กำปั้น "ปาเกียว" ยังไม่สิ้นมนต์ขลัง

รูปเกมไฟต์นี้ ปาเกียว เสียเปรียบรูปร่างอยู่พอสมควรแต่ก็ยังอาศัยความเร็วทั้ง สปีดหมัด และ สเต็ปฟุตเวิร์ก ดักชกทำแต้ม ขณะที่ บาร์ริออส รอจังหวะสวนสวยๆได้หลายครั้ง เกมทำท่าจะเป็นปาเกียว เข้าป้ายคว้าแชมป์โลก แต่ใน 2 ยกสุดท้าย นักชกฟิลิปปินส์ ดูแผ่วลงไป แต่แฟนมวยส่วนใหญ่ ก็ยังมั่นใจว่ายกต้นๆตุนคะแนนไว้เยอะน่าจะคว้าชัยได้ แต่ผลคะแนนออกมา ปรากฏผลการชกจบลงด้วยผลเสมอด้วยเสียงข้างมา 114-114,113-115 , 114-114 ปาเกียวชวดโอกาสกลับมาครองแชมป์โลกในวัย 46 ปี
หลังการชก ปาเกียว เปิดใจว่า "ถึงผมจะรู้สึกเสียใจที่ผลการตัดสินไม่เป็นอย่างที่ผมต้องการ แต่อย่างน้อยผมก็ได้ทำเต็มที่ที่สุดแล้วเท่าที่นักมวยคนนึงที่หายจากสังเวียนไปนาน 4 ปีจะทำได้ เอาจริงๆ ผมมองว่าผมชนะไฟต์นี้นะ และตอนนี้แพ็คแมนคนเดิมก็ได้กลับมาแล้ว"
สำหรับข้อผิดพลาดที่ปาเกียวมองว่าทำให้เขาพลาดโอกาสในการเป็นแชมป์โลกก็คือในช่วงปลายเกมที่เขาผ่อนเกมลง แทนที่จะเร่งเครื่องให้สุดกำลังหรือพยายามปิดเกมบาร์ริออสไปเลย เพราะว่าในช่วงยกท้ายๆ คะแนนจากกรรมการทั้งสามคนล้วนไปทางบาร์ริออสเหมือนกันหมด
นอกจากนี้ ปาเกียวยังบอกว่าระยะเวลาในการเตรียมตัวของเขามันกระชั้นชิดเกินไป คือได้ซ้อมเพียงแค่ 2 เดือน ถ้าเป็นไปได้ ไฟต์ต่อไป เขาก็อยากจะเพิ่มเวลาซ้อมเก็บตัวเป็น 3 เดือน ไปเลย
"ช่วงยกท้ายๆผมผ่อนเกมลงไปเยอะมาก แต่ผมไม่ได้เหนื่อยหรือว่าหมดแรงนะ ถึงเขาจะสูงกว่าผม แต่เทคนิคของผมก็ทำให้มันไม่เป็นปัญหาซักเท่าไหร่ ผมพยายามฉากออกข้างและออกหมัดเล่นงานเขาไปเรื่อยๆ พยายามที่จะออกหมัดให้เป็นชุดๆตลอดเวลาเพื่อให้มันออกมามีประสิทธิภาพมากที่สุด"
"แฟนๆส่วนใหญ่คิดว่าผมสมควรเป็นผู้ชนะนะ ต้องขอขอบคุณพระเจ้าเลยที่ทำให้ผมยังแข็งแกร่งและสุขภาพดีอยู่"
แต่ถึงอย่างไร ไฟต์นี้ ปาเกียว กวาดรายได้จากการชกไปอย่างมหาศาลถึง 12 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 389 ล้านบาท) ยังไม่รวมกับค่าเปย์เปอร์วิว ที่คาดว่าจะทำให้เจัาตัวรับที่ 17 ล้าน ดอลลาร์ (ประมาณ 550 ล้านบาท) เลยทีเดียว
ขณะที่ มาริโอ บาร์ริออส เจ้าของตำแหน่งแชมป์ที่ชื่อเสียงยังเป็นรองได้รับเงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 32 ล้านบาท) บวกกับค่าส่วนแบ่ง เปย์เปอร์วิว ที่จะทำให้ กำปั้นวัย 30 ปี จะได้รับไม่เกิน 2.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 81 ล้านบาท) ถือเป็นค่าตัวที่มากที่สุดที่เคยได้รับ
และหานับรวมรายได้ทั้งหมดของ ปาเกียว จากการชกมวย ได้สร้างสถิติทำเงินตลอดอาชีพนักมวยรวมได้มากถึง 575 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 18,624 ล้านบาท) ถือเป็นรายได้ที่สูงเป็นอันดับ 3 ในประวัติศาสตร์วงการมวยโลก
เป็นรองเพียงแค่ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ อันดับ 1 ที๋โกยไปได้มากถึง 1.1 พ้นล้านดอลลาร์ (ประมาณ 35,630 ล้านบาท) และอันดับ 2 ไมค์ ไทสัน ที่ทำไปได้ 685 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 22,187 ล้านบาท) เท่านั้น