'ซูบีเมนดี้' จิ๊กซอว์ที่ปืนตามหา ตอน 2

ย้อนไปซัมเมอร์ที่แล้วตอนที่ทีมชาติสเปนคว้าแชมป์ยูโร 2024 ด้วยการเอาชนะทีมชาติอังกฤษ หลายคนคงคิดว่าทัพกระทิงจบเห่แล้วหลังจาก โรดรี้ เดินกะเผลกออกจากสนามในช่วงพักครึ่ง แต่แทนที่พวกเขาจะทรุดลง กลับกลายเป็นว่าเร่งเครื่องได้มากกว่าเดิม
คนที่ลงมาแทนอย่าง มาร์ติน ซูบีเมนดี้ สามารถคุมจังหวะเกมด้วยความนิ่ง จ่ายบอล เพรสซิ่ง พาบอลไปข้างหน้า จนทัพสิงโตคำรามถูกกดดันถอยกลับ และเล่นแทบไม่ออก กระทิงดุไม่ได้แสดงให้เห็นถึงผลกระทบจากการขาดหายไปของ โรดรี้ แม้แต่นิด ก่อนจะคว้าแชมป์ไปครองด้วยชัยชนะ 2-1
หลุยส์ เด ลา ฟวนเต้ ได้พูดถึงการแก้เกมแบบไม่ต้องคิดมากหลัง โรดรี้ บาดเจ็บว่า "เพราะเรามีโชคดีที่ได้ส่งนักเตะที่ผมคิดว่าเก่งเป็นอันดับสองของโลกในตำแหน่งนี้ลงสนาม และเขาคือ มาร์ติน ซูบีเมนดี้!"
"เขาเป็นนักเตะชั้นยอดอีกคนที่มีคุณสมบัติหลายอย่างเหมือน โรดรี้ เขาเหมือนโคลนกันมาเลย แน่นอนว่า มาร์ติน มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่เขาก็สามารถควบคุมจังหวะเกม หาพื้นที่ สร้างทางเลือก และลงไปช่วยเกมรับได้ด้วย"
"ผมโชคดีมากที่มีสองนักเตะที่ดีสุดในโลกในตำแหน่งนี้ให้เลือกใช้!"
ซูบีเมนดี้ เพิ่งผ่านการเล่นให้ทีมชาติสเปน 19 นัด เหตุผลสำคัญคือ เด ลา ฟวนเต้ มักใช้ระบบกลางรับคนเดียว และคนที่ขวางหน้าคือ โรดรี้ แต่ในช่วงที่แข้งจาก แมนฯ ซิตี้ บาดเจ็บ ตัวเลือกแรกในช่วงยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ก็เป็นใครอื่นไม่ได้นอกจากกองกลางตัวใหม่ของ อาร์เซน่อล
ส่วนการเล่นกับ เรอัล โซเซียดาด มักใช้ระบบ 4-1-4-1 โดยมี ซูบีเมนดี้ ยืนต่ำสุดคอยตัดเกมแดนกลาง โดยในลา ลีกา ฤดูกาล 2024/25 ที่ผ่านมา เขาติดท็อป 5 ของมิดฟิลด์ในหลายด้านทั้ง จำนวนการจ่ายบอลสำเร็จ , จ่ายบอลยาวแม่นยำ , จ่ายบอลเพื่อขยับเกมรุก (progressive passes) , สัมผัสบอล , แท็กเกิล , ตัดบอล, ชนะลูกกลางอากาศ และระยะทางการจ่ายบอลขึ้นหน้า
* เจาะลึกคุณภาพในเกมรับ
ในเวลาที่ไม่ได้ครองบอล มาร์ติน ซูบีเมนดี้ เป็นกองกลางที่เน้นการอ่านเกมมากกว่าการพุ่งเข้าแท็กเกิล โดยให้ความสำคัญกับการยืนตำแหน่ง การตัดบอล และการเก็บบอลจังหวะสองมากกว่าการปะทะหนักหน่วง และแม้จะไม่เน้นการเล่นแบบเอาร่างกายเข้าแลก แต่ก็สามารถรับมือกับจังหวะหนักๆ ได้เช่นกัน
เปรียบเทียบกับกองกลางคนอื่นในลา ลีกา ซูบีเมนดี้ มีอัตราการเข้าปะทะ 'จริงจัง' (การเข้าปะทะทุกอย่างทั้งที่แย่งบอลสำเร็จ ไม่สำเร็จ และทำฟาวล์ขณะพยายามเข้าสกัด) ค่อนข้างน้อย แต่เมื่อเขาเข้าปะทะแล้ว อัตราสำเร็จอยู่ที่ 66.4 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมีเพียงกองกลาง 3 คนเท่านั้นที่ดีกว่าเขาในลีก
ซูบีเมนดี้ ไม่ใช่กองกลางที่เข้าสกัดบอลทุกจังหวะ แต่เลือกจังหวะจะเข้าได้ดี และทำได้แม่นยำ มีประสิทธิภาพ
ในทางกลับกัน ซูบีเมนดี้ โดดเด่นในจังหวะเกมรับแบบ "เชิงรับ" มากกว่าการวิ่งไล่ตัดบอลแบบดุดัน เขาไม่ใช่นักเตะที่พุ่งออกตำแหน่งเพื่อแย่งบอล แต่จะรอจังหวะให้บอลหรือคู่แข่งเข้ามาในพื้นที่ แล้วจึงตัดบอลหรือบล็อกการจ่าย
อัตราการตัดบอลของเขา (รวมการดักบอลและบล็อกการจ่ายบอล) อยู่ในระดับสูง และมีเพียง ซามู คอสต้า ของ มายอร์ก้า เท่านั้นที่เคลียร์บอลมากกว่าในลา ลีกา ฤดูกาลล่าสุด
กองกลางทีมชาติสเปนทำหน้าที่สวีปเปอร์ได้อย่างประสิทธิภาพ คอยกำบังแนวรับหน้าคู่เซนเตอร์แบ็ก ตำแหน่งนี้คล้ายกับ 'anchor' หรือกองกลางตัวรับแบบลึกที่คอยปิดช่องตรงกลาง อ่านเกม และเปลี่ยนจากรับเป็นรุกได้ทันที
ในเกมพบ บาเลนเซีย ฤดูกาลที่แล้ว ซูบีเมนดี้ แสดงให้เห็นถึงการเล่นที่หลากหลายเริ่มจากเข้าแย่งบอลจังหวะสองได้ก่อน อูโก้ กียามอน แม้มีคู่แข่งอยู่รอบๆ จากนั้นจ่ายให้ ฆาบี โลเปซ ด้านข้างก่อนวิ่งตามออกไปรับบอล เมื่อบอลกลับมา เขาพลิกหนีการไล่บีบแล้วจ่ายคืนให้กองหลังได้ง่ายดาย
จังหวะการเล่นแบบนี้ไม่เพียงแค่หยุดโอกาสที่คู่แข่งจะสร้างความอันตรายในเกมรุกได้ แต่ยังช่วยให้ทีมเอาบอลกลับมาครอง เป็นการเล่นที่เห็นถึงความสามารถในการเล่นเกมรับอย่างมุ่งมั่นผสมกับการเก็บบอลอย่างมั่นใจ ซึ่งช่วยให้ทีมผ่านสถานการณ์ลำบากได้
โรเบร์โต้ รามาโฆ นักข่าวชาวสเปน ให้สัมภาษณ์ถึง มาร์ติน ซูบีเมนดี้ เอาไว้ว่า "ซูบีเมนดี้ รู้ว่าจะยืนตรงไหน รู้ว่าจังหวะไหนควรเติมหรือถอย ช่วยทีมได้ทุกจังหวะ อ่านเกมได้ขาดโดยเฉพาะตอนที่ไม่มีบอลในเท้า
"แม้หลายคนจะชมเขาเรื่องการครองบอล แต่สำหรับผม จุดแข็งจริง ๆ คือเวลาที่เขาไม่มีบอล เขาทำให้เพื่อนเล่นง่ายขึ้นทั้งระบบ"
"ซูบีเมนดี้ ต่างจาก โรดรี้ เขาคือสมองแห่งอนาคต โรดรี้ พัฒนาถึงจุดสูงสุดแล้ว ขณะที่ ซูบีเมนดี้ ยังสามารถพัฒนาได้อีกมาก"
* อาวุธลับเสริมเกมรุก
มาร์ติน ซูบีเมนดี้ ไม่ใช่ผู้เล่นที่โดดเด่นเรื่องการยิงประตูหรือทำแอสซิสต์ เขายิงได้เพียง 10 ประตู และ 9 แอสซิสต์ตลอดการเล่น 236 นัดกับ โซเซียดาด แต่การขับเคลื่อนเกมจากแนวลึกของเขานำไปสู่เกมรุกที่มีมิติมากขึ้นของทีม
ดักได้แล้วจ่ายทะลุช่องทันที
กองกลางวัย 26 ปี มีสถิติไม่ธรรมดาในการจ่ายบอลเชิงรุก (Progressive passing) โดยรั้งอันดับ 4 ของลา ลีกา ฤดูกาลที่แล้วทั้งการจ่ายบอลเชิงรุก , จ่ายบอลยาวสำเร็จ , จ่ายบอลขึ้นหน้า และระยะรวมจ่ายบอลขึ้นหน้า
แม้ความแม่นยำในการจ่ายบอลไม่ได้สูงมากอยู่ที่ 84.4 เปอร์เซ็นต์ แต่นั่นเพราะเขาเป็นผู้เล่นที่กล้าเสี่ยงจ่ายบอลโดยเฉพาะการจ่ายทะลุไลน์เกมรับคู่แข่ง เขาต้องการให้บอลไปข้างหน้ามากกว่าจ่ายออกซ้าย-ขวาเหมือนกองกลางตัวรับทั่วไป
ในเกมพบ แอธเลติก บิลเบา ฤดูกาล 2023/24 ซูบีเมนดี้ แหย่เท้าดักบอลจากผู้เล่น บิลเบา ได้ก่อนจ่ายด้วยเท้าซ้ายทันทีส่งบอลทะลุแนวรับให้ มิเกล โอยาซาร์บัล สปีดแซงแนวรับหลุดเข้าไปยิงประตูในเขตโทษ
จังหวะดูง่าย ตัดบอลได้แล้วทำเลย แต่ อาร์เซน่อล กลับขาดประสิทธิภาพในจังหวะแบบนี้ตลอดฤดูกาลที่ผ่านมา
อีกตัวอย่างในเกมพบ จีโรน่า ตอนนำ โซเซียดาด 2-1 และตั้งเกมรับลึกเพื่อรักษาสกอร์ก่อนพักครึ่ง ซูบีเมนดี้ ได้บอลหน้าเขตโทษ เขาเหลือบมองทันทีและเห็น อเล็กซานเดอร์ ซอร์ล็อธ ยืนอยู่เสาสอง เขาเขาชิพบอลด้วยน้ำหนักและทิศทางแม่นยำข้ามแนวรับไปให้ ซอร์ล็อธ พักอกและวอลเลย์เข้าไป
ชิพบอลข้ามแนวรับสร้างโอกาสลุ้นประตูทันที
ในฤดูกาล 2024/25 ซูบีเมนดี้ จ่ายบอลเจาะแนวรับคู่แข่งทั้งหมด 238 ครั้ง ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงมากในลา ลีกา โดยมีเพียงสามผู้เล่นจาก เรอัล มาดริด ลูก้า โมดริช, เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ และ โอเรเลียง ชูอาเมนี ที่ทำได้มากกว่า
อาร์เซน่อล มีปัญหาบ่อยครั้งเมื่อคู่แข่งตั้งรับลึก และมักถูกวิจารณ์เรื่องครองบอลแล้วไม่ชัดเจน เอาแต่ถ่ายบอลไปมาวนไปวนมาเป็นเกือกม้า แท็กติกขาดความยืดหยุ่น และทำให้คู่แข่งอ่านเกมได้ง่าย
การเพิ่มผู้เล่นที่มีวิสัยทัศน์และจ่ายบอลแม่นยำในจังหวะสำคัญเช่นนี้ จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อทีม ซูบีเมนดี้ มีทักษะในการเร่งความเร็วในการเล่น ไม่ว่าจะด้วยการจ่ายบอลหรือพาบอลไปข้างหน้าด้วยตัวเอง
เทียบกับแดนกลาง อาร์เซน่อล ในฤดูกาลที่แล้ว ซูบีเมนดี้ จ่ายบอลไปข้างหน้า 31.39 เปอร์เซ็นต์ มากกว่า โธมัส ปาร์เตย์ (26.85%), จอร์จินโญ่ (26.85%) และ เดแคลน ไรซ์ (24.66%) แม้อัตราความแม่นยำต่ำกว่า แต่เป็นเพราะเขากล้ารับความเสี่ยงมากกว่า
"เขาเป็นนักเตะที่เล่นฟุตบอลด้วยสมอง เขาเห็นสิ่งที่คนอื่นในสนามมองไม่เห็น" รามาโฆ กล่าวเสริม
"ซูบีเมนดี้ อาจจะไม่ใช่นักเตะที่โดดเด่นสุดขีดในด้านใดด้านหนึ่ง แต่เขาทำได้ดีในทุกอย่าง ระดับ 8 เต็ม 10 ในทุกหมวด และในพรีเมียร์ลีก เขามีศักยภาพที่จะพัฒนาไปถึงระดับ 10 ได้หมด
"เขาอาจไม่ได้โดดเด่นเรื่องเทคนิคแพรวพราวหรือการจ่ายบอลสุดเฉียบแบบที่คนจดจำกัน แต่เขาทำทุกอย่างในตำแหน่งมิดฟิลด์ได้อย่างแน่นอนและมีคุณภาพ"
* บทบาทในทีม อาร์เซน่อล
แผงกองกลาง อาร์เซน่อล ในฤดูกาล 2025/26 จะเป็นการประสานงานกันของ มาร์ติน โอเดการ์ด , เดแคลน ไรซ์ และผู้มาใหม่อย่าง มาร์ติน ซูบีเมนดี้
ซูบีเมนดี้ ปักหลักต่ำสุดในฐานะหมายเลข 6 แทนที่ โธมัส ปาร์เตย์ ขณะที่ ไรซ์ สามารถโฟกัสกับเกมรุกได้มากขึ้น เป็นตัวปั้นเกมหมายเลข 8 เช่นเดียวกับ โอเดการ์ด และแผงกองกลางชุดนี้สามารถดันเกมเข้าใส่คู่แข่งได้ลึกขึ้นทั้งเวลามีบอลและไม่มีบอล
การออกบอลจากแนวลึกของ ซูบีเมนดี้ น่าจะสร้างประโยชน์ให้ผู้เล่นริมเส้นของทีมอย่าง บูคาโย่ ซาก้า และ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ในการวิ่งทะลุช่องเข้าไปลุ้นจ่ายจังหวะสุดท้าย หรือยิงประตูได้ทันที
ขณะที่ ไมลส์ ลูอิส-สเกลลี่ ที่หลายครั้งขยับเข้าในเป็นอินเวิร์ต ฟูลแบ็ก ก็จะมีโอกาสเติบโต เพราะมีนักเตะคุณภาพคอยรองรับอยู่ข้างๆ
ฤดูกาลที่แล้ว อาร์เซน่อล เสมอในลีกมากถึง 14 นัด ส่วนหนึ่งมาจากการเน้นแต่ครองบอล และถ่ายไปมา ไม่รู้ว่าจะเจาะอย่างไร คิดช้าทำช้า จนคู่แข่งจัดการตั้งเกมรับได้ทัน
แต่เมื่อมี ซูบีเมนดี้ ที่กล้าจ่ายบอลขึ้นหน้าทะลุไลน์ได้ เกมรุกของ อาร์เซน่อล น่าจะขยับเข้าเขตโทษได้เร็วยิ่งขึ้น เอาชนะบล็อกเกมรับได้ทันทีด้วยการจ่ายบอลที่ชาญฉลาด
ซูบีเมนดี้ สามารถเติมพลังให้ อาร์เซน่อล ทั้งเกมรุกและเกมรับด้วยการควบคุมบอลในแดนตัวเอง และการเร่งเกมในแดนคู่แข่ง
"หนึ่งในความฝันของ ซูบิเมนดี้ คือการได้เล่นในสหราชอาณาจักร เขาเป็นแฟนพันธุ์แท้พรีเมียร์ลีก และถ้าเขาจะต้องจากสโมสรที่รัก การได้ทำตามความฝันนั้นย่อมคุ้มค่า" รามาโฆ กล่าว
"เขาเป็นผู้เล่นที่สามารถพาบอลออกจากแดนหลังได้อย่างเนียนตา มีความสามารถในการเจาะแนวเพรสซิ่งด้วยการจ่ายบอลเข้าใน และทักษะที่กล้าหาญ เพราะเขาเป็นผู้เล่นที่มุ่งเล่นเกมรุก"
"และจุดเด่นของเขาคือ ยิ่งเล่นกับเพื่อนร่วมทีมที่ดี เขายิ่งเก่งขึ้น และเขาก็สามารถยกระดับเพื่อนร่วมทีมได้ด้วย"
"ผมคิดว่าสไตล์ของเขาสามารถปรับตัวเข้ากับพรีเมียร์ลีกได้รวดเร็ว และจะช่วยให้เขาก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้เล่นระดับท็อปของทวีปยุโรปอย่างแท้จริง"
นี่คือเหตุผลสำคัญว่าทำไมเขาถึงเป็น "จิ๊กซอว์" ที่ อาร์เซน่อล ตามหาเพื่อขับเคลื่อนทีมไปสู่เป้าหมายคว้าแชมป์รายการสำคัญให้ได้