ปิเอโร่ อินกาปีเก้ ยกระดับรุก-รับปืนไปอีกขั้น

ปิเอโร่ อินกาปีเก้ ย้ายร่วมทีม อาร์เซน่อล ในวันสุดท้ายของตลาดนักเตะ และกลายเป็นแข้งใหม่รายที่ 8 ของทีมประจำซัมเมอร์นี้
เพื่อทำความรู้จักกับแข้งเอกวาดอร์คนแรกในประวัติศาสตร์สโมสรให้มากขึ้น หนึ่งในคนทำหน้าที่นี้ได้ดีสุดคือ ฟิลลิป อาเรนส์ นักข่าวของ บิลด์ ที่เกาะติด เลเวอร์คูเซ่น มาตั้งแต่ปี 2008
อินกาปีเก้ เซ็นสัญญากับ เลเวอร์คูเซ่น ในปี 2021 และยิงประตูแรกในศึกยูโรปา ลีก ที่สนามเซลติก พาร์ก ในเกมที่ทัพห้างยาบุกอัดยอดทีมจากสกอตแลนด์อยู่หมัด 4-0
"เขาคือคนที่ทำให้เซลติก พาร์กเงียบสนิท" อาเรนส์ ย้อนความหลังถึงค่ำคืนเมื่อเกือบ 4 ปีก่อน
"ตอนนั้นมีแต่พวกแมวมองอเมริกาใต้เท่านั้นแหละที่รู้จักชื่อเขา แต่มันก็ชัดเจนเลยว่านี่คือดีลตามแบบฉบับของ เลเวอร์คูเซ่น พวกเขาเก่งเรื่องหานักเตะดาวรุ่งจากตลาดอเมริกาใต้มาก และพูดตั้งแต่แรกแล้วว่า 'เรามองเห็นบางอย่างที่ดีมากในตัวเขา' ซึ่งเขาก็แสดงให้เห็นเร็วมากจริงๆ"
สยบเสียงเชียร์ในเซลติก พาร์ก
แต่เส้นทางของ อินกาปีเก้ ก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป การย้ายข้ามทวีปตั้งแต่วัยรุ่น แถมต้องออกจากบ้านตั้งแต่อายุแค่ 14 เพื่อไล่ล่าความฝัน มันไม่ง่ายเลย โดยเฉพาะอุปสรรคเรื่องภาษา
"เขาเคยไม่กล้าตามนัดทำกายภาพบำบัด เพราะกลัวว่าตัวเองกับนักกายภาพจะสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง เขาเลยบอกว่า 'งั้นผมเอาน้ำแข็งประคบเองก็ได้' แต่สุดท้ายก็เรียนรู้ทั้งอังกฤษและเยอรมันจนได้"
"ปิเอโร่ เป็นคนที่ยอดเยี่ยมจริงๆ แฟนบอลที่นี่เคารพเขามาก เพราะเขาเล่นแบบทุ่มเทเต็มร้อยทุกนัด"
ในฤดูกาลแรกกับ เลเวอร์คูเซ่น อินกาปีเก้ ลงสนาม 33 นัดรวมทุกรายการ ทำได้ 2 ประตู และ 4 แอสซิสต์ พาทีมจบอันดับ 3 คว้าตั๋วไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
เลเวอร์คูเซ่น เริ่มต้นไม่ดีในฤดูกาลต่อมาที่แพ้ถึง 5 จาก 8 นัดแรก เกราร์โด้ เซโออาเน่ จึงถูกปลดหลังพ่ายยับต่อ บาเยิร์น มิวนิค 0-4 และเป็น ชาบี อลอนโซ่ เข้ามารับหน้าที่แทน โดยที่ อินกาปีเก้ ยังคงเป็นแกนหลักของทีมเหมือนเดิม
จุดแข็งของเขาคือ ความหลากหลาย ไม่ว่าจะยืนเซ็นเตอร์แบ็กหรือแบ็กซ้าย ในหลายระบบที่แตกต่างกัน อาเรนส์ มองว่านี่คือคุณสมบัติที่ มิเกล อาร์เตต้า จะต้องชื่นชอบแน่นอน
"เขาเร็วมาก ดุดันในแบบที่ควบคุมได้ และสามารถเติมเกมบุกได้ดี เปิดบอลเยี่ยม แถมเล่นได้หลายตำแหน่ง" นักข่าว บิลด์ กล่าว
เป็นกำลังสำคัญห้างยาในยุค ชาบี อลอนโซ่
"ความยืดหยุ่นของเขานี่แหละที่ทำให้เขาโดดเด่น ปราการหลังฝั่งซ้ายหายากมาก ยิ่งเป็นแบ็กซ้ายที่ขยับขึ้นสูงหรือสอดไปริมเส้นได้ก็ยิ่งน่าสนใจ แน่นอนว่าเขาไม่ใช่ปีก แต่ อลอนโซ่ เคยให้เขาเล่นในบทบาทที่รุกจัดๆ และเขาก็เล่นลูกกลางอากาศได้ดีมาก"
"อลอนโซ่ แฮปปี้กับพัฒนาการของเขามาก เขาเล่นได้ทั้งแผงหลัง 3 คน หรือ 4 คน เรียกว่าครอบคลุมพื้นที่ฝั่งซ้ายหมดเลย และกองหลังถนัดซ้ายคุณภาพแบบนี้ หายากจริงๆ เชื่อเลยว่าแฟนๆ จะได้เห็นลูกเปิดสวยๆ จากเขาแน่นอน"
ตัวเลขจากฤดูกาลล่าสุดยืนยันได้เป็นอย่างดี อินกาปีเป้ เป็นผู้เล่นที่พาบอลขึ้นหน้าด้วยการลากเลื้อยรวมระยะ 3,223 เมตร (สูงเป็นอันดับ 2 ของกองหลังในบุนเดสลีกา), ชนะการแท็กเกิลถึง 77% (อันดับ 5 ของลีก) และชนะแท็กเกิลรวม 165 ครั้ง (อันดับ 5 ของลีกอีกเช่นกัน)
อินกาปีเก้ จะสวมเสื้อเบอร์ 5 ในการลงสนามให้ อาร์เซน่อล ซึ่งหมายเลขนี้มีความหมายมากสำหรับเขา
"มันน่าสนใจมากที่เขาเลือกเบอร์ 5 เพราะนี่คือหมายเลขของ "ไกเซอร์ฟรานซ์" ฟรานซ์ เบ็คเคนเบอเออร์ และเขาก็ถูกเรียกว่า 'El Kaiser' ทั้งในเยอรมนีและในเอกวาดอร์
"มันน่าสนใจนะที่เขาได้รับเกียรติถึงขนาดนั้น พอเขาเล่นได้ดีมากๆ เราก็ไปถาม อลอนโซ่ ว่าคิดยังไงกับฉายานี้ เขาตอบว่า 'สำหรับผม เขาไม่ใช่จักรพรรดิ เขาคือนักรบ' "
"ชาบี มองเขาเหมือนลูกชายคนหนึ่ง และ ปิเอโร่ เองก็ผูกพันกับ ชาบี อย่างมาก"
ขึ้นสู่จุดสูงสุดกับ เลเวอร์คูเซ่น
ผลงานกับสโมสรและทีมชาติของ ปิเอโร่ ก็เริ่มเป็นที่พูดถึงไปทั่วโลกหลังจากโชว์ฟอร์มเด่นในฟุตบอลโลก 2022 และเตรียมลุยฟุตบอลโลก 2026 ในปีหน้าอีกครั้งหลังคว้าตั๋วเข้ารอบสุดท้ายได้เป็นที่เรียบร้อย
เขาติดทีมยอดเยี่ยมศึกโกปา อเมริกา 2024 ซึ่งตามหลังฤดูกาลประวัติศาสตร์ของ เลเวอร์คูเซ่น ที่ลงสนาม 43 จาก 53 นัดในทุกรายการ พาทีมคว้าดับเบิลแชมป์ ทั้งบุนเดสลีกาและเดเอฟเบ โพคาล และไร้พ่ายยาวนานจนถึงเกมรองสุดท้ายที่พ่าย อตาลันต้า 0-3 ในนัดชิงยูโรปา ลีก
"ผมคิดว่าแฟนบอลของคุณจะรักเขาแน่นอน เพราะเขาทำให้นึกถึงนักเตะอังกฤษยุค 80 ดุดัน มั่นใจ เข้าบอลแฟร์ และแทบไม่เสียบอลเลย" อาเรนส์ ทิ้งท้าย
"เขาเป็นคนที่ทั้งเพื่อนร่วมทีมและแฟนบอลรักจริงๆ ประตูที่เขายิงใส่ ไลป์ซิก ในฤดูกาล 2023/24 ก็สำคัญมาก และมันก็เหมือนเป็นจุดเริ่มต้นของช่วงเวลาแห่งชัยชนะหลายๆ นัดหลังจากนั้นด้วย"
"ฤดูกาลนั้นมันสุดยอดจนยากจะเลียนแบบเพราะการไร้พ่ายทั้งฤดูกาลมันแทบเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว เขาจะถูกจดจำในประวัติศาสตร์สโมสรแน่นอนกับการเป็นหนึ่งในขุนพลดับเบิลแชมป์ และนั่นแหละที่ทำให้เขาเป็นตำนาน"