วิกฤตซีเกมส์ 2025: เมื่อการเมืองพ่นพิษ ทำลายเกียรติยศเจ้าภาพไทย
บทนำ: ฝันค้างที่กรุงเทพฯ-ชลบุรี-สงขลา
ประเทศไทยเคยวาดฝันว่าการเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ 2025 ครั้งที่ 33 จะเป็นการประกาศศักดาในฐานะผู้นำด้านกีฬาของอาเซียนอีกครั้ง แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป ความเป็นจริงกลับกลายเป็นภาพสะท้อนของความโกลาหล ความล้มเหลวในเชิงบริหารจัดการไม่ได้เกิดขึ้นจากปัญหาเรื่องงบประมาณเพียงอย่างเดียว หรือภัยธรรมชาติน้ำท่วมที่สงขลา หากแต่มี "สารตั้งต้น" มาจากการแทรกแซงทางการเมืองและการทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพของหน่วยงานหลักอย่าง การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.)
1. การเมืองแทรกแซง: เก้าอี้ดนตรีที่แลกด้วยอนาคตกีฬา
สาเหตุหลักที่ทำให้การเตรียมงานหยุดชะงักคือการที่ "กีฬา" ถูกใช้เป็นเครื่องมือต่อรองทางการเมือง การเปลี่ยนขั้วอำนาจในกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาบ่อยครั้ง นำมาซึ่งการรื้อโครงการและเปลี่ยนตัวบุคคลในคณะกรรมการจัดงาน (Organizing Committee)
การตัดสินใจในเรื่องสำคัญ เช่น การเลือกชนิดกีฬาหรือการก่อสร้างสนามแข่ง ไม่ได้อ้างอิงจากหลักสากลหรือความพร้อมของนักกีฬา แต่กลับขึ้นอยู่กับ "นโยบายประชานิยม" และการจัดสรรผลประโยชน์ลงสู่พื้นที่ฐานเสียงของนักการเมืองบางกลุ่ม ทำให้งบประมาณถูกกระจายออกไปจนขาดเอกภาพ ส่งผลให้การเตรียมการล้าช้ากว่าแผนงานเดิมกว่าหนึ่งปีเต็ม
2. กกท. กับการบริหารที่หลงทิศทาง
ในฐานะ "แม่บ้าน" ของวงการกีฬาไทย การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเรื่องความเป็นมืออาชีพ ปัญหาที่ปรากฏชัดเจนคือ:
การประสานงานที่ล้มเหลว: มีความซ้ำซ้อนในการสั่งงานระหว่าง กกท. และสมาคมกีฬาต่างๆ จนเกิดความสับสนเรื่องงบประมาณเก็บตัวนักกีฬา
วิสัยทัศน์ที่ล้าหลัง: การมุ่งเน้นแต่เรื่องการสร้างสิ่งปลูกสร้างใหม่ (Mega Project) โดยละเลยการซ่อมบำรุงสนามกีฬาเดิมที่มีอยู่ ทำให้งบประมาณบานปลายและเสี่ยงต่อการเสร็จไม่ทันกำหนด
ความโปร่งใส: กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างในหลายภาคส่วนถูกตั้งคำถามถึงความโปร่งใส ทำให้ภาคเอกชนที่เคยเป็นสปอนเซอร์หลักเริ่มถอยห่าง เพราะไม่อยากเอาชื่อเสียงมาเสี่ยงกับภาพลักษณ์ที่ขุ่นมัว
3. ผลกระทบโดมิโน: จากงบประมาณสู่มาตรฐานสากล
เมื่อการเมืองไม่นิ่ง การอนุมัติงบประมาณจากส่วนกลางก็ติดขัด ส่งผลกระทบถึง "มนุษย์" หรือตัวนักกีฬาโดยตรง การเก็บตัวในต่างประเทศถูกยกเลิก อุปกรณ์ฝึกซ้อมที่ทันสมัยไม่ถูกจัดซื้อ สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เพียงแค่ลดโอกาสในการคว้าเหรียญทอง แต่ยังบั่นทอนขวัญและกำลังใจของนักกีฬาไทยที่ต้องแบกความหวังของคนทั้งชาติภายใต้การบริหารที่ไร้ทิศทาง
นอกจากนี้ การสื่อสารกับชาติสมาชิกอาเซียนก็เต็มไปด้วยปัญหา ความไม่ชัดเจนเรื่องสถานที่จัดการแข่งขันและระเบียบการต่างๆ ทำให้ไทยถูกมองว่าขาดความพร้อมและลดทอนความเชื่อมั่นในสายตานานาชาติ
4. ความผิดพลาด ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ประเทศไทย มีประสบการณ์ในการจัดงานอีเวนส์ใหญ่ๆ ระดับโลก มาแล้วมากมายหลายครั้ง แต่ ซีเกมส์ ครั้งนี้ กลับเกิดความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆ หลายครั้ง ทั้งเรื่องข้อมูล , ตัวเลข หรือแม้แต่ ธงชาติ ที่ ผิดหลายครั้งหลายหนจนไม่น่าเชื่อว่านี้คืองานระดับประเทศที่คนทั้งอาเซียน และอาจรวมถึงคนทั้งโลกมองอยู่ ถือเป็นความ "อับอาย" อย่างแท้จริง
บทสรุป: บทเรียนราคาแพงของวงการกีฬาไทย
ความล้มเหลวของซีเกมส์ 2025 ไม่ใช่เรื่องของโชคชะตา แต่มันคือ "ความผิดพลาดเชิงโครงสร้าง" ตราบใดที่การกีฬายังถูกใช้เป็นสนามเด็กเล่นของนักการเมือง และหน่วยงานหลักอย่าง กกท. ยังไม่สามารถสลัดภาพลักษณ์ของการทำงานเช้าชามเย็นชามได้ ความฝันที่จะเห็นไทยเป็นศูนย์กลางกีฬาของภูมิภาคก็คงเป็นได้เพียงแค่ภาพวาดบนกระดาษ
ถึงเวลาแล้วที่ต้องมีการปฏิรูปโครงสร้างการบริหารกีฬาอย่างจริงจัง ก่อนที่ชื่อเสียงที่สะสมมานานจะพังทลายลงไปมากกว่านี้

