คำถามที่ยังไร้คำตอบ

แรชฟอร์ด อยู่บนเครื่องบินส่วนตัว มุ่งหน้าไปยัง บาร์เซโลน่า โดยที่กำลังเล่นไพ่กับ เดน และ ดเวน พี่ชายของเขา
ขณะที่เขากำลังสับไพ่ ปรากฎว่าไพ่ใบหนึ่งพลิกกลับมา มันเป็นไพ่เอซโพแดง
สันนิษฐานว่านี่เป็นการจงใจ ไพ่ใบนี้มีความหมายเชิงบวกและเป็นสัญลักษณ์ มีอิทธิพลมากกว่าไพ่สามข้าวหลามตัด หรือหกดอกจิก
แต่มันยังสะท้อนถึงความรู้สึกรักใคร่จริงใจที่มีต่อดาวเตะวัย 27 ปีอีกด้วย
แม้แต่คนที่อยู่ในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ซึ่งรู้มานานแล้วว่าไม่มีโอกาสที่จะได้กลับมา ไม่มีโอกาสที่ รูเบน อาโมริม จะได้โอบไหล่เขาขณะที่เขาถูกพากลับเข้าสู่ทีม ก็ยังอวยพรให้ แรชฟอร์ด โชคดีและหวังว่าเขาจะประสบความสำเร็จที่คัมป์ นู
พวกเขารู้ว่ากองหน้ารายนี้ต้องการประกายไฟที่จะพาเขากลับไปสู่ระดับที่เขาสามารถทำได้ ซึ่งนั่นคงเป็นไปไม่ได้ที่สโมสรซึ่งเขาเชียร์มาตั้งแต่เด็กและเข้าร่วมทีมตั้งแต่อายุเพียง 7 ขวบ
มีประกายไฟแวบมาแวบหนึ่งในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาลที่เขาถูกยืมตัวไปเล่นกับ แอสตัน วิลล่า ในฤดูกาล 2024-25 แต่ความคงเส้นคงวายังคงขาดหายไป แรชฟอร์ด กำลังมองหาทางเลือกอื่นอยู่ แต่ตอนนั้นก็ไม่แน่นอนว่า อูไน เอเมรี่ ผู้จัดการทีม วิลล่า จะพยายามเซ็นสัญญาถาวรกับเขาหรือไม่ แม้ว่าทีมของกุนซือชาวสเปนจะผ่านเข้าไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกก็ตาม
บาร์เซโลน่า เป็นอีกระดับที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง พวกเขาคือสโมสรที่ แรชฟอร์ด ใฝ่ฝันเป็นอันดับต้นๆ มาตลอด 2 ฤดูกาล
หากเขาไม่มีแรงบันดาลใจที่จะเล่นร่วมกับ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ หรือถูกขับเคลื่อนด้วยความท้าทายในการลงเล่นร่วมกับ ลามีน ยามาล ซึ่งก้าวขึ้นมาเป็นสตาร์และมีเส้นทางที่สูงกว่า แรชฟอร์ด เมื่อสิบปีก่อน คำถามสำคัญที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับอาชีพการงานของเขาโดยรวมก็จะถูกถาม
การย้ายทีมของ แรชฟอร์ด ถือเป็น "ธุรกิจที่ดีสำหรับ บาร์ซ่า"
บางคนถามว่าทำไม บาร์ซ่า ถึงอยากได้ แรชฟอร์ด เป็นอันดับแรก
เอาล่ะ แม้จะดูเรียบง่าย แต่พวกเขาก็ยอมลดข้อเสนอลงอย่างมาก
หลังจากพยายามเซ็นสัญญากับ นีโก้ วิลเลี่ยมส์ จาก แอธ. บิลเบา ในช่วงซัมเมอร์ แต่ก็ล้มเหลว พวกเขาจำเป็นต้องเสริมความแข็งแกร่งให้กับแนวรุก นอกจาก เลวานดอฟสกี้ วัย 36 ปี และ ยามาล ซึ่งอายุน้อยกว่าเขาครึ่งหนึ่งแล้ว ฮันซี่ ฟลิค ก็มีเพียง ราฟินญ่า และ เฟร์ราน ตอร์เรส ให้เลือกเท่านั้น
บาร์ซ่า รู้จากการพูดคุยกับครอบครัวของ แรชฟอร์ด ในอดีตว่านักเตะคนนี้กระตือรือร้นที่จะมาร่วมทีม ดังที่เขาเคยกล่าวไว้เมื่อต้นซัมเมอร์นี้ในการให้สัมภาษณ์กับ ฆาบี รูอีซ อินฟลูเอนเซอร์ชาวสเปน
"ทุกคนต้องการเล่นกับผู้เล่นที่ดีที่สุด หวังว่า... เราจะรอดูกัน" เขากล่าว
เรื่องยนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ เดโก้ ผู้อำนวยการกีฬาของ บาร์ซ่า ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าสโมสรชื่นชอบเขา และ หลุยส์ ดีอาซ มากเพียงใด
"เมื่อเราเข้าสู่ตลาดซื้อขาย ก็มีนักเตะหลายคนที่เรารู้จักและสามารถพัฒนาทีมได้" เขากล่าวกับสถานีวิทยุ RAC1 ของแคว้นกาตาลันในเดือนพฤษภาคม
"เราชอบ หลุยส์ เราชอบ แรชฟอร์ด และเราชอบนักเตะคนอื่นๆ" เขากล่าว
โครงสรางของข้อตกลงนี้เหมาะสมกับ บาร์เซโลน่า
แม้ว่าสถานะทางการเงินของสโมสรที่เคยย่ำแย่จะดีขึ้น แต่ก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบ ไม่น่าเป็นไปได้ที่ะพวกเขาจะลงทะเบียน แรชฟอร์ด ได้ในทันที ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถหยุดยั้งการซ้อมหรือลงเล่นในเกมแบบไม่เป็นทางการได้ก็ตาม
นั่นจะทำให้เขาสามารถเข้าร่วมทัวร์ 3 นัดที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ได้ในเดือนนี้ ซึ่งรวมถึงเกมกับ เอฟซี โซล ซึ่งน่าขันที่ เจสซี่ ลินการ์ด อดีตเพื่อนร่วมทีม และเพื่อนสนิทของ แรชฟอร์ด อยู่ที่นั่นด้วย
ในสถานการณ์เช่นนี้ การยืมตัวที่มีตัวเลือกซื้อขาดแบบไม่ผูกมัด ราคา 35 ล้านยูโร ถือเป็นธุรกิจที่ดีมาก
หาก แรชฟอร์ด ทำผลงานได้ดีและเข้าใกล้ระดับที่ทำให้เขาได้รับสัญญา 325,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ในปัจจุบัน เขาจะมีมูลค่ามากกว่าที่ บาร์ซ่า ต้องจ่ายให้กับนักเตะที่ตอนนั้นอายุเพียง 28 ปี
หากเขาไม่ประสบความสำเร็จ พวกเขาก็แค่ส่งเขากลับโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด โดยไม่ต้องจ่ายค่าปรับแบบที่ เชลซี จ่ายเพื่อเลี่ยงการเซ็นสัญญากับ เจดอน ซานโช่ ในช่วงซัมเมอร์นี้
สำหรับ ยูไนเต็ด ก็มีข้อดีเช่นกัน
ความหวังของสโมสรคือพวกเขาและ อาโมริม จะสามารถก้าวต่อไปและสร้างอนาคตของตัวเองได้โดยไม่ต้องตั้งคำถามซ้ำๆ เกี่ยวกับนักเตะที่ในความเป็นจริงแล้วมีฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมเพียงหนึ่งซีซั่นจาก 5 ฤดูกาลหลังสุด
แม้แต่ตำนานสโมสรอย่าง ริโอ เฟอร์ดินานด์ และ ไรอัน กิ๊กส์ ก็ยังกล่าวว่าถึงเวลาแล้วที่ แรชฟอร์ด ควรลองอะไรใหม่ๆ
เห็นได้ชัดว่า แรชฟอร์ด ยังคงมีเพื่อนมากมายที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ไม่ใช่แค่ ซานโช่, อเลฮานโดร การ์นาโช่, อันโตนี่ และ ไทเรลล์ มาลาเซีย ซึ่ง อาโมริม ก็บอกพวกเขาว่าพวกเขาต้องซ้อมในช่วงเวลาที่กลุ่มหลักไม่ได้อยู่ที่แคร์ริงตัน อดีตเพื่อนร่วมทีมของเขาหลายคนอยู่ในทีม ยูไนเต็ด ชัดปัจจุบันไลก์โพสต์ของเขาจากเครื่องบินส่วนตัว
แต่ยังมีเส้นทางที่ละเอียดอ่อนที่ต้องดำเนินการ
เมื่อถูกถามถึงการอำลาของ แรชฟอร์ด หลังจากเสมอกับ ลีดส์ 0-0 ที่สต็อคโฮล์ม เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม อาหมัด ดิยัลโล่ รับมือกับเรื่องนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม
"สิ่งเดียวที่ผมพูดได้คือขอให้เขาโชคดี แต่ผมมุ่งเน้นไปที่ ยูไนเต็ด และทีมของผมมากกว่า" กองหน้ารายนี้กล่าว
ยูไนเต็ด เดินทางไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อเตรียมลงเล่น 3 นัดในช่วงปรีซีซั่นในวันอังคาร อาโมริม จะยังไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อจนกว่าจะถึงวันศุกร์ สองวันหลังจากที่ บาร์เซโลน่า วางแผนเปิดตัว แรชฟอร์ด
