'มาร์ติเนลลี่'ซูเปอร์ซับอีกแล้ว

นี่เป็นเกมที่สองติดต่อกันที่ มาร์ติเนลลี่ สร้างความแตกต่างได้ในฐานะซูเปอร์ซับ หลังถูกเปลี่ยนตัวลงยิงประตูและแอสซิสต์ในถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่เอาชนะ แอธเลติก บิลเบา 2-0 เมื่อกลางสัปดาห์
ตอนหลังจบเกมที่สเปน มิเกล อาร์เตต้า กล่าวว่ากลุ่มนักเตะที่ลงมาเปลี่ยนเกมอาจสำคัญกว่าตัวจริง และเน้นย้ำขนาดว่าจะไม่เรียก "Substitutions (ตัวสำรอง)" แต่ขอเรียกว่า "Finishers (ตัวปิดเกม ตัวชี้ขาด หรือ อาวุธเด็ด) และสิ่งนั้นก็เกิดขึ้นอีกครั้งที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม
แมนฯ ซิตี้ ที่ยึด 11 ตัวจริงลงเล่นเป็นนัดที่ 3 ติดต่อกันเป็นฝ่ายฉวยโอกาสออกนำจากการเล่นโต้กลับอันเฉียบขาด ทิจจานี่ ไรน์เดอร์ส พาบอลถึงหน้าเขตโทษก่อนดีดให้ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ จับแล้วซัดผ่าน ดาบิด ราย่า อย่างเยือกเย็น
อาร์เซน่อล พยายามอย่างหนักในครึ่งหลังเพื่อหาโอกาสตีเสมอ และความพยายามก็มาสำเร็จในนาทีที่ 90+3 จากการประสานงานกันของสองตัวสำรอง เอเบเรชี่ เอเซ่ ตักบอลข้ามแผงหลังทีมเยือนให้ มาร์ติเนลลี่ หลุดไปกระดกบอลข้าม จานลุยจิ ดอนนารุมม่า เข้าประตูอย่างเหนือชั้น
ในการจัดตัวเริ่มเกม อาร์เตต้า เลือกใช้งานแดนกลางชุดเดิมจากเกมที่บิลเบาคือ มาร์ติน ซูบีเมนดี้, เดแคลน ไรซ์ และ มิเกล เมริโน่ แต่ "ปืนใหญ่" แทบไม่มีจังหวะลุ้นแบบจะแจ้งในครึ่งแรก
แผงมิดฟิลด์ชุดนี้เคยเป็นตัวจริงในเกมที่ อาร์เซน่อล แพ้ ลิเวอร์พูล 0-1 ซึ่งทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ว่า อาร์เตต้า "ระวังตัวเกินไป" หรือไม่เวลาต้องเจอกับทีมใหญ่
โดน ฮาแลนด์ สะกิดแผลก่อน
แฟนบอลในเอมิเรตส์เริ่มแสดงอาการไม่พอใจมากขึ้นเรื่อย ๆ กับการที่ทีมสร้างสรรค์โอกาสได้น้อย ต้องรอจนถึงนาที 32 กว่าจะมีโอกาสลุ้นยิงครั้งแรกจากลูกโหม่งในเขตโทษของ โนนี่ มาดูเอเก้ แต่ก็หลุดกรอบออกหลังไปพอสมควร
บูคาโย่ ซาก้า ที่เพิ่งหายเจ็บ และ เอเซ่ จึงถูกส่งลงตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง และทันทีที่ลงสนามก็ช่วยให้เกมรุกของ อาร์เซน่อล มีชีวิตชีวามากขึ้น และสามารถกดดัน แมนฯ ซิตี้ ต่อเนื่องได้เป็นระยะเวลานาน
