ลงเล่นทีเดียวสะเทือนทั้งมุสลิม

วันพุธที่ 10 กันยายน 2568 คอลัมน์ ในกะลาครอบ โดย พาสต้า
183
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เมื่อ เจด สเปนซ์ ถูกส่งลงสนามมาในฐานะตัวสำรองให้กับทีมชาติอังกฤษในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ที่เซอร์เบีย เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา เขาไม่ได้เพียงแค่เก็บเกี่ยวผลตอบแทนจากการทำงานหนักและความอดทนตลอดหลายปีท่ามกลางอุปสรรคต่างๆ เท่านั้น แต่เขายังสร้างประวัติศาสตร์อีกด้วย

ฟูลแบ็กวัย 25 ปี ของ สเปอร์ส กลายเป็นชาวมุสลิมคนแรกที่ได้เล่นให้กับทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญที่ดึงดูดความสนใจจากทั้งประเทศและทั่วโลก

"ผมเซอร์ไพรส์มาก เพราะผมไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคนแรก ดังนั้นมันจึงเป็นพรอันประเสริฐ" เขากล่าวหลังเกมที่ อังกฤษ เอาชนะไป 5-0

"มันเป็นเรื่องดีที่ได้สร้างประวัติศาสตร์ และหวังว่าจะสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กๆ ทั่วโลกว่าพวกเขาก็สามารถประสบความสำเร็จได้เช่นกัน พวกเขาสามารถทำสิ่งที่ผมกำลังทำได้"

สำหรับ สเปนซ์ ผู้ซึ่งมักโพสต์คำบรรยายทางศาสนาบนโซเชียลมีเดียของพวกเขา ศรัทธาของเขามีบทบาทสำคัญในชีวิตและแนวทางการเล่นฟุตบอลของเขา

"ไม่ว่าคุณจะนับถือศาสนาอะไร ขอแค่เชื่อในพระเจ้าก็พอ" สเปนซ์ กล่าว

"พระเจ้าคือสิ่งยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับผม และพระองค์ไม่เคยทำให้คุณผิดหวัง วันแบบนี้พิเศษเพราะพระเจ้า นั่นแหละคือสำหรับผม"

"ผมรู้สึกตื้นตันใจเล็กน้อย เพราะการเดินทางครั้งนี้ไม่ง่ายเลย แต่ตอนนี้ผมได้เป็นนักเตะทีมชาติอังกฤษอย่างเป็นทางการแล้ว และผมก็ดีใจมาก"

แล้วความสำเร็จของ สเปนซ์ มีความหมายอย่งาไรต่อชุมชนมุสลิมในสหราชอาณาจักรล่ะ?

"นี่คือช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองสำหรับชาวมุสลิมอังกฤษ" เอบาดูร์ ราห์มาน ผู้ก่อตั้ง นูจุม สปอร์ต องค์กรที่ให้การสนับสนุนนักกีฬามุสลิมกว่า 400 คนผ่านคำแนะนำด้านศรัทธาและการให้คำปรึกษาอย่างมืออาชีพกล่าว

"เจด มีความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่บนบ่าของเขา ไม่เพียงแต่เขาจะได้เล่นให้กับทีมชาติอังกฤษเท่านั้น แต่เขายังเล่นให้กับชาวมุสลิมทั่วโลกด้วย เพราะตอนนี้เขาได้รับการยกย่องให้เป็นแบบอย่างในการทลายกำแพง"

ความศรัทธาที่ สเปนซ์ ได้การรับรู้ ทั้งในด้านออนไลน์และเมื่อเขาละหมาดในสนาม ทำให้เขาเป็นตัวอย่างที่นักกีฬามุสลิมรุ่นเยาว์สามารถเข้าใจได้

"มันเป็นเรื่องดีที่เขารู้สึกสบายใจที่จะแสดงออกและเฉลิมฉลองศรัทธาของเขาอย่างเปิดเผย" ยูนุส ลูนัต โค้ชระดับรากหญ้าและอดีตประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านความเท่าเทียมทางเชื้อชาติของสมาคมฟุตบอลอังกฤษกล่าว

"นักเตะเยาวชนมุสลิมทุกคนที่ผมได้สัมผัสผ่านการฝึกสอนในประเทศนี้ล้วนใฝ่ฝันที่จะได้เล่นให้กับทีมชาติอังกฤษ ไม่มีชาติอื่นใด ไม่ว่าจะเป็นชาติของพ่อแม่ หรือชาติไหนๆ ก็ตาม มีเพียงแค่อังกฤษเท่านั้น"

นูจุม สปอร์ต ประมาณการว่ามีนักเตะมุสลิมราว 250 คนในลีกอาชีพทั้งสี่ดิวิชั่นของอังกฤษ และนักเตะมุสลิมที่เกิดในอังกฤษคนอื่นๆ ก็เคยไต่เต้าขึ้นมาเล่นในลีกเยาวชนของอังกฤษในอดีต แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จจนถึงขั้นติดทีมชาติชุดใหญ่

หนึ่งในนักเตะที่เคยโดดเด่นที่สุดได้แก่ เซช เรห์มาน อดีตกองหลัง ฟูแล่ม, ควีนส์ปาร์ค และ แบร็ดฟอร์ด ซิตี้ และยังเคยเล่นให้ทีมชาติอังฏฤษจนถึงรุ่นยู-20 ก่อนจะเปลี่ยนไปเลือกเล่นให้ ปากีสถาน ขณะที่ ฮัมซ่า เชาดูรี่ กองกลาง เลสเตอร์ เคยเล่นให้ทีมชาติอังกฤษชุดยู-21 7 นัด ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกไปปเล่นให้ บังกลาเทศ เมื่อต้นปีนี้เอง

แต่เมื่อพิจารณาว่าชาวมุสลิมคิดเป็น 6% ของประชากรในสหราชอาณาจักรทั้งหมด สัดส่วนของนักฟุตบอลจึงค่อนข้างต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับกีฬาอื่นๆ เช่น คริกเก็ต

"เรายังไม่มีนักเตะมุสลิมที่ก้าวขึ้นมา" ลูนัต กล่าวเสริม

"ชาวมุสลิมไม่ได้รับโอกาสหรือแบบอย่างที่ดีพอสำหรับนักเตะรุ่นใหม่ที่จะสานต่อ"

"มีปัญหาบางอย่างที่แมวมองไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่เหมาะสมในประเทศที่จะมองหานักเตะเยาวชนมุสลิมที่มีพรสวรรค์ พวกเขาจึงไม่ได้รับคัดเลือก แมวมองบางคนก็ไปเพียงแค่สโมสรระดับภูมิภาคที่เดียวกับที่เคยผลิตแข้งเด็กๆ มาก่อน"

"การที่ชาวมุสลิมต้องรอถึงปี 2025 ถึงจะได้เล่นให้ทีมชาติอังกฤษไม่ใช่เรื่องดีนัก"

นาธาน เอลลิงตัน ชาวยอร์กเชียร์ เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามในช่วงบั้นปลายชีวิต ระหว่างที่เขาทำประตูได้มากกว่า 100 ลูก

"เมื่อคุณเป็นมุสลิม คุณต้องพยายามปรับตัวกับสิ่งใหม่ๆ" เอลลิงตัน อธิบาย

"คุณหยุดทำบางสิ่งบางอย่างแล้วค่อยๆ เปลี่ยนแปลง สิ่งที่เกิดขึ้นคือบางครั้งผู้คนในสโมสรฟุตบอลไม่ค่อยรู้เรื่องศาสนามากนัก และพวกเขาก็มองมันในแง่ลบ"

"แต่บางทีพวกเขาอาจเริ่มเรียนรู้และตระหนักว่า 'โอ้ มันไม่ได้ต่างอะไร เขาแค่ต้องการปรับตัวกับสิ่งนี้ อาหารนี้ และเวลาในการสวดมนต์"

การปรับตัวเหล่านั้นจำเป็นต้องอาศัยความศรัทธาจากทีมโค้ชและเพื่อนร่วมทีมและทรัพยากรที่พร้อมให้ความช่วยเหลือมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

สเปนซ์ ประสบความสำเร็จอย่างมากในช่วงเริ่มยุคใหม่ของ สเปอร์ส ภายใต้การคุมทัพของ โธมัส แฟร้งค์

"เราได้ใช้เวลากับ โธมัส แฟร้งค์, นักวิทยาศาสตร์การกีฬา, นักโภชนาการ และแพทย์ที่ เบรนท์ฟอร์ด (สโมสรเก่าของ แฟร้งค์) เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม และพิจารณาว่าสโมสรจะสนับสนุนผู้เล่นมุสลิมได้ดีที่สุดอย่างไร" ริซ เรห์มาน พี่ชายของ เซช ซึ่งทำงานเป็นผู้บริหารฝ่ายส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้เล่นให้กับสมาคมนักฟุตบอลอาชีพ กล่าว

"การที่นักเตะถือศีลอดในช่วงรอมฎอนและลงเล่นในเวลาเดียวกันนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่หากได้รับการสนับสนุนอย่างเหมาะสมก็สามารถทำได้"

