เสียงเพลงแห่งความฝัน
นอร์การ์ด ฝันมาตลอดที่จะได้ลงเล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รายการที่ยิ่งใหญ่สุดในระดับสโมสร
แม้เคยผ่านเวทีใหญ่อย่างรอบรองชนะเลิศ ยูโร 2020 และ ฟุตบอลโลก 2022 กับทีมชาติเดนมาร์กมาแล้ว แต่การได้สัมผัสบรรยากาสของแชมเปี้ยนส์ ลีก คือสิ่งที่เขาใฝ่ฝันมาตลอดชีวิต
การได้ยินเสียงเพลงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก บรรเลงก่อนเกม โดยที่ตัวเองยืนอยู่ในสนาม คือภาพฝันของ นอร์การ์ด ในฐานะนักเตะอาชีพ
เขารอโอกาสมานานมาก และเคยคิดว่าคงเป็นได้แค่ฝันเพราะอายุปาเข้าไป 31 ปีแล้ว และคงเป็นไปได้ยากที่ เบรนท์ฟอร์ด จะได้เล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก สักครั้ง
การย้ายออกจาก เบรนท์ฟอร์ด ไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดเอาไว้แต่แรก และเพิ่งตัดสินใจเซ็นสัญญาฉบับใหม่ออกไป แต่เมื่อข้อเสนอของ อาร์เซน่อล ถูกวางตรงหน้า เขาก็ไม่ปล่อยโอกาสนี้หลุดลอยไป
มันเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่อาจเกิดขึ้นครั้งเดียวในชีวิต เป็นโอกาสที่เขาจะได้ทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริง
การย้ายร่วมทีม อาร์เซน่อล ไม่เพียงย้ายมาอยู่กับทีมใหญ่ที่มีลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก แต่ยังได้เล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่เป็นความฝันของ นอร์การ์ด มาทั้งชีวิต

นอร์การ์ด เคยเปิดใจตอนย้ายร่วมทีมปืนใหญ่ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาว่า "คุณอาจจะถึงขั้นซาบซึ้งใจได้เลยนะ เพราะมันอาจจะเป็นความฝันที่ผมเกือบยอมแพ้ไปแล้วเมื่อมองว่ามันเป็นช่วงปลายอาชีพของนักฟุตบอล"
"ผมเพิ่งอายุครบ 31 ปี และเพิ่งเซ็นสัญญาใหม่กับ เบรนท์ฟอร์ด มันมีโอกาสเล็กน้อยที่ปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นกับ เบรนท์ฟอร์ด ได้ มันอาจจะดูเป็นเรื่องที่ไม่สมจริงนักที่จะได้เล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก กับพวกเขา"
"แต่ตอนนี้ ผมจะได้ฟังเพลงนั้นและเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางแชมเปี้ยนส์ ลีก มันคือความฝันในวัยเด็ก และเป็นสิ่งที่ผมไม่คิดว่าจะเป็นไปได้แล้วจริงๆ ดังนั้นนี่คือสิ่งที่ผมมีความสุขมากๆ"
นอร์การ์ด ย้ายเข้ามาในฐานะ "แบ็กอัพ" ให้กับ มาร์ติน ซูบีเมนดี้่ ในตำแหน่งกองกลางหมายเลข 6 มีสถานะคล้ายกับ จอร์จินโญ่ ที่เป็นอะไหล่ให้กับ โธมัส ปาร์เตย์ ในฤดูกาลที่แล้ว
ในตอนแรกเขามีปัญหาสภาพร่างกายจนไม่มีส่วนร่วมกับทีม ก่อนได้ลงเล่นนัดแรกในฐานะสำรองนาทีสุดท้ายในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก นัดเยือน แอธเลติก บิลเบา เมื่อกลางเดือนกันยายน และต้องอีกรออีกหนึ่งเดือนกว่าจะได้เล่นพรีเมียร์ลีกนัดแรกในฐานะนักเตะ อาร์เซน่อล
โอกาสลงเล่นอย่างเต็มที่ของ นอร์การ์ด อยู่ที่คาราบาว คัพ ที่ลงตัวจริงตลอดสองนัดแรกที่พบ พอร์ท เวล และ ไบรท์ตัน ซึ่งเขาช่วยทีมเก็บคลีนชีตได้ทั้งหมด ส่วยในลีกและแชมเปี้ยนส์ ลีก ยังเป็นแค่สำรอง

แต่ในเกมเยือน สลาเวีย ปราก ของโปรแกรมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกี นัดที่ 4 นอร์การ์ด ได้โอกาสออกสตาร์ตเป็นตัวจริงครั้งแรกเนื่องจาก มาร์ติน ซูบีเมนดี้ ติดโทษแบน
อาร์เซน่อล เก็บชัยชนะสวยงาม 3-0 โดยที่ นอร์การ์ด ทำหน้าที่ตรงกลางได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง และมีส่วนกับประตูที่สองของทีมจากการตัดบอลได้ในแดนตัวเองก่อนจ่ายให้ เดแคลน ไรซ์ ได้แทงต่อถึง เลอันโดร ทรอสซาร์ ที่เป็นคนเปิดจากฝั่งซ้ายให้ มิเกล เมรีโน่ แปนิ่มๆ ตุงตาข่าย
แต่โมเมนต์สำคัญที่สุดคือ การได้ยืนฟังเสียงเพลงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรกในฐานะนักเตะอาชีพ
"ตอนที่เพลงบรรเลงขึ้นมา ผมถึงกับยิ้มไม่หุบเลยทีเดียว มันคือฝันที่เป็นจริง เป็นความรู้สึกที่น่าเหลือเชื่อ" นอร์การ์ด เล่าถึงวินาทีที่เขารอคอยมานาน
ก่อนหน้านี้ นอร์การ์ด ลงสำรองในแชมเปี้ยนส์ ลีก มาสองนัด แต่อยู่ในสนามรวมกันไม่ถึง 20 นาที แต่ในเกมที่ฟอร์ทูน่า อารีน่า เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เขาได้มีส่วนร่วมตั้งแต่นาทีแรก ตั้งแต่ท่อนแรกของเสียงเพลงดังขึ้น เป็นเสียงที่แฟนบอลเองก็รู้สึกถึงความเข้มขลังและชวนขนลุก

นอร์การ์ด เติมเต็มความฝันของตัวเองได้สำเร็จในวัย 31 ปี มันอาจไม่ถึงขั้นน้ำตาไหลอาบแก้ม แต่ความซาบซึ้งในใจคงท่วมถ้นจนแทบทะลักออกมา
ครั้งแรกกับการลงตัวจริงในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ทุกอย่างออกมาสวยงามทั้งฟอร์มการเล่นส่วนตัว และผลงานของทีมที่ชนะ 10 นัดรวด แถมคลีนชีตตลอด 8 นัดหลังสุด
เมื่อเสียงนกหวีดสุดท้ายดังขึ้น นอร์การ์ด เงยหน้ามองสกอร์บอร์ดที่สะท้อนชัยชนะของทีม ก่อนจะหันไปมองเพื่อนร่วมทีมที่กำลังฉลองกันอยู่กลางสนาม เขายิ้มอีกครั้ง ยิ้มที่เต็มไปด้วยความหมายของการรอคอย ความพยายาม และศรัทธาที่ไม่เคยดับลง แม้ในวันที่ดูเหมือนความฝันจะไกลเกินเอื้อม
บางครั้งสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในโลกของฟุตบอลไม่ใช่ชื่อเสียงหรือถ้วยรางวัลเสมอไป แต่คือช่วงเวลาสั้นๆ ที่เรารู้ว่า "สิ่งที่เคยฝันไว้" ได้เกิดขึ้นจริงแล้ว

