น่าเสียดาย
อาร์เซน่อล มีโอกาสทองในวินาทีสุดท้ายที่จะทำประตูชัยเก็บ 3 แต้มกลับออกจากสแตมฟอร์ด บริดจ์ ทว่า เลอันโดร ทรอสซาร์ เข้าชาร์จเบาไปนิด บอลจึงผ่านเสาไกลออกหลังน่าเสียดาย
นี่คือโอกาสที่น่าจะเป็นประตูจริงๆ แค่นิดเดียวเท่านั้นที่จะเปลี่ยนผลการแข่งขันจากเสมอเป็นชัยชนะได้
เป็นความน่าเสียดายสำหรับทีมปืนใหญ่ที่ต้องการกลับมาชนะในลีกอีกครั้ง หลังสะดุดมาหลายนัดหลังท่ามกลางปัญหาผู้เล่นที่สลับกันบาดเจ็บและติดโทษแบน
ในการไปเยือนเดอะ บริดจ์ นัดนี้ มิเกล อาร์เตต้า ได้ชุดที่เกือบดีสุดกลับมาลงสนามอีกครั้งโดยเฉพาะแผงกองกลางชุดเก่งที่ประกอบด้วย เดแคลน ไรซ์, โธมัส ปาร์เตย์ และ มาร์ติน โอเดการ์ด
ไรซ์ เจ็บนิ้วเท้าจากเกมกับ นิวคาสเซิ่ล สัปดาห์ก่อนจนพลาดเกมเยือน อินเตอร์ มิลาน ในถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่เขาผ่านความฟิตกัดฟันลงช่วยทีมได้
ส่วน โอเดการ์ด ที่เจ็บข้อเท้าอย่างหนักจากทีมชาติตั้งแต่เดือนกันยายน ก็คืนสนามรอบในรอบสองเดือนด้วยการเป็นสำรองในเกมยุโรป ก่อนได้ออกสตาร์ตตัวจริงในการดวลทัพสิงห์บลูส์
นั่นเท่ากับว่าตัวหลักขาดเพียงแค่ ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ ที่ยังไม่หายเจ็บ แต่การมี ยูร์เรียน ทิมเบอร์ ทำหน้าที่แบ็กซ้ายก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ทั้งสองคนมีคุณภาพเหมือนกัน ต่างแค่สไตล์การเล่น
ส่วน เชลซี ได้ความหวังอันดับหนึ่งอย่าง โคล พาลเมอร์ ฟิตทันลงสนาม หลังเจ็บจากเกมบิ๊กแมตช์เสมอ แมนฯ ยูไนเต็ด ก่อนหน้านี้
เทียบขุมกำลังและฟอร์มการเล่นในฤดูกาลนี้ การเจอกันของสองทีมดังร่วมกรุงลอนดอนเป็นเกมที่สูสีมาก เชลซี ยกระดับขึ้นมาได้ชัดเจนภายใต้การนำของกุนซือใหม่ เอ็นโซ่ มาเรสก้า ไม่ได้เหมือนทีมในฤดูกาลก่อนที่เป็นรอง อาร์เซน่อล อยู่พอสมควร และปืนใหญ่ก็ยิงชนะขาด 5-0 ในการเจอกันล่าสุดที่เอมิเรตส์ สเตเดี้้ยม
โอเดการ์ด กลับมาช่วยอาร์เซน่อลได้อย่างมาก
มาเรสก้า มีทีมชุดตัวจริงที่ค่อนข้างลงตัว และเลือกนักเตะจากผลงานเป็นหลัก ไม่ได้อิงชื่อเสียงโปรไฟล์ใดๆ เรานึกภาพการจัดตัวได้ไม่ยาก มีพลิกโผไม่เกิน 1-2 ตำแหน่ง ต่างจากฤดูกาลก่อนที่เปลี่ยนทีมไปมาเป็นว่าเล่นจนหาชุดที่ดีสุดไม่ได้
เชลซี จึงต่อกรกับ อาร์เซน่อล ได้ไม่เป็นรอง มีจังหวะเข้าทำชัดเจนในวิธีการของตัวเองซึ่งไม่จำเป็นต้องครองบอลมากเท่ากับทีมปืนใหญ่
ทีมของ มาเรสก้า เริ่มเกมได้ดุดัน พาลเมอร์ ได้ลองส่องไกลทำให้ ดาบิด ราย่า ต้องออกแรงตั้งแต่ต้นเกม ขณะที่การหาจังหวะเปิดบอลจากฝั่งซ้ายของ เปโดร เนโต้ ก็สร้างจังหวะงามๆ ได้สองครั้ง ทว่า โนนี่ มาดูเอเก้ และ มาโล กุสโต้ โหม่งไม่เข้ากรอบ
นั่นคือช่วง 25 นาทีแรกที่ เชลซี หาจังหวะจบได้ชัดเจนกว่า ก่อนที่ อาร์เซน่อล จะเริ่มตั้งลำของตัวเองได้ และหาโอกาสลุ้นจากการเล่นที่ช่ำช่องสุดอย่างลูกเซตพีซที่เล่นเร็ว เดแคลน ไรซ์ จ่ายยัดให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ พลิกเข้าไปจิ้มบอลสวนตัว โรเบิร์ต ซานเชซ ตุงตาข่าย
เกมรับ เชลซี เผลอใจไปนิดเดียวจนไม่ทันได้ประกบ ฮาแวร์ตซ์ ทว่าโชคดีที่ วีเออาร์ จับล้ำหน้า แข้งทีมชาติเยอรมนีจึงเฮเก้อ อุตส่าห์งัดกฏยิงประตูทีมเก่าได้แท้ๆ แต่โดนริบคืน
ครึ่งหลัง อาร์เตต้า กำชับ เบน ไวท์ มาดีจึงปิดการเปิดบอลของ เนโต้ ได้ แต่ เชลซี ก็ยังมีฝั่งขวาจาก มาดูเอโก้ ที่เกือบทำแอสซิสต์เช่นกันในจังหวะเปิดบอลเข้าเขตโทษไปให้ เวสเล่ย์ โฟฟาน่า ชิงจังหวะหนี วิลเลียม ซาลีบา ก่อนแหย่เท้าจิ้มบอลจ่อๆ ข้ามคานไปน่าเสียดาย
บอลเปิดเข้าเขตโทษกลายเป็นวิธีการเข้าทางที่ทั้งสองทีมมีลุ้น ก่อนเป็น อาร์เซน่อล ที่ทำสำเร็จก่อนจาก มาร์ติน โอเดการ์ด หยอดบอลไปให้ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ หลุดไปแต่งยิงมุมแคบฝั่งซ้ายเล่นงาน ซานเชซ เสาแรก
แนวรับ เชลซี พลาดในแบบเดิมอีกครั้งไม่ทันระวังจังหวะสอดเข้าไปเล่นบอลในเขตของ อาร์เซน่อล ไม่ต่างจากการเล่นฟรีคิกเร็วในครึ่งแรก
โอกาสของ ทรอสซาร์ ที่น่าจะเป็นประตูเหลือเกิน
มาร์ติเนลลี่ เลือกยิงเองเสาแรกถือว่าเสี่ยงไม่น้อย แต่ ซานเชซ เองก็ปิดมุมไม่ดีเท่าที่ควร ส่วนกองหลังเพื่อนร่วมทีมแทบไม่ต้องพูดถึง มาไม่ทันกันแล้ว
แต่ อาร์เซน่อล ก็พลาดในเกมรับเช่นกันเมื่อปล่อยให้ เชลซี ตามตีเสมอง่ายๆ ไม่มีอะไรซับซ้อนเลย เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ตัวสำรองจ่ายบอลให้ เปโดร เนโต้ วิ่งมารับหน้าเขตโทษก่อนยิงด้วยซ้ายเต็มข้อส่งบอลเสียบมุมสุดแม่นยำ
อาร์เซน่อล ปล่อยให้ เนโต้ ยิงง่ายไปในจังหวะนี้ อาร์เตต้า ถึงกับบ่นลูกทีมหลังเกมว่าด้วยมาตรฐานเกมรับที่เคยทำได้ จังหวะปล่อยให้คู่แข่งวิ่งมาโล่งๆ แล้วยิงแบบนี้เป็นการเสียประตูที่ง่ายเกินไป และไม่ควรเกิดขึ้น
เกมนี้วัดกันที่ความผิดพลาด ความหละหลวมในเกมรับ และการฉวยโอกาสของอีกฝ่ายอย่างแท้จริง ประตูที่แต่ละทีมเสียคือสิ่งที่คนเป็นโค้ชย่อมหงุดหงิด
จนกระทั่งโมเมนต์สุดท้ายของเกมที่ อาร์เซน่อล หาช่องหลังไลน์เกมรับ เชลซี ได้อีก วิลเลียม ซาลีบา ได้เปิดถวายพานเข้าไปในเขตโทษที่มีทั้ง ทรอสซาร์ เสาแรก, ฮาแวร์ตส์ ตรงกลาง และ กาเบรียล เชซุส เสาไกล
ทรอสซาร์ ยิงคนเแรกไม่ใช่เรื่องแปลก แม้มุมของ ฮาแวร์ตซ์ จะเปิดกว้างมากกว่าก็ตาม จังหวะเสี้ยววินาทีแบบนี้มันต้องยิงอยู่แล้ว และที่ผ่านมาเขาก็เคยทำประตูสำคัญมาได้หลายครั้ง
แต่จังหวะนี้โดนเหลี่ยมบางไปนิด ไม่หนาพอที่จะเปลี่ยนทางบอลเข้ากรอบ และยังทำให้เพื่อนร่วมทีมคนอื่นเข้าไม่ถึงอีก
ภาพที่ มิเกล อาร์เตต้า เข่าอ่อนทิ้งตัวลงกลิ้งบนพื้นบ่งบอกถึงความเสียดายอย่างที่สุด ไม่ต่างจากความรู้สึกของแฟนบอลที่อารมณ์เดียวกัน แทบไม่อยากเชื่อกันว่าลูกนี้ไม่เป็นประตู
ท้ายที่สุด บิ๊กแมตช์ของสองทีมร่วมเมืองจึงลงเอยด้วยการแบ่งคะแนนกันไปในเกมที่ถือว่ามีคุณภาพระดับหนึ่ง สู้กันสมศักดิ์ศรี มีจังหวะ มีช่วงเวลาของตัวเอง
ทั้ง เชลซี และ อาร์เซน่อล ต่างมีข้อผิดพลาดไม่ต่างกัน และในหลายจังหวะก็ขาดความเด็ดขาดซึ่งเป็นสิ่งที่กุนซือทั้งสองต้องปรับแก้กันต่อไป
สำหรับ อาร์เซน่อล ตอนนี้ไม่ชนะในลีก 4 นัดติด และตามหลังจ่าฝูง ลิเวอร์พูล ถึง 9 คะแนน ถือว่าห่างพอสมควรกับการแข่งขันที่ผ่านไป 11 นัด
แต่ในการเล่นระหว่างเกม พวกเขามีแนวโน้มที่ดีขึ้นไม่น้อยโดยเฉพาะการได้ มาร์ติน โอเดการ์ด กลับมาซึ่งนอกจากแอสซิสต์ประตูได้แล้ว ยังเป็นคนที่สร้างสรรค์โอกาสได้มากสุดของทีมอีกด้วย
เห็นได้ชัดว่าการ "มี" หรือ "ไม่มี" กัปตันทีมชาตินอร์เวย์ลงสนาม ถือต่างกันชัดเจน และปฏิเสธไม่ได้ว่า อาร์เซน่อล มีปัญหาในเกมรุกจริงๆ ในช่วงที่ขาดหายไปของอดีตแข้ง เรอัล มาดริด
แม้ยังไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ โอเดการ์ด ก็ยังแสดงให้เห็นถึงความสำคัญต่อทีม และทำผลงานได้สมกับการรอคอยของแฟนบอล
การได้เพียงคะแนนเดียวจากเดอะ บริดจ์ เป็นเรื่องน่าเสียดายเพราะมีโอกาสชนะ แต่อย่างน้อยการกลับมาของ โอเดการ์ด ก็เป็นแรงบวกที่ดีที่ทำให้มีกำลังใจอย่างมากในการรักษาความหวังบนเส้นทางลุ้นแชมป์ต่อไปให้ได้
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT