เปแอสเช ในสนามหลังจากนั้น โดยทีมแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกแสดงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดกับความพ่ายแพ้ โดยมี มาเราก้า ผู้จัดการทีม เชลซี ทำหน้าที่คอยปรามสถานการณ์
"ผมรู้สึกว่าการแข่งขันครั้งนี้มีความสำคัญพอๆ กับหรืออาจจะสำคัญกว่าแชมเปี้ยนส์ลีกด้วยซ้ำ" มาเรสก้า กล่าว
"ผมโชคดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมโค้ช (ที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้) ที่คว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกเมื่อ 3 ปีก่อน แต่การแข่งขันครั้งนี้มีสโมสรที่ดีที่สุดในโลกอยู่ด้วย นั่นคือเหตุผลที่เราให้คุณค่ากับมันมากพอๆ กับแชมเปี้ยนส์ลีก หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ"
"สำหรับเรา มันเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ การที่แฟน เชลซี ได้ติดป้ายแชมป์โลกบนเสื้อของพวกเขาถือเป็นความภาคภูมิใจของเรา"
พาลเมอร์ กล่าวเสริมว่า "มันเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยม และยิ่งไปกว่านั้นเพราะทุกคนต่างสงสัยในตัวเราก่อนเกม เรารู้ดีอยู่แล้ว การได้สู้แบบที่เราทำมันเป็นเรื่องที่ดี"
ชัยชนะที่ประกาศศักดา และมันบ่งบอกถึงสัญญาณอะไร?
หลายคนหัวเราะเยาะการดึงตัวนักเตะของ เชลซี ภายใต้การดูแลของ ท็อดด์ โบห์ลี่ พวกเขาใช้เงินราว1.5 พันล้านปอนด์กับนักเตะนับตั้งแต่ที่เขาเข้ามาเป็นเจ้าของทีมในปี 2022 และมอบสัญญามากมายเป็นระยะเวลา 7, 8, 9 ปี
เมื่อ 18 เดือนที่แล้ว แกรี่ เนวิลล์ เรียกพวกเขาว่า "ขวดราคาพันล้านปอนด์" หลังจากที่พวกเขาแพ้ ลิเวอร์พูล ในนัดชิงชนะเลิศ คาราบาว คัพ
แต่หลังจากคว้าแชมป์คอนเฟอเรนซ์ ลีก และสโมสรโลก ในปีนี้ พวกเขาดูดีขึ้นมาก พวกเขามีทีมอายุน้อยที่สุดในทัวร์นาเมนต์นี้ โดยไม่มีใครอายุเกิน 27 ปีเลย ดังนั้นพวกเขาน่าจะพัฒนาขึ้นไปได้อีก
แล้วตอนนี้พวกเขาจะคิดถึงเรื่องท้าชิงแชมป์พรีเมียร์ลีกได้หรือยัง?
แกเร็ธ เบล ตำนานทีมชาติเวลส์ ได้กล่าวว่า "ผมไม่คิดว่าพวกเขาจะห่างไกลจากเป้าหมายมากนัก ฤดูกาลที่แล้วก่อนคริสต์มาส ทุกคนต่างพูดถึงพวกเขาในฐานะผู้ท้าชิง"
นีซาร์ คินเซลล่า นักข่าว บีบีซี ซึ่งรับชมอยู่ที่สนามเม็ตไลฟ์ กล่าวว่า "เชลซี สนับสนุน มาเรสก้า อย่างเหนียวแน่น และสโมสรมีความมั่นคงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่รัฐบาลสหราชอาณาจักรคว่ำบาตร โรมัน อบราโมวิช หลังจากสงครามในยูเครนเริ่มขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2022"
"นี่คือสโมสรใหม่ แต่มีความสามารถที่จะคว้าชัยชนะอีกครั้ง และผู้ที่เกี่ยวข้องต้องการการยอมรับในความสำเร็จของพวกเขา"
"มอยเสส ไกเซโด้ และ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ควรได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในกองกลางที่ดีที่สุดในโลก มาร์ก กูกูเรย่า ถือว่าเป็นแบ็กซ้ายที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีก และอาจจะดีที่สุดในโลกเลยก็ได้"
"มีนักเตะดาวรุ่งพุ่งแรงอย่าง ลีวาย โคลวิลล์, มาโล กุสโต้ และนักเตะรุ่นใหม่อย่าง อังเดรย์ ซานโตส"
"ชูเอา เปโดร ทำ 3 ประตู จาก 3 นัดในศึกชิงแชมป์สโมสรโลก และมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จของ เชลซี ในทัวร์นาเมนต์นี้ ขณะที่ เลียม ดีแล็ป กองหน้าก็โชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจในสหรัฐอเมริกา"
"เจมี่ กิทเทนส์ นักเตะใหม่อีกคนจาก ดอร์ทมุนด์ ยังไม่ได้ประเดิมกับทีม ขณะที่ เอสเตเวา วิลเลี่ยน ดาวรุ่งจาก พัลเมรัส ก็จะย้ายเข้ามาร่วมทีมช่วงปรีซีซั่นในเดือนสิงหาคม"