ค่ำคืนวันที่ 9 สิงหาคม ในศึก RWS ซูเปอร์ไฟต์ แฟนมวยไทยได้เห็นการชกที่สะท้อนจิตวิญญาณแท้จริงของ ศิลปะการต่อสู้มวยไทย เมื่อ ตะเภาแก้ว สิงห์มาวิน และ หนึ่งล้านเล็ก จิตรเมืองนนท์ สองยอดมวยระดับพระกาฬ เดินเข้าสู่สังเวียนด้วยความตั้งใจเดียวกัน สู้เพื่อศักดิ์ศรี ไม่ใช่แค่ชัยชนะ
แม้ผ่านมา 4 ยก ตะเภาแก้วจะนำคะแนนขาดลอย แต่สิ่งที่ทำให้การชกครั้งนี้ถูกจดจำคือ "ยกที่ 5" ที่ทั้งคู่เลือก ไม่ถอย ไม่ยื้อ ไม่เต้นฆ่าเวลา แต่กลับเดินเข้าหากัน แลกหมัด แลกศอกอย่างดุเดือด จนเสียงเชียร์จากผู้ชมดังก้องทั่วสนาม
ยกที่ 5 ที่ไม่มี "คุมรูปมวย" มวยไทยแบบที่แฟนๆ โหยหา
ในวงการมวยไทยหลายๆปีที่ผ่านมา มักเห็นนักมวยเลือก "ชกคุมเกม” เพื่อปลอดภัย ตามราคาต่อรองของเซียนมวยที่มักจะห้ามนักมวยเสี่ยงชกในยกสุดท้ายเมื่อนำคะแนน โดยใช้ท่าถอยหรือเต้นรอเวลา แต่ไฟต์นี้ทั้งตะเภาแก้วและหนึ่งล้านเล็ก ท้าทายค่านิยมเดิมๆ ด้วยการยืนหยัดสู้แบบเต็มเหนี่ยวจนวินาทีสุดท้าย
ไม่มีการถอยหนี – ทั้งคู่ยังคงเดินเข้าหากัน เปิดเกมรุกแม้ร่างกายเริ่มล้า
ไม่มีการยื้อเวลา – ทุกนัดหมัด ศอก เข่า ที่ออกมาคือการโจมตีจริง ไม่ใช่เพียงลูกรำ
ไม่มีการ "เต้นฆ่าเวลา" – สิ่งที่เห็นคือมวยไทยแท้ ที่สู้ด้วยใจ ไม่ใช่แค่กลยุทธ์
ชนะคะแนน แต่ยิ่งกว่านั้นคือ "ชนะใจ"
ผลการชกอาจจบด้วยการเป็นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้คะแนนเหนือกว่า แต่สิ่งที่ผู้ชมได้รับคือ ความภูมิใจในกีฬามวยไทย ที่ยังคงรักษา จิตวิญญาณนักสู้ ไว้ได้
เคารพแฟนมวย – ทั้งคู่เลือกสู้อย่างเต็มที่ เพราะเข้าใจว่าแฟนมวยจ่ายเงินมาเพื่อดู "การต่อสู้" ไม่ใช่การยื้อเวลา
เคารพอาชีพนักมวย – การออกอาวุธจนวินาทีสุดท้ายคือการให้เกียรติวงการ และแสดงถึงความแข็งแกร่งทั้งกายและใจ
สร้างแรงบันดาลใจ – ไฟต์นี้พิสูจน์ว่า มวยไทยยังคงร้อนแรง และสามารถดึงความตื่นเต้นได้แม้ในยกสุดท้าย
บทเรียนที่ยิ่งใหญ่กว่าแชมป์
ตะเภาแก้วและหนึ่งล้านเล็กอาจไม่ได้ชกเพื่อเข็มขัดในคืนนี้ แต่พวกเขาได้มอบ มรดกทางจิตใจ ให้กับวงการมวยไทย นั่นคือ "การเป็นนักสู้ที่แท้จริงไม่ใช่แค่การชนะ แต่คือการให้ทุกวินาทีในสังเวียนมีความหมาย"
สำหรับแฟนมวย คืนนี้ไม่ใช่แค่การชก แต่คือ การยืนยันว่าเสน่ห์ของมวยไทยยังคงอยู่ – ในความกล้าหาญ ในความจริงใจ และในหัวใจของนักสู้ที่ไม่อ้อมแพ้!
เพราะในสังเวียน... ศักดิ์ศรีสำคัญกว่าคะแนน!
