สิ้นสุดการรอคอย
2 ปีหลังศึกฟร้องซ์ 98 นอร์เวย์ ได้ไปเล่นยูโร 2000 รอบสุดท้าย ก่อนตกรอบแรก หลังจากนั้น พวกเขาไม่ผ่านรอบคัดเลือกทัวร์นาเมนต์ใหญ่อีกเลย...12 ครั้งติดต่อกัน
ฟุตบอลโลก 6 สมัย และชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปอีก 6 สมัยผ่านพ้นไปโดยไม่มีชื่อของ "นอร์เวย์" ในรอบสุดท้าย
นอร์เวย์ ผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า นักเตะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันนับร้อย เช่นเดียวกับเฮดโค้ชอีกนับไม่ถ้วน แต่ผลลัพธ์เหมือนเดิม
จนกระทั่งการมาของ สตาเล่น โซลบัคเค่น หนึ่งในขุนพลของนอร์เวย์ชุดลงเล่นฟุตบอลโลกครั้งล่าสุดที่ฝรั่งเศส
โซลบัคเค่น เข้าคุมทีมชาตินอร์เวย์ในปลายปี 2020 หลังประสบความสำเร็จอย่างมากกับสโมสรโคเปนเฮเก้น
เขาเลือกให้ มาร์ติน โอเดการ์ด ในวัยเพียง 22 ปี เป็นกัปตันทีมชาติคนใหม่ ซึ่งถือว่าอายุน้อยมาก แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อนักเตะหนุ่มอย่างเต็มเปี่ยม
ขณะเดียวกัน เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ในวัย 20 ปีที่กำลังระเบิดฟอร์มกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ก็ก้าวขึ้นมาเป็นแกนหลักเต็มตัว
งานแรกของอดีตกองกลางทีมชาตินอร์เวย์คือ รอบคัดเลือก ฟุตบอลโลก 2022 ที่พาทีมเริ่มต้นได้อย่างดีเก็บไป 13 คะแนนจาก 6 นัดแรก นำจ่าฝูงร่วมกับ เนเธอร์แลนด์

นอร์เวย์ คว้าตั๋วลุยบอลโลกครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1998
แต่แล้ว ฮาลันด์ ที่นำดาวซัลโว 5 ประตูในรอบคัดเลือกของทีม กลับโชคร้ายได้รับบาดเจ็บจนพลาดลงสนามใน 4 นัดสุดท้าย
นอร์เวย์ สะดุดเสมอทั้งเกมกับตุรกีและลัตเวีย รวมถึงแพ้ เนเธอร์แลนด์ ในนัดสุดท้ายที่แย่งแชมป์กลุ่มตั๋วรอบสุดท้ายโดยตรง ทำให้หล่นมาจบอันดับ 3 ส่วน ตุรกี แซงจบที่ 2 ได้ตั๋วเพลย์ออฟ
จากนั้นในยูโร 2024 รอบคัดเลือก นอร์เวย์ เจองานหนักอยู่ร่วมกลุ่มกับ สเปน และ สกอตแลนด์ และเป็นจังหวะไม่ดีอีกครั้ง ฮาลันด์ บาดเจ็บพลาดช่วยทีมสองนัดแรกที่แพ้ สเปน 0-3 และเสมอ จอร์เจีย 1-1
หัวหอก แมนฯ ซิตี้ กลับมาช่วยทีมได้ในนัดสามที่เล่นในบ้านพบ สกอตแลนด์ และเป็นคนยิงประตูให้ทีมออกนำด้วย ทว่า นอร์เวย์ ก็แผ่วปลายโดนยิงคืนสองลูกใน 3 นาทีสุดท้ายจนแพ้คาบ้านไม่น่าเชื่อ พวกเขาจึงมีเพียงคะแนนเดียวจาก 3 นัดแรก
นัดที่เหลือจึงเป็นงานยากสำหรับ โซลบัคเค่น และลูกทีมที่จะไล่ตาม สเปน ได้ทัน เช่นเดียวกับ สกอตแลนด์ ที่ผลงานดีมากๆ เช่นกัน ทำให้ทัพนักเตะจาก "ดินแดนแห่งพระอาทิตย์เที่ยงคืน" จึงต้องอกหักตกรอบคัดเลือกอีกครั้ง
หลังผ่านสองทัวร์นาเมนต์แห่งความผิดหวัง นอร์เวย์ ในยุค โซลบัคเค่น ทำภารกิจสำเร็จกับความพยายามครั้งที่สามในฟุตบอลโลก 2026

ฮาลันด์ กดไปถึง 16 ประตูในรอบคัดเลือก
พวกเขาอยู่ร่วมกลุ่มกับ "อิตาลี" ทีมแชมป์โลก 4 สมัยที่มุ่งมั่นคว้าตั๋วบอลโลกรอบสุดท้ายอย่างมาก หลังพลาดตกรอบคัดเลือกสุดเหลือเชื่อถึงสองครั้งติดต่อกัน
ทั้งสองทีมได้เจอกันตั้งแต่นัดแรก ปรากฏว่า นอร์เวย์ ประกาศศักดาสะเทือนไปทั่วยุโรปด้วยการเปิดรังถล่ม อิตาลี ขาดลอย 3-0 เป็นชัยชนะที่เหนือกว่าทั้งสกอร์และรูปเกม
ไม่มีการเริ่มต้นใดที่ดีไปกว่านี้อีกแล้ว และแม้เป็นเพียงนัดแรก แต่ก็เหมือนส่งสัญญาณดังๆ ว่าพลพรรคจากแดนไว้กิ้งพร้อมมากกับการไปฟุตบอลโลกอีกครั้งให้ได้
จากนั้นเป็นต้นมา โซลบัคเค่น ก็พาทีมเดินหน้าเก็บชัยชนะต่อเนื่องไม่มีหลุดเสมอแม้แต่นัดเดียวจนกระทั่งนัดรองสุดท้ายที่เปิดบ้านไล่ต้อน เอสโตเนีย ไปอีก 4-1 ทำให้เข้ารอบ 99.99 เปอร์เซ็นต์
แม้ อิตาลี ที่ตัดสินใจปลด ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ ออกจากตำแหน่งหลังเกมแพ้ยับนัดแรก และเลือกให้ เจนนาโร่ กัตตูโซ่ มาคุมทีม จะคืนฟอร์มชนะ 6 นัดติด แต่สถานการณ์ก็ยังเป็นรองนอร์เวย์ทั้งสามคะแนนที่ตามหลัง และประตูได้เสียที่ต่างกันอย่างไม่เห็นฝุ่น
อิตาลี ต้องเอาชนะ นอร์เวย์ ให้ได้ 9 ประตูเพื่อแซงแชมป์กลุ่มซึ่งในทางปฏิบัติแทบเป็นไปไม่ได้

นอร์เวย์ล้างแค้นอิตาลีได้ทบต้นทบดอก
ฟรานเชสโก้ ปิโอ เอสโปซิโต้ หัวหอกดาวรุ่งจาก อิตาลี ทำประตูให้อิตาลีขึ้นนำตั้งแต่ 11 นาทีแรก และมีโอกาสได้ประตูเพิ่มอีกหลายครั้งตลอดครึ่งแรก
ทว่าครึ่งหลังกลับเป็นหนังคนละม้วน นอร์เวย์ งัดฟอร์มเก่งยิงคืนสี่ประตูรวดแซงชนะ 4-1 พลิกคว้าชัยชนะอย่างน่าประทับใจในแมตช์ที่สนามซาน ซีโร่
เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ตอกย้ำการเป็นเครื่่องจักรถล่มประตูด้วยการซัดอีก 2 ลูก เพิ่มผลงานส่วนตัวในรอบคัดเลือกเป็น 16 ประตู ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของชาติยุโรปในรอบคัดเลือกทัวร์นาเมนต์ใหญ่ เทียบเท่า โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ที่เคยยิง 16 ประตูให้โปแลนด์ในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2018
นอร์เวย์ จบรอบคัดเลือกด้วยการยิงไปถึง 37 ประตู มากกว่าทุกทีมในยุโรป และเป็นชาติเดียวที่ยิงทะลุสามสิบประตู
เกมรุกของนอร์เวย์เต็มไปด้วยประสิทธิภาพ พวกเขาอาจไม่ได้ต่อบอลลื่นไหลเหมือนสเปน หรือจี๊ดจ๊าดแบบฝรั่งเศส แต่เมื่อถึงจังหวะต้องทำก็เด็ดขาด มีความมั่นใจการเล่น และการมี ฮาลันด์ ปักหลักข้างหน้าก็พร้อมเล่นงานคู่แข่งได้ทุกเวลา
ฮาลันด์ โดดเด่นเกินใครกับจำนวนประตูที่ยิงได้ แต่ก็มีอีกหลายคนในทีมที่สำคัญเช่นกันไม่ว่าจะเป็น มาร์ติน โอเดการ์ด กัปตันทีมที่ทำได้ถึง 7 แอสซิสต์ มากสุดในรอบคัดเลือก
7 แอสซิสต์ของ โอเดการ์ด เกิดขึ้นใน 5 นัดแรก ก่อนได้รับบาดเจ็บจนพลาดช่วยทีมใน 3 นัดสุดท้าย ทว่า ฮาลันด์ และเพื่อนร่วมทีมก็กอดคอลุยกันต่อจนถึงฝั่งสำเร็จ

โอเดการ์ด (ขวา) ทำได้ถึง 7 แอสซิสต์จาก 5 นัดแรก
ขณะที่กลุ่มดาวรุ่งสายเลือดใหม่ทั้ง ออสการ์ บ็อบบ์ และ อันโตนิโอ นูซ่า ก็ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมเช่นเดียวกับ เธโล อาสการ์ด ที่โผล่มายิงคนเดียว 5 ประตูในนัดถล่ม มอลโดว่า 11-1
โซลบัคเค่น เลือกใช้งานผู้เล่นอายุเกินสามสิบปีเพียงแค่ ออร์ยาน นีลันด์ ผู้รักษาประตูวัย 35 ปี แต่ก็เป็นคนที่ช่วยทีมได้จริงจากผลงานเซฟสำคัญไปหลายครั้งตลอดเส้นทางของรอบคัดเลือก ส่วน อเล็กซานเดอร์ ซอร์ล็อธ หัวหอกแอต.มาดริด ที่จะอายุครบสามสิบปีในเดือนหน้า ก็ยิงได้ถึง 5 ประตูในรอบคัดเลือก
ที่เหลืออยู่ในวัยกำลังพีคของเส้นทางอาชีพระหว่างอายุ 25-28 ปี ทั้ง ยูเลียน ไรเออร์สัน, คริสตอฟเฟอร์ อาเยอร์, ซานเดอร์ เบอร์เก้, พาทริค เบิร์ก, ทอร์บยอร์น เฮ็กเก็ม และแน่นอน ฮาลันด์ และ โอเดการ์ด ก็อยู่ในกลุ่มนี้
เรียกได้ว่าเป็นทีมที่กำลังหนุ่มแน่น และผ่านประสบการณ์ความผิดหวังมาตลอดหลายปีหลังจนกลั่นออกมาเป็นทีมที่แข็งแกร่งและสมบูรณ์พร้อมสุดๆ ผลงานชนะ 8 นัดรวดในรอบคัดเลือกคือสิ่งที่คู่ควรกับการได้ลงเล่นรอบสุดท้ายฟุตบอลโลกอีกครั้ง
ย้อนไปในฟุตบอลโลก 1998 นอร์เวย์ หยุดเส้นทางที่รอบ 16 ทีมสุดท้ายจากการแพ้ อิตาลี แต่ตอนนี้พวกเขาล้างแค้นเอาคืนได้แบบทบต้นทบดอก
28 ปีแห่งการรอคอย นอร์เวย์ คว้าตั๋วเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกได้อีกครั้งด้วยผลงานยอดเยี่ยมไร้ที่ติ พร้อมกับลบรอยแผลในอดีตได้อย่างหมดจด

