คำตอบอยู่ในสนาม

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
การย้ายทีมของ โนนี่ มาดูเอเก้ ที่ข้ามฟากจาก เชลซี มาสู่ อาร์เซน่อล คือดีลที่ถูกแฟนบอลปืนใหญ่ตั้งคำถามมากมาย

"ราคาแพงมาก"

"ไม่เห็นเก่งเลย"

"ทำไมปิดดีลเร็วเหลือเกิน"

"ขยันซื้อจังเลยนักเตะเชลซี"

"เอาตำแหน่งที่จำเป็นก่อนไหม"

"กองหน้าจะมากี่โมง?"

นี่คือความเห็นบางส่วนหลัง อาร์เซน่อล มีข่าวต้องการตัว มาดูเอเก้ และจัดการดึงมาร่วมทีมในที่สุด โดยเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม การมาของ โนนี่ มาดูเอเก้ ไม่ได้เลวร้ายเสมอไป เพราะหากวิเคราะห์กันจริงจังแบบไม่มีอคติแล้ว ดีลนี้น่าสนใจไม่น้อย และอาจเป็นดีลที่ดีสำหรับ อาร์เซน่อล ก็เป็นได้  

นี่คือเหตุผล

1. มิเกล อาร์เตต้า อยากได้ผู้เล่นที่คอยสลับสับเปลี่ยนกับ บูคาโย่ ซาก้า ได้แบบไม่ห่างชั้นกันมาก เพราะฤดูกาลที่แล้วเห็นได้ชัดเลยว่าในช่วงที่ ซาก้า บาดเจ็บ เกมรุกฝั่งขวาลดความอันตรายลงไปอย่างมาก

แม้ อาร์เตต้า พยายามแก้ปัญหาด้วยการส่ง กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ , เลอันโทร ทรอสซาร์ และ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ลงเล่น แต่ก็ไม่มีใครสามารถทดแทนได้ สุดท้ายต้องพึ่งพา อีธาน วาเนรี่ ดาวรุ่งวัยทีมที่ตำแหน่งแท้จริงแล้วไม่ใช่ปีกด้วยซ้ำ

โนนี่ มาดูเอเก้ จึงเป็นทางเลือกใหม่ในตำแหน่งอะไหล่ของ ซาก้า ที่แม้ไม่ได้จำเป็นมากเท่ากับกองหน้า หรือตำแหน่งอื่นสำหรับการเสริมทัพซัมเมอร์นี้ แต่ก็ถือว่าสำคัญ 


เป็นแข้งรายล่าสุดที่ย้ายมาจาก เชลซี

2. ในช่วงสองปีครึ่งกับ เชลซี มาดูเอเก้ ต้องร่วมงานกับกุนซือถาวรถึง 3 คนคือ แกรม พ็อตเตอร์, เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ และ เอ็นโซ่ มาเรสก้า รวมถึงขัดตาทัพอีก 2 คนทั้ง บรูโน่ ซัลตอร์ และ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความปั่นป่วนและขาดเสถียรภาพในแนวทางการทำทีมอย่างชัดเจน

ความเปลี่ยนแปลงต่อเนื่องนี้ส่งผลโดยตรงกับพัฒนาการของนักเตะดาวรุ่งอย่าง มาดูเอเก้ ที่ยังไม่ทันได้ยึดตำแหน่ง หรือเข้าใจระบบใดอย่างลึกซึ้ง ก็ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าทั้งในแง่แท็กติก การจัดตัว และความเชื่อมั่นจากโค้ช ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของการเติบโตในอาชีพ

ตรงกันข้ามที่ อาร์เซน่อล ของ อาร์เตต้า ได้รับการปลูกสร้างและพัฒนาอย่างมั่นคงต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายปี 2019 พื้นฐานทั้งเรื่องแท็กติก วิธีการเล่น และโครงสร้างทีม ถูกวางไว้อย่างเป็นระบบ และได้ผลลัพธ์เป็นรูปธรรมตลอดสามฤดูกาลหลัง แม้ยังไม่ถึงตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีกก็ตาม 

การที่ มาดูเอเก้ ย้ายมาสู่ทีมที่มีทิศทางชัดเจน มีปรัชญาฟุตบอลที่มั่นคง และมีโค้ชที่ให้โอกาสนักเตะดาวรุ่งในระบบที่เข้าใจง่ายและต่อเนื่อง จึงไม่ใช่แค่ "ทางเลือก" ที่ดีกว่า แต่น่าจะเป็น "โอกาสครั้งสำคัญ" ที่ช่วยให้เขาเติบโตอย่างเต็มศักยภาพทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ


พร้อมร่วมงาน มิเกล อาร์เตต้า

3. แม้ตำแหน่งถนัดของ มาดูเอเก้ คือปีกขวา ซึ่งมี ซาก้า ยึดตัวจริงอยู่ แต่การที่ อาร์เซน่อล ต้องลงแข่งใน 4 รายการ ทำให้การหมุนเวียนนักเตะมีความสำคัญสูง

ความสามารถของ มาดูเอเก้ ในระดับที่ไว้ใจได้ น่าจะช่วยให้ อาร์เตต้า ตัดสินใจพัก ซาก้า ในบางเกมได้ง่ายขึ้น ต่างจากฤดูกาลก่อนที่ ซาก้า ต้องถูกเข็นลงต่อเนื่อง แม้ในช่วงที่เพิ่งหายเจ็บกลับมา

อีกทั้งเขายังสามารถโยกไปเล่นฝั่งซ้ายได้ด้วย ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการลงสนาม และอาจกลายเป็นคู่แข่งแย่งตำแหน่งกับ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ หรือ เลอันโดร ทรอสซาร์ ได้ในอนาคต

4. สถิติส่วนตัวของ มาดูเอเก้ แสดงแนวโน้มที่ดีขึ้นตลอดช่วงเวลาที่อยู่กับ เชลซี ทั้งจำนวนประตูและแอสซิสต์ เช่นเดียวกับสถิติในเกมรุกด้านอื่นๆ 

ฤดูกาลที่แล้ว มาดูเอเก้ มีค่าเฉลี่ยเลี้ยงบอลแล้วจบด้วยการยิงมากที่สุดของลีกที่ 1.6 ครั้งต่อ 90 นาที และเลี้ยงบอลไปข้างหน้าได้ระยะทางมากเป็นอันดับ 3 ของลีก รองจาก ซาวินโญ่ และ เฌเรมี่ โดกู

ค่าเฉลี่ยลุ้นยิงต่อนัดของปีกวัย 23 ปีอยู่ที่ 3.52 ครั้งต่อ 90 นาที ซึ่งมากกว่านักเตะทุกคนของ เชลซี และ อาร์เซน่อล และแย่งบอลกลับคืนได้บ่อยกว่า ซาก้า และ มาร์ติเนลลี่ 


นอกจากนี้ ยังเป็นผู้เล่นที่สัมผัสบอลในเขตโทษคู่แข่งมากเป็นอันดับ 2 ของลีกที่ค่าเฉลี่ย 8.8 ครั้งต่อ 90 นาที รวมถึงเล่นได้ดีทั้งสองเท้า โดย 34% ของประตูที่ยิงในฤดูกาลที่แล้วมาจากข้างที่ถนัดน้อยกว่าอย่าง "เท้าขวา" 

  5. การย้ายมา อาร์เซน่อล ไม่ใช่แค่การเริ่มต้นใหม่ แต่ยังเป็นการตัดสินใจเพื่อโอกาสในการติดทีมชาติอังกฤษชุดลุยฟุตบอลโลก 2026 ในปีหน้า

มาดูเอเก้ ยังไม่ใช่หนึ่งในผู้เล่นที่การันตีติดทีม ดังนั้นเขาจำเป็นต้องทำผลงานโดดเด่นในระดับสโมสรอย่างต่อเนื่องเพื่อผลักดันตัวเองให้เข้าไปอยู่ในสายตา โธมัส ทูเคิ่ล 

6. มาดูเอเก้ อาจกำลังเดินตามรอยเส้นทางของแข้งหลายคนที่ไม่แจ้งเกิดกับเชลซี แต่กลับไปประสบความสำเร็จภายหลัง ไม่ว่าจะเป็น เควิน เดอ บรอยน์, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรเมลู ลูกากู, นาธาน อาเก้, มาร์ค เกฮี หรือแม้แต่ เดแคลน ไรซ์ ที่เคยเป็นเด็กปั้นของ เชลซี มาก่อน

สถานการณ์นั้นชี้ว่า... "ล้มเหลวที่สโมสรหนึ่ง ไม่ได้แปลว่าล้มเหลวในอาชีพ"

โนนี่ มาดูเอเก้ อาจไม่ได้ย้ายมาพร้อมเสียงปรบมือดังลั่นเหมือนคนอื่น และเป็นดีลที่หลายคนตั้งคำถาม แต่การตอบคำถามที่ดีที่สุด คือผลงานในสนามที่จะทำให้ทุกคนลืมไปว่าเคยมีคำถาม



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})