:::     :::

ทบต้นทบดอก

วันจันทร์ที่ 03 กุมภาพันธ์ 2568 คอลัมน์ โรงเตี๊ยมลูกหนัง โดย ทอมมี่ ท่ามะกา
1,162
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
การเจอกันอีกครั้งของ อาร์เซน่อล กับ แมนฯ ซิตี้ ที่นัดแรกมีประเด็นเยอะแยะมากมาย จบลงด้วยชัยชนะของ "ปืนใหญ่" ที่เปิดรังไล่อัด "เรือใบสีฟ้า" ไปแบบขาดลอย 5-1

เป็นสกอร์ที่เกินความคาดหมายไปมาก และอาจจะมากกว่านี้ด้วยซ้ำหาก อาร์เซน่อล เด็ดขาดอีกหน่อยจากโอกาสที่มี 

ในนัดแรกที่เอติฮัด สเตเดี้ยม เป็นเกมที่เต็มไปด้วยดราม่า อาร์เซน่อล แซงนำ 2-1 แต่ เลอันโดร ทรอสซาร์ ได้ใบแดงก่อนพักครึ่ง ทำให้กลับมาเล่นครึ่งหลัง แมนฯ ซิตี้ จึงพับสนามบุกข้างเดียวก่อนตามตีเสมอได้ในช่วงทดเจ็บนาที 90+8 

วันนั้นมีประเด็นให้พูดถึงเยอะทั้งอาการบาดเจ็บหนักของ โรดรี้ ที่พักยาวจนถึงปัจจุบัน, ทรอสซาร์ สมควรได้ถูกใบแดงไล่ออกหรือไม่, การพยายามเบรกเกมและถ่วงเวลาของ อาร์เซน่อล, การปะทะกันในหลายจังหวะ และไฮไลต์สุดคือหลังจบเกมที่ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ พูดในเชิงเย้ยหยันต่อหน้า มิเกล อาร์เตต้า ให้ "Stay humble" หรือ "เจียมตัวหน่อย" จนกลายเป็นประโยคที่ย้อนกลับมาถึงเจ้าตัวในทุกครั้งที่ผลงานไม่ดี

ในการเจอกันล่าสุดที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม มีเหตุการณ์เกิดขึ้นเยอะไม่แพ้กัน แต่เกือบทั้งหมดล้วนเป็น อาร์เซน่อล ที่จัดการ "เคลียร์" ทุกสิ่งทุกอย่างที่ค้างคาใจจากนัดแรกได้แบบ "ทบต้นทบดอก" ไม่ว่าจะเป็นรายตัวนักเตะคนใดคนหนึ่งหรือทั้งทีม

เริ่มที่เรื่องผลการแข่งขัน นี่คือชัยชนะเหนือ แมนฯ ซิตี้ ที่ขาดลอยสุดในรอบ 25 ปี หรือนับตั้งแต่เคยชนะ 5-0 เมื่อปี 2000 ซึ่งเป็นยุคที่ เธียร์รี่ อองรี กำลังจัดจ้าน

อาร์เซน่อล เคยอยู่ใต้ร่มเงาของ แมนฯ ซิตี้ มาหลายปีและเคยแพ้ติดต่อกันในลีกถึง 12 นัด ย้ำ!12 นัด เรียกได้ว่าสู้กันไม่ได้เลยต่อให้พยายามกันแล้ว หรืออยู่ในฟอร์มที่คิดว่าดีก็ตาม ยิ่งในวันที่มีตัวเจ็บยิ่งเละโดนที 4-5 ลูก

เอาเฉพาะในยุคของ มิเกล อาร์เตต้า เขาก็แพ้ต่อลูกพี่เก่าอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโฮล่า ถึง 7 นัดติดในลีก 


ทว่าสองฤดูกาลหลัง อาร์เตต้า พาทีมสู้กับ แมนฯ ซิตี้ ได้อย่างสมศักดิ์ศรี และไม่แพ้ในลีกเป็นนัดที่ 4 นัดติดต่อกัน โดยเป็นการชนะ 2 นัดที่เล่นในบ้าน และอีก 2 นัดบุกเสมอที่แมนเชสเตอร์

และในชัยชนะขาดลอยนัดล่าสุดนี้ก็เป็นเกมที่ อาร์เซน่อล วางแผนรับมือและเล่นงาน แมนฯ ซิตี้ ได้เหนือกว่าแบบชัดเจน

แข้งปืนใหญ่ใช้การไล่เพรสซิ่งสูงตั้งแต่แดนบนไม่ให้เรือใบสีฟ้าได้ขึ้นบอลจากแนวรับได้ง่าย พวกเขาได้เปรียบเรื่องความฟิตเพราะพักตัวหลักหลายคนในเกมยุโรป ต่างจาก แมนฯ ซิตี้ ที่ตัวหลักหมดพลังมากกว่าเพราะต้องลุ้นตั๋วเข้ารอบ

การไล่เพรสของ อาร์เซน่อล ได้ผลตั้งแต่ 2 นาทีแรกที่เข้าถึงบอลเร็วจนแย่งได้หน้าเขตโทษ ก่อนจัดการลงโทษยิงประตูได้ทันที 

ประตูนี้่ทำให้ แมนฯ ซิตี้ นิ่งเฉยดูเชิงไม่ได้อีกแล้ว พวกเขายกระดับเกมรุกมากขึ้นจนเป็นฝ่ายครองบอลบุกได้มากกว่า และเกือบตามตีเสมอได้จากลูกโหม่งของ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล ที่ เดวิด ราย่า ซูเปอร์เซฟปัดได้ และโชคดีบอลไปตกใส่คาน ไม่งั้น เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ เก็บตกไม่พลาดแน่

อาร์เซน่อล ใช้การเล่นเกมรับให้แน่นในตัวเองเพื่อรอจังหวะสวนกลับ สลับกับไล่บอลแดนบนที่หาโอกาสได้อีกครั้งทว่า ไค ฮาแวร์ตซ์ ยิงหลุดกรอบสุดเหลือเชื่อจากตำแหน่งที่แทบจะเป็นการยิงจุดโทษเลยก็ว่าได้

โอกาสทองฝังเพชรแบบนี้และในเกมใหญ่แบบนี้ถือว่าน่าเสียดายอย่างยิ่ง และคนที่พลาดก็เป็น ไค ฮาแวร์ตซ์ ที่มีจังหวะหมูหกแบบนี้บ่อยครั้งจนแฟนบอลหลายคนเรียกร้องให้ทีมซื้อกองหน้าใหม่ได้แล้ว

ยังดีที่ อาร์เซน่อล เอาตัวรอดถึงพักครึ่งกับประตูนำตั้งแต่ต้นเกมของ มาร์ติน โอเดการ์ด โดยที่ ราย่า เซฟช่วยทีมอีกครั้งป้องกันลูกยิงแฉลบของ ซาวินโญ่ ได้หวุดหวิด


เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ปลุกความหวังของซิตี้ได้กับลูกโหม่งตีเสมอ 1-1 หลังออกสตาร์ตครึ่งหลังไม่กี่นาที แต่โมเมนตัมที่กำลังจะเข้าทางกลับถูกเหวี่ยงมาที่เจ้าบ้านอีกครั้ง และเป็นความผิดพลาดของซิตี้เอง

ฟิล โฟเด้น จ่ายบอลพลาดง่ายๆ เข้าทาง โธมัส ปาร์เตย์ มีทั้งเวลาและพื้นที่หน้าเขตโทษ ว่าแล้วพี่หมึกก็ลองส่องไกลแฉลบบล็อก จอห์น สโตนส์ เปลี่ยนทางาเข้าประตู สเตฟาน ออร์เตต้า หมดสิทธิ์เซฟด้วยประการทั้งปวง 

อาร์เซน่อล ใช้เวลาเพียงนาทีเศษในการขึ้นอีกรอบ และจากนั้นอีก 4 นาทีก็หนีห่างเป็น 3-1 และกลายโมเมนต์แห่งชีวิตของ ไมล์ส ลูอิส-สเกลลี่ ที่ทำประตูแรกในการเล่นชุดใหญ่

เหมือนถูกเขียนบทมาเลยสำหรับเจ้าหนูวัย 18 ปีที่ยิงประตูแรกของการเล่นอาชีพได้ในเกมเจอ แมนฯ ซิตี้ เพราะนัดแรกที่ลงเล่นให้ปืนใหญ่ก็เป็นการเจอเรือใบสีฟ้าที่ลงสำรองทดเจ็บก่อนถูก ฮาลันด์ ตะคอกใส่อย่างดูหมิ่มดูแคลนว่า "เอ็งเป็นใครว่ะ"

เด็กสร้างจากเฮลเอนด์จึงแนะนำตัวให้หัวหอกเรือใบได้รู้อย่างแจ่มแจ่งด้วยฟอร์มการเล่นที่ดีสุดเท่าที่เคยเล่นมาก็ว่าได้ รวมถึงประตูแรกที่เติมเกมรุกเข้าถึงในเขตโทษก่อนโยกยิงด้วยเท้าขวาที่เป็นข้างไม่ถนัด

ทุกอย่างสมบูรณ์แบบรวมไปถึงท่าดีใจที่ทำให้ ฮาลันด์ ต้องจดจำชื่อเจ้าหนูคนนี้ยิ่งกว่าเดิมต่อให้ไม่อยากจดจำก็ตามที

ช่วงเวลาเพียง 7 นาทีจากประตูตีเสมอของ 1-1 แมนฯ ซิตี้ กับการรัวนำห่าง 3-1 ของ อาร์เซน่อล คือจุดชี้ขาดเกมก็ว่าได้เพราะหลังจากนั้น การเล่นของเรือใบก็ช็อตไปเลยดื้อๆ ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ปืนใหญ่เล่นได้แบบไม่กดดันใดๆ แค่รอให้ซิตี้พลาดอีกแล้วลงโทษ


เป๊ป เองยังยอมรับว่าหลังจากโดนทิ้งเป็น 3-1 การเล่นของลูกทีมก็ดร็อปไปเลย "เราอยู่ในโมเมนต์ที่ดีหลังเสมอ 1-1 แต่เราก็เสียประตูจากลูกยิงแฉลบ และตามด้วยประตูที่สาม ผมผิดหวังในช่วง 25 นาทีสุดท้าย เราหลงลืมในสิ่งที่เราควรทำซึ่งเป็นสิ่งที่เราทำมาตลอด 65-70 นาที"

ประตูที่ 4 ของ ไค ฮาแวร์ตซ์ ที่แก้ตัวได้สำเร็จ รวมถึงประตูปิดท้ายจาก อีธาน วาเนรี่ ที่ลงสำรองปั่นเสียบเสาไกลงามหยุด เป็นเหมือนโบนัสแทร็กทำให้แฟนบอลปืนใหญ่ได้ฉลองกันสุดเหวี่ยงยิ่งขึ้น

นี่คือชัยชนะแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดสำหรับ อาร์เซน่อล อย่างแท้จริง ไม่มีจังหวะให้ต้องถกเถียงใดๆ จากการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน ไม่มีเหตุการณ์ปะทะนอกเกม และทุกประตูที่ได้มาจากโอเพ่นเพลย์ทั้งหมด ไม่ได้มีดีแค่ลูกตั้งเตะอย่างที่ถูกค่อนขอดในหลายครั้ง 

หลายๆ คนได้สะสางเรื่องคาใจจากนัดแรกด้วยโดยเฉพาะ กาเบรียล มากัลเญส ที่เอาคืน เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ได้แสบสันสุดขีดกับช็อตปั่นแห่งปีดึงกองกลางดาวยิงเรือใบกลับไปเก็บสตั๊ดให้หน่อย

อาร์เซน่อล จะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ได้หรือไม่ไม่รู้ ว่ากันตามตรง ลิเวอร์พูล มีโอกาสที่ดีกว่ามาก แต่เอาเฉพาะนัดนี้ก็เป็นการปลดแอกจาก แมนฯ ซิตี้ ได้แบบจริงจัง และเป็นชัยชนะที่ "ทบต้นทบดอก" ไม่มีอะไรให้ต้องสงสัยกันอีกเลย



คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด