เมื่อต้องไร้กัปตันอีกครั้ง

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
มาร์ติน โอเดการ์ด กลายเป็นผู้เล่น อาร์เซน่อล ที่โชคร้ายมากสุดในฤดูกาลนี้ เมื่อได้รับบาดเจ็บถึง 3 ครั้งจาก 7 นัดแรกในลีก

โอเดการ์ด บาดเจ็บครั้งแรกในเกมพบ ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่เจ็บหัวไหล่จนต้องเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 38 

เขากลับมาเล่นได้ในฐานะสำรองเกมเยือน ลิเวอร์พูล และได้ลงตัวจริงเกมถัดมากับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ทว่าก็เจ็บหัวไหล่ซ้ำอีกครั้งตั้งแต่ 18 นาทีแรก จนพลาดเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก นัดแรก กับ แอธ.บิลเบา และบิ๊กแมตช์ในลีกพบ แมนฯ ซิตี้

กัปตันทีมวัย 26 ปี หายเจ็บกลับมาเป็นสำรองในเกมเยือน นิวคาสเซิ่ล และเล่นเต็มเกมพบ โอลิมเปียกอส ในแชมเปี้ยนส์ ลีก 

ทุกอย่างเหมือนจะเข้าที่เข้าทางโดยเฉพาะฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยม มีจังหวะจ่ายบอล และสร้างสรรค์โอกาสสวยๆ หลายครั้ง

ทว่าฝันร้ายเกิดขึ้นอีกครั้งในเกมพบ เวสต์แฮม ก่อนเบรกทีมชาติที่ได้รับบาดเจ็บหัวเข่าต้องเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่ยังไม่จบครึ่งแรก 

อาการบาดเจ็บกระทบถึงทีมชาติด้วยเมื่อ โอเดการ์ด ไม่ได้ไปช่วยทีมชาตินอร์เวย์ทำศึกฟุตบอลโลก 2026 ขณะที่ บีบีซี รายงานในเวลาต่อมาว่าอาจต้องพักราว 4-6 สัปดาห์ 

สอดคล้องกัน มิเกล อาร์เตต้า ที่อัปเดตอาการเมื่อวันศุกร์ที่ 17 ตุลาคม ก่อนเกมที่ อาร์เซน่อล บุกเยือน ฟูแล่ม ในวันเสาร์นี้ 

"น่าจะใช้เวลาหลายสัปดาห์ เรายังไม่สามารถกำหนดวันที่ชัดเจนสำหรับการกลับมาลงสนามอีกครั้งได้" อาร์เตต้า กล่าว


โอเดการ์ด น่าจะพลาดช่วยทีม 7 นัดต่อจากนี้

"แต่เขากำลังฟื้นตัวได้ดี มันน่าเสียดายมาก กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาและอาการบาดเจ็บในฤดูกาลนี้ แต่ผมคิดว่าเขาน่าจะกลับมาได้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า"

"อาจจะหลังเบรกทีมชาติรอบหน้า แต่เราต้องดูกันต่อไปว่าเขาฟื้นตัวได้แค่ไหน เข่าของเขาหายดีแค่ไหน และเขาจัดการกับขั้นตอนต่อไปในการฟื้นฟูได้ดีเพียงใด ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะให้คำตอบแน่ชัด" 

หากนับจนถึงเบรกทีมชาติในเดือนพฤศจิกายน โอเดการ์ด จะพลาดลงเล่นให้ อาร์เซน่อล 7 นัดด้วยกัน

ถัดจากเกมเยือนกระท่อมน้อยของ ฟูแล่ม ในสุดสัปดาห์นี้ จะมีเกมสำคัญในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รับมือ แอต.มาดริด รออยู่กลางสัปดาห์หน้า ต่อด้วยปักหลักในบ้านอีกนัดพบ คริสตัล พาเลซ ในลีก จากนั้่นเป็นฟุตบอลถ้วยคาราบาว คัพ ที่จะเล่นในบ้านพบ ไบรท์ตัน

พอขึ้นเดือนพฤศจิกายนจะต้องเล่นเกมเยือน 3 นัดติดต่อกัน เริ่มจากบุกรัง เบิร์นลีย์ ในลีก ต่อด้วยเยือน สลาเวีย ปราก ในถ้วยยุโรป และไปเยือน ซันเดอร์แลนด์ ในลีก ก่อนจะเข้าสู่ช่วงเบรกทีมชาติ

ในความโชคร้ายกับอาการบาดเจ็บของกัปตันทีม ยังมีความโชคดีที่โปรแกรม 7 นัดต่อจากนี้ไม่ได้หนักมาก อยู่ในระดับที่ อาร์เซน่อล ลุ้นชนะได้


วาเนรี่ พร้อมทดแทนรุ่นพี่

อีกจุดที่คลายกังวงใจได้คือ มิเกล อาร์เตต้า ยังมีตัวเลือกอื่นหลายคนที่พอจะทดแทนได้ทั้ง อีธาน วาเนรี่, มิเกล เมรีโน่ และผู้มาใหม่อย่าง เอเบเรชี่ เอเซ่ 

ถ้าว่ากันตามตำแหน่งแล้ว วาเนรี่ ถูกวางตัวเอาไว้เป็นอะไหล่ของ โอเดการ์ด แต่ เมรีโน่ กับ เอเซ่ ก็มีสไตล์ที่แตกต่างออกไป และเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับ อาร์เตต้า เช่นกัน

มาไล่ดูกันที่ละคน

อีธาน วาเนรี่

ฤดูกาลที่แล้ว วาเนรี่ ได้ลงสนามมากถึง  37 นัด โดยเล่นปีกขวาเป็นหลักในช่วงที่ บูคาโย่ ซาก้า บาดเจ็บ และทำผลงานได้ดีเลยยิงได้ถึง 9 ประตู

แต่ตำแหน่งการเล่นจริงๆ ของ วาเนรี่ คือขยับเข้ามาเล่นข้างในมากกว่าออกริมเส้น ดาวรุ่งจากเฮลเอนด์รายนี้มีเทคนิคดีเยียม และมีความคล้าย โอเดการ์ด ในแง่ของวิสัยทัศน์และการเชื่อมเกมกับแดนหน้า กล้าเล่นแม้อยู่ในสถานการณ์กดดัน

ถ้า อาร์เตต้า ต้องการให้โอกาสดาวรุ่งในบางนัดที่ไม่ได้เจอทีมใหญ่ วาเนรี่ เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม เขาสามารถเล่นบทบาทหมายเลข 10 ได้ตรงจุด โดยอาจจะเน้นเคลื่อนที่หาช่องให้เพื่อน มากกว่าจะเป็นตัวแบกเกมรุกแบบ โอเดการ์ด 

ปัจจุบัน วาเนรี่ อายุ 18 ปี ยังอยู่ในช่วงที่ต้องพัฒนาทั้งฝีเท้าและความเข้าใจเกมให้มากขึ้น การได้โอกาสในช่วงที่ผู้เล่นบาดเจ็บแบนนี้จะช่วยผลักดันเขาไปอีกระดับ เมื่อฤดูกาลที่แล้วที่เติบโตขึ้นอย่างมากเมื่อได้ลงสนามต่อเนื่อง


เมรีโน่ ไพ่เด็ดอีกราย

มิเกล เมรีโน่

เมรีโน่ เป็นกองกลางแบบ บ็อกซ์ ทู บ็ฮกซ์ ที่มีความสมดุลทั้งเกมรุกและเกมรับ เข้าใจเกมสูง ผ่านบอลแม่น และเล่นบอลเร็วในจังหวะเปลี่ยนเกมได้ดี

กองกลางทีมชาติสเปนรายนี้เล่นบทบาทหมายเลข 8 ในตำแหน่งของ เดแคลน ไรซ์ รวมถึงตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์ที่ยืนต่ำแบบ Deep-lying playmaker เช่นเดียวกับการเล่นกลางรุก

ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา อาร์เตต้า ปรับการเล่นของ เมรีโน่ ไปยืนกองหน้าจำเป็นในช่วงที่ ไค ฮาแวร์ตซ์ และ กาเบรียล เชซุส บาดเจ็บ และเจ้าตัวก็ทำผลงานได้ดีเกินคาด ยิงประตูได้เรื่อยๆ กลายเป็นไพ่เด็ดที่ช่วยพลิกสถานการณ์ให้ทีมในหลายต่อหลายครั้ง

บทบาทในฤดูกาลนี้ของ เมรีโน่ ก็ค่อนข้างหลากหลายเหมือนเดิม อาร์เตต้า ใช้งานทั้งตำแหน่งกองกลางและกองหน้า และหากจะเล่นแทนการขาดหายไปของ โอเดการ์ด ก็คงไร้ปัญหา

เกมที่เหมาะกับการใช้ เมรีโน่ คือเกมที่ต้องการเพิ่มความหนักแน่นในแดนกลางและยังมีการสร้างเกมจากแดนลึกได้ แม้อาจไม่ได้มาแทนตำแหน่งของ โอเดการ์ด ของเป๊ะๆ แต่สามารถเติมเต็มการคุมเกมและเปิดพื้นที่ให้คนอื่นทำเกมรุกได้

อดีตแข้ง เรอัล โซเซียดาด เป็นตัวหมุนเกมที่ดีในระบบ 4-3-3 โดยเฉพาะถ้าอยากให้ เดแคลน ไรซ์ ขยับลงต่ำเพื่อช่วย มาร์ติน ซูบีเมนดี้ และให้ เมรีโน่ ขึ้นมาช่วยกดดันคู่แข่ง

และคนสุดท้าย เอเบเรชี่ เอเซ่

เอเซ่ ย้ายมาจาก คริสตัล พาเลซ ในช่วงท้ายของตลาดนักเตะ ได้ลงสนามให้ทีมไปแล้ว 8 นัด และเริ่มมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะต่อจากนี้ที่ไร้ โอเดการ์ด ซึ่งเขาถูกมองว่าจะเป็นตัวเลือกอันดับแรกทำหน้าที่ปั้นเกมรุกแทน


เอเซ่ ตัวเลือกแรกสำหรับหลายคน

ดาวเตะทีมชาติอังกฤษทักษะการเลี้ยงบอลโดดเด่น ชอบพาบอลลากเลื้อยด้วยการควบคุมบอลที่เชื่องเท้า มีความคล่องตัวสูง ไม่กลัวในการดวลตัวต่อตัว และสามารถทะลุทะลวงแนวรับได้

เอเซ่ มีความอันตรายในกรอบเขตโทษ โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอกับทีมที่ตั้งรับลึก และสามารถสร้างความแตกต่างในจังหวะหนึ่งต่อหนึ่งได้มากกว่า โอเดการ์ด ซึ่งเน้นการผ่านบอลและจ่ายทะลุช่อง 

ในช่วงแรกหลังย้ายมาร่วมทีม เอเซ่ เริ่มต้นที่ฝั่งซ้าย ก่อนได้โอกาสกลางสนามตั้งแต่เกมกับ แมนฯ ซิตี้ และนับจากนั้นเขาก็ถูกใช้ฐานะเพลย์เมกเกอร์ตัวกลางมากขึ้น

ภายใน 15 นาทีแรกหลังลงสนามในเกมกับ แมนฯ ซิตี้ เอเซ่ มีส่วนร่วมในจังหวะที่พาทีมขึ้นเกมถึง 5 ครั้ง ก่อนทำแอสซิสต์ได้สำเร็จด้วยการเปิดบอลโด่งข้ามไลน์แนวรับให้ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ สอดไปกระดกบอลข้ามหัว จานลุยจิ ดอนนารุมม่า เข้าประตูไปอย่างสวยงาม 

เมื่อพูดถึงศักยภาพของเขาในการเล่นให้ อาร์เซน่อล ดิ แอธเลติก เคยให้ความเห็นว่า ไม่สำคัญว่าเพลย์เมกเกอร์ที่มีคุณภาพอย่าง เอเซ่ จะยืนตรงจุดไหนในสนาม ขอแค่เขาได้ลงสนามก็พอ

เอเซ่ เคยพูดการเล่นของตัวเองที่เล่นปีกซ้ายบ้าง ตรงกลางบ้างว่า "ผมไม่รู้สึกว่าตำแหน่งมันสำคัญขนาดนั้น เกมแต่ละเกมมีช่องว่างและโอกาสที่แตกต่างกัน ดังนั้นมันยากที่จะบอกว่าคุณเป็นนักเตะแบบไหนที่เหมาะกับทุกเกม เพราะมันไม่เป็นแบบนั้น"

นอกจากตัวเลือกอย่าง วาเนรี่, เมรีโน่ และ เอเซ่ แล้ว อีกคนที่ต้องไม่ลืมคือ เลอันโดร ทรอสซาร์ ที่จะเพิ่มแผนการเล่นให้ อาร์เซน่อล ได้มากยิ่งขึ้น 

ฤดูกาลที่แล้ว อาร์เตต้า เลือกใช้ ทรอสซาร์ เล่นหน้าคู่กับ ไค ฮาแวร์ตซ์ บ่อยครั้งในช่วงที่ โอเดการ์ด บาดเจ็บ และดาวเตะทีมชาติเบลเยียมจะเป็นอีกทางเลือกสำหรับสถานการณ์เดิมที่เกิดขึ้นอีกครั้งในตอนนี้

แม้จะไม่มี โอเดการ์ด ในช่วงสำคัญ แต่สิ่งที่ อาร์เซน่อล มีอยู่คือ "ตัวเลือก" และ "ประสบการณ์" จากบทเรียนเดิม เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทีมต้องเดินไปข้างหน้าโดยไม่มีกัปตันทีม และก็อาจไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่ใครบางคนจะถูกเลือกให้ก้าวขึ้นมารับหน้าที่แทน

โชคดีที่ครั้งนี้ อาร์เซน่อล ดูพร้อมกว่าที่ผ่านมา และมั่นใจว่าจะผ่านสถานการณ์นี้ได้ดีกว่าเดิม



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด