ปืนฝังผี...ไม่ได้มีดีแค่เตะมุม
2 ประตูล่าสุดจาก เจอร์เรียน ทิมเบอร์ และ วิลเลียม ซาลีบา ช่วยให้ปืนใหญ่เอาชนะปีศาจแดงได้ 4 นัดติดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร
นอกจากนี้ทีมของ มิเกล อาร์เตต้า ยังทำประตูจากลูกเตะมุมได้ถึง 22 ประตู นับตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้วเป็นต้นมา มากกว่าทุกทีมในลีก
อย่างไรก็ตาม อาร์เซน่อล ไม้ได้มีเพียงทีเด็ดลูกตั้งเตะเท่านั้นในการเอาชนะคู่ปรับตัวฉกาจ แต่การเล่นโดยรวมทำได้ดีกว่า และสมควรได้รับการชูมือในฐานะผู้ชนะ
เดิมที แมตช์ระหว่าง อาร์เซน่อล กับ แมนฯ ยูไนเต็ด มีความน่าสนใจในตัวเองอยู่แล้วเพราะเป็นการเจอกันของสองทีมใหญ่ และยิ่งฝั่งปีศาจแดงกำลังเริ่มนับหนึ่งใหม่ในยุคกุนซือ รูเบน อโมริม ทุกสายตาก็เลยจับจ้องเกมคู่นี้มากยิ่งขึ้น
ในการจัดทัพต่างมีปัญหาพอๆ กัน แถมเป็นโปรแกรมกลางสัปดาห์เลยต้องสลับสับเปลี่ยนกันพอสมควร
อาร์เตต้า ต้องส่ง ยาคุบ คีวิออร์ และ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ลงตัวจริงในแนวรับแทน กาเบรียล มากัลเญส และ ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ ที่บาดเจ็บจากเกมลีกสุดสัปดาห์
คีวิออร์ และ ซินเชนโก้ เป็นจุดที่น่ากังวลมากสุดสำหรับแฟนบอลเจ้าถิ่นไม่น้อยเพราะนานๆ ทีจะได้ลงตัวจริง แถมลงเล่นเมื่อไหร่ก็ขยันทำพลาดอยู่เรื่อยๆ เท่านั้นไม่พอทั้งคู่ยังต้องรับผิดชอบเกมรับฝั่งซ้ายร่วมกันอีก
ข่าวดีคือได้ โธมัส ปาร์เตย์ ฟิตทันกลับมาคุมแดนกลางแทน จอร์จินโญ่ ส่วนปีกซ้ายสลับให้ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ เล่นแทน เลอันโทร ทรอสซาร์
ส่วน อโมริม ไม่มี ค็อบบี้ เมนู และ ลิซานโดร มาร์ตีเนซ ที่ติดโทษแบนพร้อมกันหลังได้ใบเหลืองครบโควตา ขณะที่ ลุค ชอว์ ก็มาเจ็บซ้ำอีก
กุนซือใหม่ผีแดงจึงเลือกส่ง แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ลงเล่นเป็นหนึ่งในสามเซนเตอร์ พร้อมกับให้โอกาส ไทเรลล์ มาลาเซีย ลงตัวจริงในบทบาทวิงแบ็กซ้ายเพื่อให้ ดิโอโก้ ดาโลต์ ลุยทางขวา
สามแนวรุกมาแบบผิดคาดที่ เมสัน เมาท์ ถูกเลือกให้ลงเล่นร่วมกับ ราสมุส ฮอยลุนด์ และ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ขณะที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด และ โจชัว เซิร์กเซ่ รวมถึง อาหมัด ดิยัลโล่ ที่เด่นมากในเกมไล่อัด เอฟเวอร์ตัน ต่างเป็นสำรองทั้งหมด
ตลอดการเล่นในครึ่งแรก ทั้งสองทีมเล่นกันค่อนข้างรัดกุม และระวังตัวอย่างมาก โอกาสลุ้นยิงแทบนับครั้งได้ และไม่ได้เข้ากรอบให้ผู้รักษาประตูต้องออกแรงเซฟ
รูปเกมค่อนข้างอึดอัด ต่างฝ่ายต่างไม่อยากพลาดก่อนโดยเฉพาะทีมเยือนที่มักเสียท่าบ่อยครั้งในการเจอกันช่วงหลัง
เป็น 45 นาทีแรกที่ แมนฯ ยูไนเต็ด พอใจมากกว่าเพราะยังไม่เสียประตู และหยุดเกมรุกของ อาร์เซน่อล ได้หลายจังหวะทั้งที่แนวรับไม่สมบูรณ์
ทว่าในครึ่งหลังเกมเปิดมากขึ้น ทำให้ได้เห็นความแตกต่างระหว่างทั้งสองทีมที่ชัดเจน และเป็น อาร์เซน่อล ที่งัดศักยภาพออกมาได้
แม้การเจาะแบบโอเพ่นเพลย์ไม่ได้ลื่นไหลอย่างที่ควรจะเป็น แต่ทีมปืนใหญ่ก็สร้างโอกาสได้ต่อเนื่องจากลูกเตะมุมที่ได้ลุ้นประตูในทุกครั้ง
อาร์เซน่อล ได้เตะมุมตลอดทั้งเกม 13 ครั้ง เกิดขึ้นในครึ่งหลังถึง 9 ครั้ง ก่อนทำได้ 2 ประตู และเฉี่ยวไปเฉี่ยวมาอีกเพียบ
เพียง 9 นาทีหลังรีสตาร์ตเกม เดแคลน ไรซ์ ก็เปิดเตะมุมให้ เจอร์เรียน ทิมเบอร์ โขกเสาแรกตุงตาข่าย ตามด้วยประตูที่สองอีกราวยี่สิบนาทีถัดมาจากเตะมุมอีกฝั่งของ บูคาโย่ ซาก้า ที่เลยมาเสาไกลถึง โธมัส ปาร์เตย์ โหม่งย้อนไปโดนบั้นท้าย วิลเลียม ซาลีบา ตุงตาข่าย
แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่สามารถรับมือลูกเตะมุมของ อาร์เซน่อล ได้เลย ขณะที่ รูเบน อโมริม เปิดใจหลังเกมว่า "ลูกตั้งเตะคือจุดเปลี่ยนของเกม ลูกตั้งเตะทำให้เราพ่ายแพ้"
"เราต้องเข้าใจว่าพวกเขาเล่นแบบนั้นมาหลายปีแล้ว เราพยายามหาทางป้องกันให้ได้ในช่วงเวลาสองวันของการซ้อม แต่มันก็ยากสำหรับทุกทีมที่จะป้องกันลูกเซตพีซของ อาร์เซน่อล"
"พวกเขาส่งผู้เล่นหลายคนไปใกล้ผู้รักษาประตู และแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะป้องกันได้ เราพยายามป้อมกันอย่างสุดความสามารถแล้ว ซึ่งเรารู้ดีว่าเราควรทำได้ดีกว่านี้"
กาเบรียล ชื่นชม คีวิออร์ ที่เล่นแทนตัวเองได้ดีเยี่ยม
การได้เตะมุมหลายครั้งและทำได้ 2 ประตูเป็นบทสรุปเบื้องต้นของเกมนี้ หากแต่ในรายละเอียด วิธีการเล่นของ อาร์เซน่อล ทำได้ดีกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ในแทบทุกด้าน
แม้การครองบอลและผ่านบอลทั้งหมดใกล้เคียงกัน แต่การผ่านบอลเข้าพื้นที่สุดท้าย อาร์เซน่อล ทำได้มากกว่าที่ 110 ต่อ 85 ครั้ง ยิ่งตีกรอบให้แคบลงกับการสัมผัสบอลในเขตโทษ อาร์เซน่อล ก็เหนือกว่าหลายเท่าที่ 35 ครั้งต่อ 6 ครั้ง
สถิติเหล่านี้บ่งบอกว่า อาร์เซน่อล ประสานงานเกมรุกในพื้นที่ของคู่แข่งได้ดีกว่า พาบอลเข้าไปสร้างความกดดันใส่ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้มากกว่า ขาดแค่จังหวะสุดท้ายที่น่าจะทำได้ดีกว่าหากเทียบกับมาตรฐานช่วง 2-3 นัดหลังที่ได้ มาร์ติน โอเดการ์ด กลับมา
ส่วนหนึ่งต้องชมว่า เกมรับผีแดงปิดจังหวะเกมรุกแบบโอเพ่นเพลย์ของปืนใหญ่ได้หลายครั้ง การยืนตำแหน่งทำได้ดี มีความกระชับ ไม่หลวม และเก็บจังหวะสุดท้ายได้บ่อย เพียงแต่บางจังหวะก็ทำบอลออกหลังง่ายๆ กลายเป็นเตะมุมที่ไม่ต่างจากการยื่นหอกให้เจ้าถิ่นมาแทงตัวเอง
ในทางตรงกันข้าม เกมรุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด กลับไม่สามารถกดดัน อาร์เซน่อล ได้อย่างที่ควรจะเป็นทั้งที่แนวรับฝั่งซ้ายของปืนใหญ่ก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก
ตรงกลางของปืนใหญ่ที่เป็นชุดดีสุดเล่นร่วมกันอีกครั้งคือ ไรซ์, ปาร์เตย์ และ โอเดการ์ด ช่วยสกรีนการขึ้นบอลของปีศาจแดงไม่ให้จ่ายได้ถนัด เมื่อสามารถลดประสิทธิภาพในการเปิดบอลของผู้เล่นอย่าง บรูโน่ แฟร์นันด์ส ลงได้ ความอันตรายก็หายไปเยอะ
ไม่ต้องนับพวก เมสัน เมาท์ และ การ์นาโช่ ที่แทบปั้นเกมไม่ได้ ขณะที่ ฮอยลุนด์ ก็เงียบหายไปด้วย ซึ่งแนวรุกทั้งสามคนนี้ได้ยิงรวมกันเพียงครั้งเดียวที่ไม่ใกล้เคียงกับการได้ประตู
เกมรับ อาร์เซน่อล ทำได้ดีกับการรับมือเกมรุก แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ได้ยิงตลอดทั้งเกมเพียง 5 ครั้ง และไม่ได้เตะมุมแม้แต่ครั้งเดียว
ส่วนคนที่ถูกมองว่าอาจเป็นจุดอ่อนให้คู่แข่งโจมตีได้อย่าง คีวิออร์ ก็ดันเค้นฟอร์มเก่งออกมาได้ในการจับคู่กับ ซาลีบา ที่มีมาตรฐานของตัวเองอยู่แล้ว
ในครึ่งหลังที่ อโมริม ส่ง อาหมัด ดิยัลโล่ ลงสนามและใช้ความเร็วจี้ใส่ ซินเชนโก้ จนเสียท่า อาร์เตต้า ก็แก้เกมทันทีถอดแบ็กยูเครนออกแล้วส่ง มิเกล เมริโน่ ลงมาเล่นตรงกลางเพื่อถอย ปาร์เตย์ ไปเป็นแบ็กขวา และโยก ทิมเบอร์ มาอุดทางซ้ายแทน
เกมรับปืนใหญ่ก็กลับมาแน่นอีกครั้ง แถม เดแคลน ไรซ์ เล่นได้ท็อปฟอร์มลงมาช่วยทางฝั่งซ้ายตลอด วิ่งขึ้นวิ่งลงไม่มีหมด
ชัยชนะของ อาร์เซน่อล มาจาก 2 ประตูในลูกเตะมุมก็จริง แต่พวกเขาเป็นฝ่ายบุกได้น้ำได้เนื้อและสร้างปัญหาให้ แมนฯ ยูไนเต็ด มากกว่า ขณะเดียวกันก็เล่นเกมรับเหนียวแน่น
ตอนหลังจบเกมมีการเปิดเผยค่า "xG" (โอกาสที่น่าจะเป็นประตู) แบบไม่รวมลูกตั้งเตะทั้งหมดเข้าไปด้วย ยิ่งสะท้อนได้ดี อาร์เซน่อล ก็ยังมีค่า xG ที่ 0.48 ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด อยู่ที่เพียง 0.03
อธิบายง่ายๆ ก็คือ ต่อให้ไม่มีลูกตั้งเตะ โอกาสได้ประตูและโอกาสชนะของ อาร์เซน่อล ก็ยังมีมากกว่าเพราะการเล่นโดยรวมดีกว่าทั้งเกมรุกและเกมรับ
ลูกเตะมุมคือทีเด็ด แต่เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นในชัยชนะล่าสุดของ อาร์เซน่อล
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT