บทสรุปบุนเดสลีกา 2024/25

บาเยิร์น คว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้เป็นสมัยที่ 34 ขณะที่ แฮร์รี่ เคน ดาวยิงตัวเก่งก็ปลดล็อกคว้าแชมป์แรกในอาชีพได้เสียทีหลังค้าแข้งมานาน 15 ปี
นอกเหนือจากความสำเร็จของ "เสือใต้" แล้ว บทสรุปทั้งหมดของบุนเดสลีกาฤดูกาลล่าสุดเป็นอย่างไรกันบ้าง ไปติดตามได้เลย
แชมป์ที่คู่ควรของ "เสือใต้"
หลังจากพลาดแชมป์ในฤดูกาลที่แล้ว บาเยิร์น มิวนิค ตัดสินใจเลือก แว็งซ็องต์ ก็องปานี โค้ชชาวเบลเยียม เข้ามาเป็นกุนซือคนใหม่แทนที่ โธมัส ทูเคิ่ล
ขุมกำลังในทีมได้ ไมเคิ่ล โอลิเซ่ ปีกตัวเก่งของ คริสตัล พาเลซ มาเสริมเกมรุก รวมถึง ชูเอา ปาลินญ่า และ ฮิโรกิ อิโตะ ส่วนตัวที่ปล่อยออกไปอย่าง มัทไธส์ เดอ ลิกต์ ไม่ได้ส่งผลมากนัก
โอลิเซ่ มาฤดูกาลแรกก็เปรี้ยงเลยด้วยผลงาน 17 ประตูและ 21 แอสซิสต์จาก 50 นัดในทุกรายการ มีส่วนอย่างมากในการพาทีมคว้าแชมป์
เสือใต้ทวงแชมป์คืนมาได้สำเร็จ
อาวุธหนักในแนวรุกอีกรายยังเป็น แฮร์รี่ เคน ที่แม้จำนวนประตูในลีกลดลงจาก 36 ประตูในฤดูกาลแรกมาเหลือ 26 ประตู แต่ก็มากพอที่จะคว้าตำแหน่งดาวซัลโวของลีกสองปีติด และที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือการได้แชมป์แรกในชีวิต
ส่วนเกมรับของทีมในยุค ก็องปานี ทำได้เหนียวแน่นขึ้่นแพ้เพียง 2 นัด ต่างจากฤดูกาล 2023/24 ที่แพ้ไปถึง 8 นัด ตัวเลขเสียประตูลดลงจาก 45 ประตูเหลือ 32 ประตู ซึ่งน้อยกว่าทุกทีมในลีก
บาเยิร์น จบฤดูกาลด้วยการมี 82 คะแนน มากสุดในรอบ 7 ฤดูกาลหลัง เกมรุกและเกมรับดีสุดในลีก และมีความคงเส้นคงวามากกว่าทุกทีม นับว่าเป็นการคว้าแชมป์ที่คู่ควรและสมศักดิ์ศรีอย่างแท้จริง
ขณะที่ เลเวอร์คูเซ่น ผลงานตกลงไปมากเพราะเก็บได้เพียง 69 คะแนน ต่างจากฤดูกาลคว้าแชมป์ที่กดไปถึง 90 คะแนน และไม่แพ้ใครเลย
แต่กระนั้นทัพห้างยาก็ยังจบในตำแหน่งรองแชมป์ ได้ไปลุยศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้าที่ต้องเริ่มต้นกับกุนซือคนใหม่หลังจาก ชาบี อลอนโซ่ อำลาทีมเพื่อเตรียมไปคุม เรอัล มาดริด
โควตายุโรป
โควตายูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ลุ้นกันจนถึงนัดสุดท้ายที่ ไฟรบวร์ก, ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต และ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ต้องแย่งตั๋ว 2 ใบสุดท้ายต่อจาก บาเยิร์น และ เลเวอร์คูเซ่น
โปรแกรมสุดท้ายเหมือนเขียนบทมาเลยเพราะ ไฟรบวร์ก ทีมอันดับ 4 ที่มี 55 คะแนน ต้องตัดกันเองกับ แฟร้งค์เฟิร์ต ทีมอันดับ 3 ที่มี 57 คะแนน ส่วน ดอร์ทมุนด์ ทีมอันดับ 5 ที่มี 54 คะแนน สวมบท "ตาอยู่" ลงเล่นในบ้านเจอกับ โฮลสไตน์ คีล ที่ตกชั้นไปแล้ว
เสือเหลืองแรงปลายได้ทันเวลา
ไฟรบวร์ก อยู่ในฟอร์มที่ดีชนะ 4 เสมอ 1 จาก 5 นัดหลังก่อนลงชี้ชะตานัดสุดท้ายในรังตัวเองที่ขอเพียงแค่เสมอก็จะคว้าตั๋วลุยแชมเปี้ยนส์ ลีก
ทัพจิ้งจอกแห่งป่าดำเริ่มต้นดีออกนำก่อนจาก ริตสึ โดอัน ทว่ากลับโดน แฟร้งค์เฟิร์ต รัวสามประตูแซงเข้าป้ายชนะไป 3-1
อีกคู่ ดอร์ทมุนด์ ไม่พลาดไล่ยำ โฮลสไตน์ คีล 3-0 ส่งผลให้แซงขึ้นไปจบที่ 4 ของตาราง ได้ตั๋วลุยถ้วยยุโรปใบใหญ่พร้อมกับ แฟร้งค์เฟิร์ต ขณะที่ ไฟรบวร์ก หล่นไปอยู่ที่ 5 ได้เล่นเพียงยูโรปา ลีก
สำหรับทัพ "เสือเหลือง" ดอร์ทมุนด์ ต้องบอกว่ามาแรงเอาในช่วงท้ายที่กดสูตรติดชนะ 7 นัดเสมอ 1 นัด (บุกเสมอ บาเยิร์น มิวนิค 2-2) กระโดดพรวดจากอันดับ 11 ของตารางขึ้นมาจบท็อปโฟร์ได้อย่างน่าทึ่ง
ส่วนตั๋วยูโรปา ลีก อีกเป็นโควตาของแชมป์เดเอฟเบ โพคาล ที่จะชิงชนะเลิศกันในวันเสาร์ที่ 24 พฤษภาคมนี้ ระหว่าง สตุ๊ตการ์ท กับ บีเลเฟลด์ ม้ามืดจากลีกา สาม ที่ไล่ตบทีมบุนเดสเป็นว่าเล่นทั้ง อูนิโอน เบอร์ลิน, ไฟรบวร์ก, แวร์เดอร์ เบรเมน และ "แชมป์เก่า" เลเวอร์คูเซ่น ในรอบตัดเชือก
ทางด้านโควตายูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก ตกเป็นของ ไมน์ซ ที่ช่วงนี้ได้ลุ้นไปเล่นชปล.ด้วย ทว่าดันแผ่วปลายชนะนัดเดียวจาก 9 นัดหลังสุด
ตกชั้น-เลื่อนชั้น
สองทีมที่ตกชั้นคือ โบคุ่ม และ โฮลสไตน์ คีล ซึ่งจบฤดูกาลด้วยการมี 25 คะแนนเท่ากัน
ขณะที่ ไฮเดนไฮม์ จบอันดับ 16 ได้ลุ้นอีกเฮือกในการเพลย์ออฟที่ต้องวัดกับ เอลแวร์แบร์ก ทีมอันดับ 3 ของลีกา สอง
ส่วนแชมป์และรองแชมป์ของลีกา สอง ที่เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในบุนเดสลีกาฤดูกาลหน้าคือ โคโลญจน์ และ ฮัมบูร์ก
โคโลญจน์ ตกชั้นไปฤดูกาลเดียวก็สามารถกลับมาได้ ส่วน ฮัมบูร์ก เป็นการหวนคืนลีกสูงสุดครั้งแรกในรอบ 7 ปี หรือนับตั้งแต่ตกชั้นในฤดููกาล 2017/18
แฮร์รี่ เคน คว้าดาวซัลโวอีกปี
แฮร์รี่ เคน คว้าดาวซัลโวสองสมัยติด
นอกจากได้แชมป์แรกในอาชีพที่รอคอยมานานแล้ว แฮร์รี่ เคน กองหน้าตัวเก่งของ บาเยิร์น มิวนิค ก็คว้าตำแหน่งดาวซัลโวเป็นฤดูกาลที่สอง หลังกดไป 26 ประตู
รองลงมาเป็น แซร์กอู กีราสซี่ ที่ย้ายจาก สตุ๊ตการ์ท มาเล่นให้ ดอร์ทมุนด์ ก็ยังรักษาฟอร์มเก่งยิงไป 21 ประตูซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้ทีมคว้าตั๋วลุยแชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จในช่วงท้ายฤดูกาล
อีกคนที่ยิงได้ 21 ประตูเช่นกันคือ พาทริค ชิค ดาวยิงตัวเก่งของ เลเวอร์คูเซ่น
โยนาธาน บัวคาร์ดท์ จาก ไมน์ซ มีโอกาสที่ดีเช่นกันยิงไป 18 ประตู เช่นเดียวกับ ทิม ไคลน์เดียนส์ค ของ กลัดบัค ที่กดไป 16 ประตู
ทางด้าน โอมาร์ มาร์มูช ที่เล่นไป 17 นัดในครึ่งฤดูกาลแรกก่อนย้ายจาก แฟร้งค์เฟิร์ต ไป แมนฯ ซิตี้ ก็ยังติดชาร์จดาวซัลโวที่ 15 ประตู เท่ากับ อูโก้ เอกิติเก้ จากค่าย แฟร้งค์เฟิร์ต เช่นกัน รวมถึง เอร์เมดิน เดมิโรวิช ของ สตุ๊ตการ์ท
ไมเคิ่ล โอลิเซ่ เปิดตัวปังซิวท็อปแอสซิสต์
แอสซิสต์สูงสุดประจำฤดูกาลเป็นหน้าใหม่ที่ย้ายมาเล่นบุนเดสลีกาเป็นครั้งแรกอย่าง ไมเคิ่ล โอลิเซ่ ปีกจอมเทคนิคของ บาเยิร์น มิวนิค ที่ทำไป 15 แอสซิสต์
โอลิเซ่ มาซีซั่นแรกก็เปรี้ยงเลย
รองลงมาคือ โฟลเรียน เวียร์ตซ์ ของ เลเวอร์คูเซ่น ที่ 12 แอสซิสต์ และ วินเชนโซ่ กรีโฟ่ ของ ไฟรบวร์ก ที่ 11 แอสซิสต์
ขณะที่ ยูเลี่ยน บรันด์ท กับ ปาสกาส โกรสส์ จาก ดอร์ทมุนด์ ทำไป 10 แอสซิสต์เท่ากัน โดยที่ โกรสส์ สร้างสถิติทำ 4 แอสซิสต์ในนัดเดียวเกมที่ ดอร์ทมุนด์ ถล่ม อูนิโอน เบอร์ลิน 6-0 ในเดือนกุมภาพันธ์ซึ่งเป็นนักเตะบุนเดสลีกาคนแรกในรอบ 4 ปีที่ทำได้
เพเตอร์ กูลาสชี่ เก็บคลีนชีตมากสุด
นายทวารที่สามารถรักษาคลีนชีตได้มากสุดคือ เพเตอร์ กูลาสชี่ มือกาวจอมเก๋าของ ไลป์ซิก ที่ทำได้ 14 นัด จากการเฝ้าเสา 29 นัด
มานูเอล นอยเออร์ ของ บาเยิร์น มิวนิค ก็ทำได้ถึง 13 แอสซิสต์ทั้งที่เจออาการบาดเจ็บกวนจนทำให้ได้ลงเล่นเพียง 22 นัด
ด้านเจ้าของรางวัลในฤดูกาลที่แล้วอย่าง ลูคัส ฮราเด็ชสกี้ ที่คลีนชีต 15 นัดช่วยให้ เลเวอร์คูเซ่น คว้าแชมป์ กลับทำได้เพียง 6 นัดในฤดูกาลล่าสุดที่เพิ่งจบลงไป
อลอนโซ่ อำลาทัพห้างยาในฐานะตำนาน
สถิติที่น่าสนใจอื่น
- เกมที่ ดอร์ทมุนด์ เปิดรังถล่ม อูนิโอน เบอร์ลิน 6-0 เป็นเกมที่ชนะในสกอร์ขาดลอยสุด
- เกมที่มียิงประตูกันมากสุดคือเกมที่ แฟร้งค์เฟิร์ต เอาชนะ โบคุ่ม 7-2
- เลเวอร์คูเซ่น ชนะติดต่อกันมากสุด 8 นัด และไม่แพ้ติดต่อกันนานสุด 22 นัด
- โบคุ่ม หนึ่งในสองทีมตกชั้น ไม่ชนะติดต่อกันมากสุด 14 นัด ส่วนที่แพ้ติดต่อกันมากสุดคือ ไฮเดนไฮม์ ที่ 7 นัด
- มีการทำแฮตทริก 12 ครั้ง แฮร์รี่ เคน ทำไป 3 ครั้ง ส่วน พาทริค ชิค ทำได้ 2 ครั้ง และหนึ่งในนั้นคือยิง 4 ประตูในเกมพบ ไฟรบวร์ก
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT