:::     :::

รอวันฟื้น

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
อาร์เซน่อล เสียประตูแรก และแพ้นัดแรกในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปีนี้ในแมตช์เยือนรังจูเซ็ปเป้ เมอัซซ่า ของ อินเตอร์ มิลาน

ประตูจุดโทษของ ฮาคาน ชาลาโนลู ชี้ขาดชัยชนะหนึ่งในบิ๊กแมตช์แชมเปี้ยนส์ ลีก รูปแบบใหม่ในฤดูกาลนี้ 

แต่ภาพรวมตลอดทั้งเกม อาร์เซน่อล น่าจะมีอะไรติดมือกลับอังกฤษ เพราะทำได้ดีกว่านัดพ่าย นิวคาสเซิ่ล อย่างมาก

มิเกล อาร์เตต้า กล่าวหลังเกมว่า "ผมภูมิใจในตัวลูกทีมอย่างมาก เราเป็นฝ่ายเปิดเกมรุกและครองเกมเอาไว้ได้หมด เราน่าจะยิงได้อย่างน้อย 2 ประตูจากจำนวนโอกาสและการครองบอลที่เราสร้างขึ้น"

"แน่นอนว่าสิ่งที่แย่สุดคือผลการแข่งขัน เพราะฟอร์มการเล่น ทัศนคติ การคอนโทรลเกมที่เราแสดงออกมาในการเจอกับหนึ่งในทีมดีสุดของยุโรปใสนามแห่งนี้ ผมไม่เคยเห็นเลยในเกมอื่น"

นัดนี้ อาร์เตต้า ต้องปรับทัพอีกครั้งจากข่าวดีและข่าวร้ายที่มาพร้อมกัน

ข่าวดีคือได้ เบน ไวท์ ฟิตกลับมาประจำแบ็กขวาตัวจริงอีกครั้ง หลังเป็นแค่สำรองในเกมพ่ายสาลิกา รวมถึงได้ มาร์ติน โอเดการ์ด กัปตันทีมฟิตกลับมามีชื่อเป็นสำรองครั้งแรกนับตั้งแต่เจ็บข้อเท้าอย่างหนักจนพลาดลงสนาม 12 นัดติดต่อกัน 

แต่ทว่าไม่มี เดแคลน ไรซ์ กองกลางตัวสำคัญที่บาดเจ็บนิ้วเท้าจากลีกจนพลาดเดินทางมากับทีม โธมัส ปาร์เตย์ ที่กลับมาประจำตรงกลางอีกครั้งจึงได้จับคู่กับ มิเกล เมริโน่

อาร์เซน่อล ยังไม่ฟูลทีมเพราะตัวหลักอีกรายอย่าง ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ พลาดการกลับมาเล่นในอิตาลีอีกครั้งด้วยอาการบาดเจ็บ

ขณะที่ อินเตอร์ มิลาน ของกุนซือ ซิโมเน่ อินซากี้ ไม่ได้จัดทีมแบบเต็มอัตราศึกเพราะมีเกมใหญ่ในลีกที่ต้องวัดกับจ่าฝูง นาโปลี รออยู่ 


จังหวะแฮนด์บอลนำไปสู่จุดโทษตัดสินเกม

มาร์กกุส ตูราม, เฟเดริโก้ ดิมาร์โก้, อเลสซานโดร บาสโตนี่, นิโกโล่ บาเรลล่า รวมถึงอดีตแข้งปืนใหญ่อย่าง เฮนริคห์ มคิตาร์ยาน ต่างเป็นสำรองทั้งหมด 

ไม่ใช่ชุดที่ดีสุดของทั้งสองทีม แต่การเล่นในสนามยังเต็มที่ และเป็นเกมคุณภาพอีกเกม

อินเตอร์ เปิดฉากลุยใส่ตามสไตล์ที่เน้นเกมรุก พวกเขาส่งสัญญาณเตือนทั้งลูกยิงในเขตโทษชนคานของ เดนเซลฟ ดุมฟรีส์ และลูกยิงไกลเฉียดเสาของ ฮาคาน ชาลาโนลู 

หลังผ่าน 15 นาทีแรก อาร์เซน่อล จึงเริ่มตั้งเกมของตัวเองและยกระดับการเล่นขึ้นมาได้ โอกาสจะแจ้งสุดเป็น บูคาโย่ ซาก้า เลี้ยงจี้เข้าเขตโทษแล้วซัดด้วยซ้ายลูกถนัด แต่ไม่แรงพอที่จะผ่านมือ ยาน ซอมเมอร์ 

เปอร์เซ็นต์การครองบอล และผ่านบอลในครึ่งแรกค่อนข้างสูสีใกล้เคียง อาร์เซน่อล แต่เป็น อินเตอร์ ที่ได้ประตูนำจากจุดโทษที่ เมห์ดี ทาเรมี่ ตวัดบอลไปโดนมือ มิเกล เมริโน่ ก่อนเป็น ชาลาโนลู สังหารไม่พลาด

อาร์เซน่อล น่าจะได้จุดโทษก่อนก่อนด้วยซ้ำกับการโยนบอลเข้าเขตโทษที่ เมริโน่ สอดไปโขกก่อนโดน ซอมเมอร์ ออกมาชกโดนเข้าศีรษะแข้งปืนโตอย่างจัง ทว่าผู้ตัดสินไม่ว่าอะไร

อาร์เตต้า ยอมรับว่าผิดหวังที่ต้องแพ้นัดนี้ และแอบเคืองกับสองจังหวะสำคัญในเขตโทษที่การทำหน้าที่ของผู้ตัดสินมีผลอย่างมาก 

"เรามีสถานการณ์หลายอย่างที่เราสามารถแก้ปัญหาหน้าประตูได้ดีกว่านี้มาก มันจึงน่าหงุดหงิดจริงกับสองการตัดสินที่ท้ายที่สุดมีผลต่อเกมและผลการแข่งขัน" อาร์เตต้า กล่าว


เน้นโจมตีลูกกลางอากาศ

เมริโน่ มีอาการมึนเล็กน้อย และเป็นสาเหตุที่ อาร์เตต้า ต้องถอดออกช่วงพักครึ่ง และให้ กาเบรียล เชซุส ลงเล่นแทน

อาร์เตต้า ปรับมาเล่น 4-3-3 ในครึ่งหลังที่ดร็อปคู่หอก ไค ฮาแวร์ตซ์ และ เลอันโดร ทรอสซาร์ ลงต่ำไปยืนเหมือนกลางรุกที่ขนาบข้าง โธมัส ปาร์เตย์ ขณะที่สามตัวบนเป็น กาเบรียล มาร์ติเนลลี่, กาเบรียล เชซุส และ บูคาโย่ ซาก้า

เกมในครึ่งหลังของ อาร์เซน่อล ทำได้ดีขึ้นอย่างมาก เป็นฝ่ายคอนโทรลเกมรุกโดยตลอด

เปอร์เซ็นต์ครองบอลเพิ่มจาก 53 เป็น 72

โอกาสยิงเพิ่มจาก 7 เป็น 13 

การผ่านบอลเพิ่มจาก 206 เป็น 301 

ปืนใหญ่โจมตีด้วยการเน้นโยนบอลเข้าเขตโทษเป็นหลัก เพราะประเมินว่าแนวรับ อินเตอร์ มิลาน มีปัญหากับลูกกลางอากาศซึ่งย้อนไปในบิ๊กแมตช์ที่เสมอ ยูเวนตุส 4-4 ก็โดนบอลโยนเข้าเขตโทษเล่นงานจนเสียไป 2 ประตู

อย่างไรก็ตาม หน้าเป้าที่เปลี่ยนมาเป็น เชซุส เสียเปรียบแนวรับงูใหญ่ที่ตัวสูงใหญ่กว่ามาก และฟอร์มตอนนี้ของหัวหอกบราซิเลียนก็ห่างไกลกับช่วงดีสุดของตัวเอง

หลายต่อหลายครั้ง อาร์เซน่อล จึงโยนบอลแบบเสียเปล่า ไม่สามารถจบสกอร์เน้นๆ ได้ และต้องให้เครดิตเกมรับ อินเตอร์ ที่เมื่่อได้ลงล็อกใส่กลอนแล้วก็ยากที่จะให้ใครเจาะได้

อาร์เซน่อล มีปัญหากับเกมรุกประสิทธิภาพและความเฉียบคมขาดหายไปพอสมควร และการลงสนามของกัปตัน โอเดการ์ด ในช่วงทดเจ็บก็ทำอะไรไม่ได้มากเพราะเวลาแทบไม่เหลือ และเจ้าตัวคงยังไม่ฟิตเต็มที่มากนัก

ปืนใหญ่แพ้เป็นนัดที่ 2 ติตต่อกัน แต่การเล่นในเกมกับ อินเตอร์ มีทิศทางที่ดีกว่าเกมกับ นิวคาสเซิ่ล ชัดเจน หลายต่อหลายช่วงทำให้ อินเตอร์ ต้องปรับโหมดเป็นเกมรับเพื่อรักษาสกอร์เอาไว้

ผ่าน 4 นัดแรก อาร์เซน่อล มี 7 คะแนน ไม่ได้แย่มากนักเพราะเป็น 4 นัดที่โปรแกรมยากเจอทีมจากโถ 1 และโถ 2 ทั้งหมด โปรแกรมที่เหลืออีก 4 นัดจะเป็นการเจอกับทีมจากโถ 3 และ 4 

ประกอบด้วย 

▪️สปอร์ติ้ง ลิสบอน (เยือน)

▪️โมนาโก (เหย้า)

▪️ดินาโม ซาเกร็บ (เหย้า)

▪️จีโรน่า (เยือน)

ที่ต้องระมัดมากกว่าที่คาดคงเป็น สปอร์ติ้ง ลิสบอน ซึ่งเพิ่งโชว์ฟอร์มไล่ยิง แมนฯ ซิตี้ ไส้แตก 4-1 ทว่าในวันที่จะเจอ อาร์เซน่อล กุนซือไม่ใช่ รูเบน อโมริม แล้ว ส่วนจะเป็นใครมาทำหน้าที่แทนคงต้องรอดูกันต่อไป

เส้นทางในยุโรปของ อาร์เซน่อล ตอนนี้ยังมีโอกาสที่ดีในการผ่านเข้ารอบทั้งการติด 8 อันดับแรกที่ได้ตั๋วอัตโนมัติ หรือการติดอยู่ในอันดับ 9 ถึง 24 ที่ได้เพลย์ออฟ 


กัปตันกลับมาแล้ว

สิ่งสำคัญคือ ตัวหลักหลายคนใกล้ทยอยกลับมาครบแล้ว การได้เห็น โอเดการ์ด ลงสนามในรอบมากกว่าสองเดือนคือเรื่องที่ดีสุดสำหรับเกมนี้ และต่อจากนี้ก็รอเพียงแค่ให้ร่างกายฟิตสมบูรณ์เต็มที่ 

ส่วน ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ จะมีช่วงเบรกทีมชาติ 2 สัปดาห์ให้ได้ฟื้นตัวต่อเนื่อง และน่าจะพร้อมอีกครั้งเมื่อกลับมาลงสนามอีกครั้งในช่วงปลายเดือน

ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมากับอาการบาดเจ็บของ โอเดการ์ด รวมถึงอีกหลายคนที่สลับสับเปลี่ยนกันเข้าโรงพยาบาล กระทบต่อผลงานของ อาร์เซน่อล อย่างมาก

แต่ตอนนี้น่าจะเป็นช่วงเวลาที่ อาร์เซน่อล ได้ฟื้นตัวทั้งเรื่องของสภาพทีมและผลการแข่งขัน 

ไม่ช้าเกินไปที่จะตั้งลำและเดินหน้าเต็มตัวอีกครั้ง



คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด