ต้องมีมากกว่าเกมรับ
ทีมปืนใหญ่ลงสนามไปแล้ว 12 นัดในทุกรายการ เสียไปเพียง 3 ประตูซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นในพรีเมียร์ลีก และมีแค่ประตูเดียวจากการเล่นจังหวะ "โอเพ่นเพลย์"
เกมรับชุดนี้ถูกปรับแต่งมาตลอด 4-5 ปีหลังสุดจนกระทั่งลงตัวกับการมี กาเบรียล มากัลเญส และ วิลเลียม ซาลีบา เป็นคู่เซนเตอร์ ส่วนแบ็กสองข้างใช้ ยูร์เรียน ทิมเบอร์ กับ ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ ขณะที่ ดาบิด ราย่า เฝ้าเสา
ขุมกำลังสำรองที่คอยสลับสับเปลี่ยนมี เบน ไวท์ กับ ไมล์ส ลูอิส-สเกลลี่ และสองตัวใหม่ คริสเตียน มอสเกร่า กับ ปิเอโร่ อินกาปีเอ้
นอกจากเสียประตูยากแล้ว ผู้เล่นในแนวรับหลายคนยังช่วยเกมรุกได้ดีอีกด้วย มีส่วนร่วมทำประตูเกินสิบลูกเข้าให้แล้ว ส่วนใหญ่เป็นการเล่นลูกตั้งเตะอันเป็นจุดเด่นที่โจมตีคู่แข่งได้ตลอด
กาเบรียล : 2 ประตู, 2 แอสซิสต์
ทิมเบอร์ : 2 ประตู, 2 แอสซิสต์
คาลาฟิออรี่ : 1 ประตู, 2 แอสซิสต์
ลูอิส-สเกลลี่ : 2 แอสซิสต์

กาเบรียล แกร่งทั้งรุกและรับ
เรียกได้ว่าเป็นเกมรับชุดนี้มีอย่างมากกับการเป็นจ่าฝูงในลีก และเกาะกลุ่มนำในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก จากผลงานชนะรวด 3 นัด
แต่ อาร์เซน่อล จะเป็นแชมป์ฤดูกาลนี้ได้หรือไม่ ยังเร็วไปที่จะฟันธงเพราะเส้นทางยังอีกยาวไกล เอาแค่ในลีกก็เหลืออีกถึง 30 นัด
ที่สำคัญการเสียประตูน้อยนิดก็ไม่ใช่สิ่งการันตีว่าจะได้ฉลองแชมป์ในตอนจบเสมอไป
เคยมีหลายทีมที่เสีย 3 ประตูหรือน้อยกว่าจาก 8 นัดแรกในลีก แต่ไปไม่ถึงตำแหน่งแชมป์ ไม่ว่าจะเป็น แอสตัน วิลล่า ที่เสียเพียง 2 ประตูในฤดูกาล 1998/99 แต่จบอันดับ 6 ของตาราง
เลสเตอร์ ซิตี้ ก็โดนเจาะแค่ 2 ลูกใน 8 นัดแรกฤดูกาล 2000/01 แต่ร่วงไปอันดับ 13 ในตอนจบ เช่นเดียวกับ เชลซี ฤดูกาล 2010/11 และ แมนฯ ยูไนเต็ด ฤดูกาล 2017/18 ที่เสีย 2 ประตูเช่นกัน แต่จบเพียงตำแหน่งรองแชมป์
และอีกหนึ่งทีมที่ต้องพูดถึงก็คือ อาร์เซน่อล ฤดูกาล 19998/99 ซึ่งเป็นฤดูกาลที่ลงป้องกันแชมป์หลังได้ดับเบิ้ลแชมป์มาหมาดๆ

ทีมที่เสียประตูน้อยสุดจาก 8 นัดแรก
ปืนใหญ่ของ อาร์แซน เวนเกอร์ มีเกมรับที่เหนียวแน่นมาก แม้เป็นช่วงปลายอาชีพของแผง "แบ็กโฟร์" ในตำนาน
แนวรับชุดนั้นที่แต่ละคนอายุ 30 ขึ้นทั้งหมด ประกอบด้วย โทนี่ อดัมส์ กับ มาร์ติน คีโอว์น เป็นคู่เซนเตอร์ และมี สตีฟ โบลด์ เป็นกำลังเสริม ส่วนแบ็กสองข้างคือ ลี ดิ๊กซั่น กับ ไนเจล วินเทอร์เบิร์น
อะไหล่ที่เหลือเป็นพวกดาวรุ่งและต่างชาติอย่าง แมทธิว อัพสัน, ชิลด์ กรีม็องดี้, เนลสัน วิวาส ฯลฯ
ขณะที่คู่กองกลางตัวรับที่แบ่งเบาภาระของเกมรับได้อย่างมากก็เป็น ปาทริค วิเอร่า กับ เอ็มมานูเอล เปอตีต์ สองมิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศสที่เพิ่งคว้าแชมป์โลกมาครอง เป็นหนึ่งในคู่มิดฟิลด์ตัวรับที่ดีสุดตลอดกาลของสโมสร
เวนเกอร์ พาทีมออกสตาร์ต 8 นัดแรกด้วยการเสียเพียง 3 ประตู และยังคงรักษามาตรฐานเกมรับได้ดีต่อเนื่องจนถึงท้ายฤดูกาลที่เสียไปเบ็ดเสร็จ 17 ประตู
17 ประตูจาก 38 นัด กลายเป็นสถิติเสียประตูน้อยสุดต่อฤดูกาลของพรีเมียร์ลีก (ก่อนถูก เชลซี ทำลายสถิติในเวลาต่อมา) มีช่วงรันยาวๆ บ็อกซิ่งเดย์ถึงต้นเดือนเมษายนที่เสียเพียง 2 ประตูจาก 14 นัด
ทว่า อาร์เซน่อล ชุดที่มีเกมรับเสียแข็งโป๊กสุดในประวัติศาสตร์ กลับไม่สามารถป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ พวกเขาพลาดท่าในนัดรองสุดท้ายพ่าย ลีดส์ ยูไนเต็ด 0-1 ที่เอลแลนด์ โร้ด เปิดโอกาสให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขยับนำหน้าไป 1 คะแนนจาการเสมอ แบล็คเบิร์น 0-0

แนวรับในตำนานของปืนใหญ่
"ปีศาจแดง" ปิดจ๊อบนัดสุดท้ายในบ้านเบียดชนะ สเปอร์ส 2-1 คว้าแชมป์ด้วยการมี 79 คะแนน ส่วน อาร์เซน่อล ที่ส่งท้ายชนะ แอสตัน วิลล่า 1-0 ได้เพียงรองแชมป์ ตามหลัง 1 คะแนน
แมนฯ ยูไนเต็ด ของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เสียประตูมากกว่า อาร์เซน่อล 20 ประตูก็จริง แต่ก็ยิงได้มากกว่า 21 ประตู ก่อนต่อยอดฤดูกาลประวัติศาสตร์คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้อีกสองรายการกลายเป็น "เทรเบิลแชมป์" อันยิ่งใหญ่
เป็นฤดูกาลที่น่าเสียดายสำหรับทีมปืนใหญ่อย่างยิ่งเพราะนอกจากพลาดแชมป์พรีเมียร์ลีกไปแบบฉิวเฉียดแล้ว ยังตกรอบตัดเชือกเอฟเอ คัพ ด้วยน้ำมือของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในเกมสุดดราม่าที่จบด้วยประตูสุดคลาสสิกของ ไรอัน กิ๊กส์ ที่โซโล่จากกลางสนามเข้าไปยิงแสกหน้า เดวิด ซีแมน
แม้มีหลายทีมที่คว้าแชมป์ได้จากพื้นฐานเกมรับแข็งแกร่ง ตัวอย่างเด่นชัดสุดคือ เชลซี ในยุคแรกของ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่เสียเพียง 15 ประตูในฤดูกาล 2004/05 เป็นสถิติใหม่ของพรีเมียร์ลีก ขณะที่ ปีเตอร์ เช็ก ย้ายมาฤดูกาลแรกเก็บได้ถึง 24 คลีนชีต ทำสถิติใหม่อีกเช่นกันสำหรับผู้รักษาประตู
แต่ เชลซี ชุดนั้นไม่ได้มีดีแค่เกมรับเพราะเกมรุกก็ทำให้ทีมชนะได้ถึง 29 นัด และเก็บได้ 95 คะแนน มากสุดต่อฤดูกาลของสโมสรในยุคพรีเมียร์ลีก

อาร์เซน่อล ในฤดูกาล 1998/99 ที่พลาดแชมป์ หลุดเสมอบ่อยในเกมที่น่าจะชนะได้ทั้งการเจอ เซาธ์แฮมป์ตัน (2 นัด), ชาร์ลตัน, เลสเตอร์, มิดเดิ้ลสโบรช์ และ ดาร์บี้
แม้เกมรับเสีย 17 ประตู แต่เกมรุกที่ยิงได้ 59 ประตู ก็ถือว่าน้อยไปนิดสำหรับการคว้าแชมป์ หากแนวรุกเด็ดขาดกว่านี้อีกหน่อยก็มีโอกาสเปลี่ยนผลการแข่งขันที่หลุดเสมอบ่อยครั้งโดยเฉพาะสกอร์ 0-0 มากถึง 6 นัด ให้เป็นชัยชนะได้ และอาจเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์ในฤดูกาลดังกล่าวไปอีกไปทาง
เกมรับที่ดีอย่างที่ อาร์เซน่อล แสดงให้เห็นในฤดูกาลนี้ คือรากฐานสำคัญของความสำเร็จ แต่การเป็นแชมป์ต้องมีมากกว่านั้น
ต้องมีความสมดุลระหว่าง "เกมรับ" และ "เกมรุก" เพราะตำแหน่งแชมป์ไม่ได้มอบให้ทีมที่เสียประตูน้อยที่สุด แต่เป็นทีมที่ลงตัวที่สุดซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างมากสำหรับทีมปืนใหญ่ในฤดูกาลนี้