"เรายังได้พูดคุยกับสโมสรต่างๆ เกี่ยวกับการสร้างพื้นที่ให้นักเตะได้ละหมาด การให้ครอบครัวมีส่วนร่วม และความเข้าใจในศรัทธาของพวกเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"

"ทั้งหมดนี้เกี่ยวกับการศึกษา"

โอกาสที่จะเปลี่ยนมุมมองเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ เอลลิงตัน เชื่อว่าการที่ สเปนซ์ ติดทีมชาติอังกฤษจะส่งผลดีในวงกว้าง

"บางครั้งผู้คนก็ปฏิบัติกับคุณราวกับว่าคุณไม่เป็นไปตามวิถีทาง 'ปกติ' ของการเป็นนักฟุตบอล คุณอาจถูกมองว่าเป็นคนนอก" เขากล่าว

"เป็นเรื่องดีที่รู้ว่าไม่สำคัญว่าคุณจะมาจากภูมิหลังอย่างไร หรือมาจากวัฒนธรรมใด พวกเขาเลือกเขาให้เล่นในระดับสูงที่สุดเพราะสิ่งที่เขาทำในสนาม"

"ชาวมุสลิมจำนวนมากจะภูมิใจในตัวเขา ผมเองก็ภูมิใจเช่นกัน"

การลงเล่นให้ทีมชาติอังกฤษครั้งแรกของ สเปนซ์ เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ความเกลียดชังอิสลาม, การเลือกปฏิบัติ และการประท้วงต่อต้านผู้ลี้ภัยและผู้อพยพกำลังเพิ่มสูงขึ้นในสหราชอาณาจักร

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา รายงานจาก เทล มามา ซึ่งติดตามความเกลียดชังอิสลามพบว่าความเกลียดชังต่อชาวมุสลิมพุ่งสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีเหตุการณ์เพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าเมื่อเทียบกับปี 2023

องค์กรดังกล่าวระบุว่า "วาทกรรมที่บิดเบือนภาพลักษณ์ชาวมุสลิมว่าเป็นผู้ก่อการร้ายหรือผู้เห็นอกเห็นใจผู้ก่อการร้าย" เกิดขึ้นหลังจากความมขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-กาซา และการแพร่กระจายข้อมูลเท็จหลังจากเหตุฆาตกรรมที่เซาท์พอร์ต รัฐบาลสหราชอาณาจักรเรียกผลการวิจัยนี้ว่า "น่ากังวลอย่างยิ่ง"

ผลการศึกษาในปี 2022 โดยมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮมยังพบด้วยว่า 26% ของคนในสหราชอาณาจักรมีความรู้สึกเชิงลบต่อชาวมุสลิม

"ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาถือเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากอย่างยิ่งสำหรับนักกีฬามุสลิมทั่วโลก" ราห์มาน กล่าว

"ดังนั้นเมื่อเราได้รับชัยชนะแบบนี้ สิ่งสำคัญคือเราทุกคนต้องฉลอง เพราะเราไม่รู้ว่าสิ่งดีๆ ต่อไปจะมาถึงอีกเมื่อใด"

"บางคนอาจบอกว่า 'ให้เอาศาสนาหรือการเมืองออกไปจากวงการฟุตบอล' แต่ทุกอย่างมันเชื่อมโยงกันหมด นักเตะควรได้รับการยกย่องในตัวตนของพวกเขาไม่ว่าจะเป็นศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ หรือศาสนาอื่นๆ"

มีชาวมุสลิมอาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักรราว 4 ล้านคน แต่การมีส่วนร่วมในฟุตบอลนั้นต่ำมากในอดีต และความคิดที่ว่าผู้เล่นมุสลิมจะได้ติดทีมชาติชุดใหญ่ดูเหมือนจะไม่สมจริงสำหรับหลายๆ คน

"การเติบโตในลอนดอนตะวันออกในช่วงต้นทศวรรษ 1990 ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ง่ายเลย" ราห์มาน อธิบาย

"ผมไม่เคยคิดเลยว่าในชีวิตผมจะมีนักฟุตบอลมุสลิมเชื้อสายอังกฤษเล่นให้ทีมชาติชุดใหญ่"

"มันเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่เยาวชนชายหญิงในวงการกีฬาจะต้องได้รับการส่งเสริมให้เป็นตัวของตัวเอง การสนับสนุนนักกีฬาอย่างที่พวกเขาเป็นนั้นไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ เลย และยังเป็นการเปิดประตูสู่อนาคตของคนอื่นๆ อีกด้วย"

"ไม่ใช่แค่ชาวมุสลิมเท่านั้น แต่ยังมีลูกหลายเชื้อชาติอื่นๆ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก เจด อีกด้วย"


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด