วันที่ (เกือบ) สมบูรณ์แบบ

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
อาร์เซน่อล ส่งสัญญาณลุ้นแชมป์ด้วยการเก็บชัยชนะสวยงามเหนือ ลีดส์ ยูไนเต็ด 5-0 ในการเล่นในบ้านนัดแรกของฤดูกาล

มิเกล อาร์เตต้า พาทีมออกสตาร์ตด้วย 6 คะแนนเต็มจาก 2 นัด หลังจากสัปดาห์แรกบุกชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0 ถึงโอลด์ แทร็ฟฟอร์โ

เกมถล่มยูงทองนัดล่าสุดกลายทำให้บ่ายวันเสาร์ตามเวลาในอังกฤษมีบรรยากาศชื่นมื่นอย่างมาก

ข่าวดีอย่างแรกตั้งแต่ก่อนเกมคือ ปาดหน้าคู่แค้น สเปอร์ส คว้าตัว เอเบเรชี่ เอเซ่ แข้งตัวเก่งของ คริสตัล พาเลซ มาร่วมทีมได้สำเร็จ

เอเซ่ เปิดตัวในเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ด้วยการเดินออกจากอุโมงค์พร้อมทักทายแฟนบอลที่ยืนปรบมือต้อนรับการกลับบ้านของเจ้าตัวอีกครั้ง หลังเคยถูกปล่อยออกจากสโมสรเมื่อ 14 ปีก่อนตอนเป็นเยาวชน

นี่คือการย้ายทีมที่แฟนบอลปืนใหญ่ทุกคนมีความสุขมากเพราะได้เห็น เอเซ่ เดินตามความฝันของตัวเองได้สำเร็จด้วยการเซ็นสัญญากับทีมที่เชียร์มาตั้งแต่เด็กอีกครั้ง

เอเซ่ ยังไม่พร้อมลงสนามในเกมเมื่อวันเสาร์ แต่แค่ได้เปิดตัวต่อหน้าแฟนบอลในสนามก็ทำให้ทุกคนอิ่มเอมใจและภูมิใจอย่างมากแล้ว


ขณะที่เกมรับมือ ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่เลื่อนชั้นคืนสู่พรีเมียร์ลีกอีกครั้งก็จบลงด้วยชัยชนะที่ขาดลอย และมีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้นมากมาย

นี่คือเกมในบ้านนัดแรกของฤดูกาลที่แฟนบอลอยากเห็นการเริ่มต้นด้วย 3 คะแนน ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง

อาร์เซน่อล สมควรเป็นผู้ชนะในเกมนี้อย่างไม่ต้องสงสัยเพราะทำผลงานได้ดีกว่า และสร้างโอกาสเยอะกว่า ขนาด ดาเนียล ฟาร์เค่ กุนซือ ลีดส์ ยังยอมรับในความปราชัยของทีมตนเอง

ลีดส์ ทำได้ดีช่วงสั้นๆ ระหว่างนาที 15 ถึง 30 และเกือบนำก่อนในนาที 20 จากลูกโหม่งเต็มศีรษะของ ปาสกาล สเตราส์ แต่ ดาวิด ราย่า ซูเปอร์เซฟปัดข้ามคานหวุดหวิด

จังหวะเซฟนี้ของ ราย่า สำคัญมากเพราะช่วยให้ อาร์เซน่อล ไม่เสียประตูไปก่อนซึ่งอาจทำให้เกมในสนามไม่ออกมาอย่างที่เห็น 

ในนัดเปิดฤดูกาลที่บุกชนะปีศาจแดง ราย่า ก็เซฟช่วยทีมไปหลายครั้งจนคว้าตำแหน่งแมน ออฟ เดอะ แมตช์ และผลงานนัดล่าสุดนี้ก็ทำให้เก็บคลีนชีตได้ตลอด 2 นัดแรก ส่งสัญญาณชัดเจนว่ามีลุ้นรางวัลถุงมือทองคำเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน

แต่หลังจาก อาร์เซน่อล ทำประตูขึ้นนำ 1-0 จากทีเด็ดลูกเตะมุมที่ เดแคลน ไรซ์ เปิดให้ เจอร์เรียน ทิมเบอร์ โขกเสียบตาข่าย อาร์เซน่อล ก็คอนโทรลทุกอย่างเอาไว้ได้หมด 


ลีดส์ ก็ไม่มีโอกาสได้ง้างยิงอีกเลย ถ้านับเวลาเป๊ะๆ ก็นาน 70 นาทีเต็มจนจบเกม (ไม่รวมทดเจ็บ) ที่ไม่ได้ลุ้นอีกนับจากลูกโหม่งติดเซฟของ สเตราส์

ช่วงทดเจ็บครึ่งแรก อาร์เซน่อล เพิ่มความอุ่นใจก่อนพักเบรกด้วยการยิงเพิ่มลูกสอง ทิมเบอร์ เปลี่ยนบทบาทมาแอสซิสต์บ้าง ไหลบอลเข้าเขตโทษให้ บูคาโย่ ซาก้า สลัดหนีกองหลังเข้าตะบันด้วยขวาแสกหน้าผู้รักาประตูอย่างสะใจ

โมเมนต์ที่แฟนบอลรอคอยเกิดขึ้นในต้นครึ่งหลังกับประตูแรกของ วิคตอร์ โยเคเรส

ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ เบิ้ลบอลโด่งจากแดนตัวเองให้ โยเคเรส หลุดขึ้นทางซ้ายก่อนลากเข้าเขตโทษหลบผู้เล่นทีมเยือน 2 คนแล้วยิงหักข้อเข้าเสาแรกอย่างเด็ดขาด

เสียงเฮในเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ดังกระหึ่มอย่างไม่ต้องสงสัย ทุกคนต่างรอคอยประตูแรกในสีเสื้อ อาร์เซน่อล ของหัวหอกคนใหม่

โยเคเรส ทำได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นลูกยิงที่แสดงให้เห็นคุณภาพซึ่งเขาทำได้บ่อยครั้งตอนสร้างชื่อกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ตลอด 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา

ทุกอย่างอยู่ในการคอนโทรลมากขึ้นเมื่ออีกไม่กี่นาทีถัดมา ทิมเบอร์ เก็บตกจังหวะขลุกขลิกจากลูกเตะมุม ด้วยการดีดระยะเผาขนตุงตาข่ายเป็น 4-0 และเป็นประตูที่สองในเกมนี้ของกองหลังชาวดัตช์


เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ปลอดภัยเรียบร้อยดี มิเกล อาร์เตต้า ก็เปิดโอกาสให้ แม็กซ์ ดาวแมน ดาวโรจน์ดวงใหม่ได้ประเดิมสนามพรีเมียร์ลีกในช่วงเกือบครึ่งชั่วโมงสุดท้าย

เกมในบ้านนัดแรกที่สกอร์นำห่าง ขณะที่คู่แข่งก็ไม่ได้เล่นเพรสซิ่งหนัก หรือเข้าฟาวล์รุนแรง มันดูเหมาะสมอย่างที่สุดแล้วกับการให้เด็กอายุ 15 ปีได้ลงสนาม

ดาวแมน ไม่เพียงแต่กลายเป็นแข้งอายุน้อยสุดตลอดกาลอันดับ 2 ที่ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกด้วยวัย 15 ปี 235 วันซึ่งเป็นรอง อีธาน วาเนรี่ อีกหนึ่งผลผลิตจากเฮลเอนด์เพียงคนเดียว แต่ยังทำผลงานได้เข้าตาอีกด้วย

ในช่วงปรีซีซั่นที่ผ่านมา ดาวแมน ได้รับคำชมอย่างมากกับลีลาการเล่นที่น่าตื่่นตาตื่นใจ กล้าเลี้ยงกล้าลุย และเมื่อฤดูกาลจริงเปิดฉาก เขาก็ทำได้เห็นอีกครั้งว่าไม่ได้โดดเด่นแค่เกมอุ่นเครื่อง

ดาวแมน ป่วนเกมรับฝั่งซ้ายของ ลีดส์ ได้อย่างต่อเนื่อง และได้ลุ้นยิง 2 ครั้ง ก่อนปิดท้ายด้วยการเรียกจุดโทษในช่วงทดเจ็บให้กับทีม

ไม่มีใครเหมาะสมที่จะยิงประตูปิดงานได้เท่ากับ โยเคเรส อีกแล้ว ประตูแรกคือการปลดล็อก ประตูที่สองคือการตอกหมุดการเริ่มต้นอาชีพใหม่กับ อาร์เซน่อล อย่างเป็นทางการ และยังถือว่าได้เรียกความมั่นใจก่อนเกมใหญ่นัดต่อไปที่ต้องบุกเยือน ลิเวอร์พูล 


ที่สะใจไม่แพ้กันคือ เยอเคเรส ฉลองประตูด้วยการวิ่งมาเสยผมต่อหน้ากล้อง เป็นการ "หยอก" คืนพวกวิจารณ์ที่เล่นเขาไว้เยอะเช่นกันหลังเปิดตัวไม่ดีไร้สกอร์ในนัดแรก บางคนถึงขั้นแซงว่าทำสถิติเสยผมมากกว่าสัมผัสบอล

ประตูของ โยเคเรส ไม่เพียงแต่ปิดท้ายสวยงาม แต่ยังเป็นประตูที่ส่งให้ อาร์เซน่อล ปาดหน้า สเปอร์ส (อีกแล้ว) ด้วยการแซงนำจ่าฝูงแบบไม่ต้องพึ่งพาตัวอักษร 

เรียกได้ว่าสร้างความชอกช้ำใจให้คู่อริต่อเนื่องจากดีลของ เอเซ่ กันเลยทีเดียว 

อย่างไรก็ตาม ชัยชนะล่าสุดของ อาร์เซน่อล ที่มีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้นมากมายซึ่งรวมถึงผลงานของแข้งใหม่อย่าง โนนี่ มาดูเอเก้ และ มาร์ติน ซูบีเมนด้วย กลับไม่สามารถพูดได้เต็มว่าเป็นวันที่สมบูรณ์แบบ

นั่นเพราะอาการบาดเจ็บของสองตัวหลักอย่าง มาร์ติน โอเดการ์ด และ บูคาโย่ ซาก้า

โอเดการ์ด เจ็บหัวไหล่หลังถูกเบียดล้ม แม้ฝืนเล่นต่อได้ แต่สุดท้ายก็ถูกเปลี่ยนออกตั้งแต่ยังไม่จบครึ่งแรก

ขณะที่ ซาก้า ก็เจ็บกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลังขาซ้าย จากจังหวะวิ่งเลี้ยงบอลแล้ว "จี๊ด" ขึ้นมาเอง ภาษาบ้านๆ เรียกว่า "วิ่งๆ อยู่ ปึดขึ้นเลย"


อาร์เซน่อล ต้องสแกนอาการบาดเจ็บของทั้งคู่อย่างละเอียดเพื่อทราบให้แน่ชัดว่ารุนแรงแค่ไหน และต้องพักรักษาตัวนานเพียงใด 

อาการบาดเจ็บของ โอเดการ์ด และ ซาก้า ซึ่งฤดูกาลที่แล้วก็เคยเจ็บหนักกันทั้งคู่ ถือเป็นเรื่องน่ากังวลใจไม่น้อยเพราะโปรแกรมของ อาร์เซน่อล หนักเอาเรื่องในช่วงต้นฤดูกาล นัดต่อไปก็คือการไปเยือนแอนฟิลด์ของแชมป์เก่า ลิเวอร์พูล 

ในหลายฤดูกาลหลังที่พลาดแชมป์ สาเหตุสำคัญไม่ใช่แค่คู่แข่งทำผลงานได้ดีกว่า แต่เป็น อาร์เซน่อล ที่โชคร้ายเองด้วยกับปัญหาบาดเจ็บของผู้เล่นตัวหลัก 

อาร์เซน่อล มีทุกอย่างพร้อมแล้วสำหรับการลุ้นแชมป์ เหลือเพียงสิ่งเดียวนี่แหละที่จะคอยฉุดรั้งความฝันของพวกเขาอีกหรือไม่


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด