คุณภาพต้องแบบนี้

จบในแบบที่ควรนั่นคือ อาร์เซน่อล เป็นฝ่ายเก็บ 3 คะแนนกลับออกจากรังเซนต์ เจมส์ พาร์ค ได้สำเร็จ
อาร์เซน่อล คู่ควรกับการเป็นผู้ชนะในเกมนี้โดยเฉพาะความพยายามที่ทุ่มเทลงไปแม้หลายสิ่งหลายอย่างไม่เป็นใจในตอนแรก
ทีมปืนใหญ่ควรได้จุดโทษในจังหวะปัญหาต้นครึ่งแรกที่ วิคตอร์ โยเคเรส หลุดไปแตะบอลหนี นิค โป๊ป ได้แล้วก่อนหัวเข่าปะทะกัน ผู้ตัดสิน จาร์เร็ด จิลเล็ตต์ เป่าจุดโทษแล้ว แต่กลับเปลี่ยนใจตามคำแนะนำของ วีเออาร์ ที่นำโดย ดาร์เรน อิงแลนด์ ก่อนชี้ขาดใหม่ว่าบอลโดนเท้า โป๊ป แล้วจึงชนกัน ดังนั้นเลยเป็นการเล่นบอลของนายทวาร นิวคาสเซิ่ล (ซะงั้น)
เป็นการชี้ขาดที่ "อีหยังวะ" กันทั้งโลกเพราะแม้กฎอาจเขียนไว้อย่างนั้นจริง แต่เหตุการณ์แบบนี้ส่วนใหญ่ 95% จะเป็นการฟาวล์และจุดโทษเท่านั้น เพราะการปะทะกันที่เกิดขึ้นทำให้ผู้เล่นฝ่ายรุกหมดโอกาสลุ้นทำประตู
นี่จึงเป็นอีกครั้งที่การตัดสินของกรรมการพรีเมียร์ลีกถูกตั้งคำถามถึงมาตรฐานอย่างมาก บางครั้งก็เคร่งกฎ บางครั้งทำหูหนวกตาบอดไม่สนใจอะไร วันนี้ชี้เป็นนก พรุ่งนี้อาจเป็นไม้ก็ได้ หาความสม่ำเสมอไม่ได้เลย
แต่สิ่งที่ต้องชม อาร์เซน่อล คือการตั้งหน้าตั้งตาเล่นต่อไป แม้หัวร้อนหงุดหงิดจากการตัดสินแบบค้านสายตา
มิเกล อาร์เตต้า พาทีมเยือนรังสาลิกาแบบหวังถึง 3 คะแนน และจัดตัวเน้นเกมรุกถอด มิเกล เมรีโน่ ออกแล้วส่ง เอเบเรชี่ เอเซ่ ปั้นเกมตรงกลาง
จังหวะนี้ยังไงก็ต้องจุดโทษ
ก่อนหน้านี้ แดนกลาง 3 คนที่เป็น เดแคลน ไรซ์, มาร์ติน ซูบีเมนดี้ และ เมรีโน่ ถูกวิจารณ์ว่าสไตล์คล้ายกันไปหน่อย ทำให้แดนกลางขาดมิติในเกมรุก และเล่นค่อนข้างระวังตัว ไม่มีตัวคอยสร้างสรรค์เกม หรือจ่ายบอลแบบกล้าได้กล้าเสีย
แต่เมื่อเปลี่ยนเป็น เอเซ่ แล้วเห็นได้ชัดว่าเกมรุกมีความอันตรายขึ้นอย่างมาก สามารถโจมตี นิวคาสเซิ่ล ได้อย่างต่อเนื่อง
เอเซ่ มีเซนซ์ฟุตบอลที่สุดยอดอยู่แล้ว เขาช่วยสร้างจังหวะดี ๆ ได้หลายครั้ง และยังหาตำแหน่งลุ้นยิงประตูเองได้ดีเยี่ยม
เขาน่าจะมี 2 ประตูในเกมนี้จากโอกาสยิง 4 ครั้ง แต่ นิค โป๊ป ซูเปอร์เซฟเอาไว้ได้ และก็น่าจะได้แอสซิสต์ด้วยตอนจ่ายให้ เยอเคเรส ยิงติดบล็อก
แม้เคยแพ้ นิวคาสเซิ่ล ที่เซนต์ เจมส์ พาร์ค มา 3 นัดติดต่อกันและยิงไม่ได้เลย แต่ อาร์เซน่อล ก็กล้าเล่นเกมรุกใส่เจ้าถิ่นตั้งแต่ต้น มีโอกาสคือเดินหน้าบุกตลอดทำให้มีจังหวะลุ้นยิงมากถึง 20 ครั้ง และน่าจะได้มากกว่า 2 ประตูด้วย
สถิติในเกมรุกหลายอย่างสะท้อนชัดเจนว่าตั้งใจเล่นเกมรุกจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายบอลในพื้นที่สุดท้าย 173 ครั้ง และเตะมุมอีก 12 ครั้ง
ได้สัมผัสบอลในเขตโทษคู่แข่ง 43 ครั้ง ซึ่งถือว่าเยอะมากเพราะขนาดวันที่พับสนามบุกใส่ แมนฯ ซิตี้ ยังไม่ได้จับบอลในเขตโทษมากเท่านี้ (39 ครั้ง)
การตัดสินที่ค้านสายตาของกรรมการ รวมถึงพลาดโดน นิวคาสเซิ่ล ยิงนำไปก่อนไม่ได้ทำให้ทีมเสียสมาธิ และยังโหมรุกมากยิ่งขึ้นในครึ่งหลังที่ปรับเกมทันทีถอด คริสเตียน มอสเกร่า ออกแล้วส่ง วิลเลียม ซาลีบา ลงมาคุมเกมรับ
เมรีโน่ งัดกฎยิงประตูทีมเก่ามาใช้
เมื่อ นิวคาสเซิ่ล เปลี่ยนตัวส่งผู้เล่นเกมรับลงไปเพิ่ม อาร์เตต้า ก็แก้คืนด้วยการส่ง เมรีโน่ ลงแทน คาลาฟิออรี่ ซึ่งถือว่าเพิ่มเกมรุก จากนั้นเติมเกมรุกเพิ่มไปอีกคือ โอเดการ์ด แทน ซูบีเมนดี้
ในช่วงที่อัดเต็มพิกัด อาร์เซน่อล มีผู้เล่นถึง 7 คนคอยเล่นเกมรุก เมรีโน่ เหมือนเล่นหน้าคู่กับ โยเคเรส ส่วน โอเดการ์ด, เอเซ่ และ มาร์ติเนลลี่ ก็คอยหนุนแถวสอง ด้านข้างมี ทิมเบอร์ กับ ทรอสซาร์
การโหมเกมรุกมากขึ้นเพื่อเอาประตูคืนให้ได้ทำให้มีสัดส่วนครองบอลเพิ่มจาก 55% ในครึ่งแรก เป็น 73% ในครึ่งหลัง และในช่วงทดเจ็บ 5 นาทีแรก ตัวเลขพุ่งไปถึง 89% เลยทีเดียว
หลังได้ประตูตีเสมอในนาที 84 ก็ดีใจเพียงเล็กน้อย และรีบเอาบอลมาตั้งเตะให้เร็วที่สุดเพื่อเดินหน้าเอาประตูชัยให้ได้ และก็ทำสำเร็จในช่วงทดเจ็บนาที 90+6
กาเบรียล มีส่วนกับจังหวะปัญหาเกือบทุกช็อต ไม่ว่าจะเป็นประตูแรกที่ทิ้งตัวง่ายไปหน่อยเพราะคิดว่าจะได้ฟาวล์ สุดท้ายเลยโดย นิค โวลเทมาเดอ โขกง่ายๆ จากนั้นก็มีแถมนอกเกมใส่หัวหอกร่างโย่ง รวมไปถึงบล็อกลูกยิงของ แอนโธนี่ เอลังก้า ที่เกือบเสียจุดโทษ แต่ดีที่บอลแฉลบขาก่อนโดนมือ
สุดท้าย ปราการหลังทีมชาติบราซิลแก้ตัวจากทุกความวุ่นวายทั้งหมดด้วยการโหม่งประตูชัยให้ทีมเก็บ 3 คะแนนที่สำคัญสุดๆ เอาไว้ได้
"โมเมนต์แบบนี้แหละ! นี่แหละคือสิ่งที่เราทำกัน เราเล่นได้เหลือเชื่อมาก ทั้งเรื่องฟอร์ม ความมุ่งมั่น และแนวทางที่เราแข่งขันกันในสนาม และสุดท้ายเราสมควรได้มากกว่าสิ่งที่เห็นในตอนแรก"
"ฟุตบอลบางครั้งมันก็ให้ในสิ่งที่คุณสมควรได้ และวันนี้มันเป็นแบบนั้นจริงๆ เรามีความสุขมากกับโมเมนต์นี้" อาร์เตต้า กล่าว
นี่คือเกมที่ความพยายามของ อาร์เซน่อล ไม่สูญเปล่า แม้มีจังหวะคาใจไม่ได้จุดโทษ แต่ก็ไม่เสียสมาธิและเดินหน้าต่อ ตั้งใจเล่นในแบบที่ควรต้องเล่นเพื่อยิงประตูให้ได้ และก็ทำได้ในที่สุด
"เราคุยกันก่อนเกมเรื่องการก้าวไปอีกระดับ ซึ่งในบางช่วงของฤดูกาล คุณจำเป็นต้องก้าวขึ้นไปให้ได้อีก และวันนี้ก็เป็นอีกครั้งที่เราต้องการสิ่งนั้น"
"โปรแกรมยากต่อเนื่องตั้งแต่เปิดฤดูกาลก็ยิ่งเพิ่มแรงกดดันเข้าไปอีก แต่ทีมของเรารับมือได้ตั้งแต่นาทีแรก ต้องชมพวกเขาอย่างมาก" อาร์เตต้า กล่าวต่อ
ชัยชนะนัดนี้ทำให้ อาร์เซน่อล กลับไปรั้งรองจ่าฝูงอีกครั้ง และตามหลัง ลิเวอร์พูล เพียงแค่ 3 คะแนนเท่านั้น ถือว่าผ่านโปรแกรมหนัก 6 นัดแรกได้ค่อนข้างดีกับการมี 13 คะแนน
"คุณต้องมีความนิ่ง และเหนือกว่าในเรื่องอารมณ์กับการเล่นในสนามแบบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ทุกอย่างเริ่มจะไม่เป็นใจ ทั้งความรู้สึกว่าคุณสมควรได้มากกว่านี้ บวกกับบางการตัดสิน แล้วคุณก็โดนยิงนำ"
"วิธีที่ทีมตอบสนองกลับมา วิธีที่เรายังเล่นในสไตล์ของตัวเอง สำหรับผม มันยอดเยี่ยมมาก" อาร์เตต้า ทิ้งท้าย
มีข้อดีมากมายเกิดขึ้นในเกมนี้ สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือการแก้ไขความผิดพลาดที่ผ่านมา และยกระดับการเล่นขึ้นมาได้โดยเฉพาะเกมรุกที่สามารถกดดันคู่แข่งได้ต่อเนื่อง
เป็นการเล่นที่เซตมาตรฐานขึ้นมาใหม่ และแสดงถึงจิตวิญญาณของผู้ชนะอย่างแท้จริงกับการยิง 2 ประตูท้ายเกมแซงชนะได้ ตอบโต้เสียงวิจารณ์ได้แบบไม่ต้องสงสัยอะไรกันอีก
นี่คือชัยชนะที่สำคัญที่สุดอีกนัดในฤดูกาลนี้อย่างไม่ต้องสงสัย เป็นชัยชนะที่มาพร้อมจากฟอร์มการเล่น หัวจิตหัวใจอันแข็งแกร่ง และความมุ่งมั่นของทุกคนในทีมซึ่งยิ่งจะทำให้เพิ่มความมั่นใจได้อย่างมากสำหรับช่วงที่เหลือของฤดูกาลนี้
ไปถึงแชมป์หรือไม่-ไม่รู้ แต่คุณภาพฟุตบอลแบบนี้แหละที่แฟนบอลอยากเห็น