ซูบีเมนดี้ มีจังหวะหวดเต็มข้อหลุดกรอบนิดเดียว ขณะที่ เอเซ่ ก็ได้ยิงให้ ดอนนารุมม่า ต้องออกแรงเซฟอีกครั้ง
แมนฯ ซิตี้มีโอกาสสร้างความอันตรายได้เช่นกันจากจังหวะสวนกลับ โดยมี เจเรมี่ โดกู ที่กำลังฟอร์มจี๊ด คอยปั่นป่วนเล่นงานเกมรับของ อาร์เซน่อล
แต่เข้าสู่ช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้าย เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็เลือกเล่นเกมรับแบบเต็มรูปแบบ ตัวรุกอย่าง ฟิล โฟเด้น ถูกถอดเพื่อให้ นาธาน อาเก้ ลงไปช่วยเกมรับ ตามด้วย ฮาลันด์ ที่ออกเช่นกัน และมี นิโก้ กอนซาเลซ ลงแทน
แมนฯ ซิตี้ เลือกเล่นหลัง 5 เพื่อรักษาสกอร์นำให้ได้ ขณะที่ อาร์เซน่อล ส่งตัวรุกเพิ่มไปอีกคือ มาร์ติเนลลี่ และถอดตัวรับอย่าง ยูร์เรียน ทิมเบอร์ ออก
สุดท้ายความพยายามของ อาร์เซน่อล ไม่สูญเปล่า แมนฯ ซิตี้ เผลอดันไลน์สูงขึ้นมานิดเดียว เอเซ่ ก็มองหาพื้นที่ว่างด้านหลังและเปิดบอลให้ มาร์ติเนลลี่ ยิงประตูได้สำเร็จ
ตามตีเสมอได้จากสองซูเปอร์ซับ
จากผลงานนี้ อาร์เตต้า ยังรักษาสถิติไร้พ่ายติดต่อกัน 5 นัดในการเจอกับอดีตเจ้านายอย่าง เป๊ป และก็เป็นครั้งแรกในชีวิตกุนซือของ เป๊ป ที่คุมทีมไม่ชนะทีมเดิมติดต่อกันนาดขนาดนี้
อย่างไรก็ตาม แม้ อาร์เซน่อล ได้ชัยชนะในเกมกับ บิลเบา รวมถึงตามตีเสมอ แมนฯ ซิตี้ ได้ แต่สิ่งที่ อาร์เตต้า ถูกวิจารณ์เหมือนกันคือเริ่มเกมช้า เพลย์เซฟมากไป และต้องรอให้ตัวสำรองลงมาช่วยเปลี่ยนเกม
ในตอนเปลี่ยนเกมเมื่อเริ่มครึ่งหลัง เมรีโน่ คือคนที่ถูกถอดออกเพื่อให้ เอเซ่ ลงมาเล่นเป็นตัวสร้างสรรค์เกมตรงกลาง ขณะที่ ซาก้า ก็ลงแทน มาดูเอเก้ ที่มีอาการบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ อาร์เตต้า ยืนยันว่าการเปลี่ยนตัวไม่ใช่การยอมรับว่าเขาจัดทีมผิดพลาดตั้งแต่ต้น
"ไม่ใช่เลย มันง่ายเกินไปถ้าจะสรุปแบบนั้น เรารู้ชัดเจนดีว่าเราต้องการเล่นแบบไหนตั้งแต่ต้นเกม" อาร์เตต้า กล่าว
"เราทำได้ดีมากตอนเริ่มเกม ผมคิดว่าเราครองเกมไว้ได้หมด พวกเขา (แมนฯ ซิตี้) มาได้ประตูจากจังหวะที่แทบไม่ได้ทำอะไรเลยก่อนหน้านั้น แล้วเราก็เป๋ไปนิดหน่อยประมาณ 5 ถึง 7 นาที"
"แต่หลังจากนั้น เราก็ควบคุมเกมกลับมาได้อีกครั้ง และเริ่มกลับไปเล่นตามแผน"
"ครึ่งหลังมันก็เป็นการเล่นต่อเนื่องจากครึ่งแรกนั่นแหละ แค่เปลี่ยนผู้เล่นไปคนหนึ่ง แล้วก็ค่อย ๆ ปรับอีกสองหรือสามคน"
สำหรับ มาร์ติเนลลี่ กับประตูในช่วงทดเจ็บนี้ก็แสดงให้เห็นชัดเจนว่ายังเร็วเกินไปที่จะตัดชื่อเขาออกจากแผนการระยะยาวของ อาร์เซน่อล
ราย่า วิ่งมาเฮกับ เอเซ่ ที่เปิดบอลนำไปสู่ประตู
แม้ฤดูกาลนี้เขาจะหลุดจากตำแหน่งตัวจริง โดยออกสตาร์ตเพียง 2 จาก 6 นัดในลีก แต่ผลงานล่าสุดเป็นเครื่องยืนยันว่า เขายังมีบทบาทสำคัญเมื่ออยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุด
ธีโอ วัลค็อตต์ อดีตปีก อาร์เซน่อล กล่าวชมรุ่นน้องในตำแหน่งเดียวกันว่าตอบสนองได้ดีกับสถานการณ์ของตัวเองที่หลุดตัวจริงช่วงหลัง
"คุณมีทางเลือกแค่สองทาง จะนั่งเฉย ๆ แล้วมัวแต่น้อยใจ หรือหันกลับมามองตัวเองว่าจะตอบสนองกับสถานการณ์ตรงหน้ายังไง”
"ผมคิดว่าเขาไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อนกับการถูกกดดันอย่างต่อเนื่องในตำแหน่งของตัวเอง เขาเคยหลุดเป็นสำรองบ้างก็จริงในช่วงที่ผ่านมา แต่ฤดูกาลก่อนเขาเป็นตัวจริงแทบทุกเกม"
"ปีนี้เขาต้องยอมรับว่ามีทั้งได้ลงและไม่ได้ลง แต่วิธีที่เขารับมือกับมันนั้นถูกต้อง เพราะเขาเป็นคนที่ขยันและไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ"
"สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดคือ 'จังหวะจบสกอร์' ที่เฉียบขาด แต่มากกว่านั้นคือ ‘ทัศนคติ’ ของเขา ที่ยังสู้ ไม่ถอดใจ ซึ่งสำคัญมาก เพราะนักเตะบางคนพอหลุดตัวจริงก็มักถอดใจไปเลยW
มาร์ติเนลลี่ คือหนึ่งในนักเตะที่สปีดเร็วที่สุดในพรีเมียร์ลีก และทั้งสองประตูที่ทำได้ในสัปดาห์นี้ ต่างมาจากการใช้จุดเด่นที่ตัวเองคือวิ่งทะลุแนวรับคู่แข่งเข้าไปทำประตู
เจ้าตัวให้สัมภาษณ์ว่า "ผมซ้อมมาเพื่อช่วงเวลาแบบนี้ การเลือกตัวเป็นหน้าที่ของโค้ช ผมแค่ทำหน้าที่ของตัวเองเพื่อช่วยสโมสร"
"แน่นอน ผมไม่อยากนั่งอยู่บนม้านั่งสำรอง ผมอยากลงเล่นเต็ม 90 นาทีทุกเกม แต่โค้ชรู้ดีว่าเขากำลังทำอะไร และพวกเราก็ไว้ใจเขา"
ผลเสมอนัดนี้ทำให้ อาร์เซน่อล ตามหลังจ่าฝูง ลิเวอร์พูล เพิ่มเป็น 5 คะแนน หลังผ่านโปรแกรม 5 นัดแรก
ตัวสำรองพลิกเกมให้ทีมได้อีกครั้ง แต่มันคงดีกว่าหากเปลี่ยนจากผลการแข่งขันจาก 'เสมอ' เป็น 'ชนะ' ไม่ใช่เอาตัวรอดจากความ 'พ่ายแพ้' ต่อหน้าแฟนบอลตัวเอง