มีโอกาสสูงที่ผู้จัดการทีมชาวโปรตุเกสจะถูกขอให้ชี้แจงเกี่ยวกับการย้ายทีมครั้งนี้ และสิ่งที่ แรชฟอร์ด พูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่หลังจากนั้นเขาน่าจะสามารถรับมือกับประเด็นสำคัญกว่า นั่นคือการพลิกฟื้น แมนฯ ยูไนเต็ด ให้กลับมาเป็นทีมที่แข็งแกร่งอีกครั้ง
แม้ว่าการแยกทางกันจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้มาระยะหนึ่งแล้ว แต่ก็มีความรู้สึกเศร้าใจที่สโมสรอันภาคภูมิใจในการปั้นผู้เล่นเยาวชน กลับพบว่าตัวเองต้องยอมปล่อยตัวดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลอันดับที่ 15 (138 ประตู) และผู้เล่นที่ลงเล่นมากที่สุดอันดับที่ 23 ออกไป
ด้วยอายุของเขา แรชฟอร์ด จะติดท็อป 10 ของทั้งสองอย่างได้แบบสบายๆ และสมควรได้รับสถานะตำนานของ ยูไนเต็ด
ตอนนี้มันคงเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว
"ความสัมพันธ์ที่ไม่อาจเยียวยา"
เห็นได้ชัดว่านักเตะไม่คิดว่าเขาได้รับการปฏิบัติอย่างดี และ อาโมริม ก็ไม่ได้เป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ความรู้สึกของคนที่สนิทกับเขาคือความสัมพันธ์ที่ ยูไนเต็ด ถูกตัดขาดและไม่สามารถฟื้นฟูความสัมพันธ์ได้
จากมุมมองของสโมสร การเดินทางไปเบลฟาสต์ในเดือนมกราคมปีที่แล้ว ซึ่ง แรชฟอร์ด ขยายเวลาออกไปเองโดยไม่ได้รับอนุญาต ไปเที่ยวสถานบันเเทิงยามค่ำคืน 2 คืนติดต่อกัน และมาซ้อมสาย ถูกมองว่าเป็นการขาดความมุ่งมั่นซึ่งผลงานในสนามหลังจากนั้นก็ไม่สามารถลบล้างได้
แม้ว่า แรชฟอร์ด จะทำประตูแรกได้ในเกมประเดิมคุมทีมของ อาโมริม ที่พบ อิปสวิช ในเดือนพฤศจิกายน แต่ภายในหนึ่งเดือน กุนซือชาวโปรตุเกสก็ให้เหตุผลว่าทัศนคติของนักเตะนั้นไม่ถูกต้อง
ในด้านการเงิน การที่ แรชฟอร์ด ไม่อยู่ในทีมนั้นเหมาะสมสำหรับ ยูไนเต็ด เนื่องจากเขามีค่าเหนื่อยที่สูงมาก และมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าจากสโมสรที่จะลดค่าจ้างโดยรวมซึ่งกำลังขาดทุน
แต่ความรู้สึกกังวลใจยังคงอยู่ สถานการณ์ยังมีมากกว่านี้ เป็นเหมือนหลักฐานที่มัดตัวที่อธิบายได้ว่าทำไมทุกอย่างถึงจบลงแบบนี้
แน่นอนว่า เฟอร์ดินานด์ คิดแบบนั้น ดังที่เขาพูดในช่อง You Tube ของตัวเอง
"ต้องมีอะไรเกิดขึ้นเบื้องหลังมากมายที่เราไม่รู้" ดาวเตะแชมป์พรีเมียร์ลีก 6 สมัยกล่าว
"และ มาร์คัส ก็ไม่ใช่คนที่อยากพูดคุยหรือให้สัมภาษณ์ ดังนั้นคุณต้องเคารพในสิ่งนั้น แต่ผมมั่นใจว่าสักวันหนึ่งมันจะต้องออกมา"
"เป็นเพราะฟอร์มตก? ขาดความมั่นใจ? การบริหารที่ผิดพลาด? สโมสรทำให้เขาต้องผิด? หรือเป็นเพราะตัวเขาเอง? มีอาการบาดเจ็บที่เราไม่รู้? เขาหมดแรงปรารถนาแล้ว? ฟอร์มการเล่นของเขาหายไปแล้วและเขาไม่สามารถฟื้นคืนฟอร์มกลับมาได้?
"ปัญหาอะไรบ้างที่ทำให้เด็กหนุ่มซึ่งทะลุมาจากอะคาเดมี่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มีชื่อเสียงในเรื่องนักเตะระดับตำนานที่ก้าวขึ้นมาจากที่นั่นบอกว่าอยากย้ายทีม? ยังมีคำถามอีกมากมายที่ยังไม่มีคำตอบ"
มันอาจต้องใช้เวลาสักหน่อยกว่าเราจะได้คำตอบ