มากกว่าแค่โบกี้ทีม
การแพ้ แมนฯ ซิตี้ ของเจ้านายเก่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะ "เรือใบสีฟ้า" มีคุณภาพมากกว่า เป็นทีมใหญ่ ทีมลุ้นแชมป์ หรือกระทั่งแชมป์เก่า
แต่แอสตัน วิลล่า เข้าข่ายการเป็น "โบกี้ทีม" สำหรับ อาร์เซน่อล มากกว่า เพราะไม่ใช่ทีมในระดับเดียวกับ แมนฯ ซิตี้ เรื่องความสำเร็จถ้วยรางวัลยิ่งไม่ต้องพูดถึง แต่สามารถทำให้ปืนใหญ่เจองานยากไม่ต่างกัน
อาร์เซน่อล ต้องลุ้นเหนื่อยในหลายครั้งกับการเจอ วิลล่า ก่อนหน้านี้ในยุคของ ดีน สมิธ ก็เคยแพ้ไป 3 นัด และล่าสุด อูไน เอเมรี่ ทำแสบใส่ทีมเก่าได้ถึง 3 ครั้งเช่นกัน
แม้ประตูชัยของ เอมิเลียโน่ บูเอนเดีย จะเกิดขึ้นในช่วงทดเจ็บที่ยิงปุ๊บหมดเวลาปั๊บ แต่ก็เป็นเกมที่ แอสตัน วิล่า ทำได้ดีอย่างมากและคู่ควรกับชัยชนะ
เกมนี้เป็นเกมที่ค่อนข้างเปิดและทั้งสองทีมก็มีโอกาสลุ้นยิงเท่ากันเลยถึง 15 ครั้ง ซึ่งสำหรับ อาร์เซน่อล แล้วถือว่า "เยอะ" เกินมาตรฐานที่เปิดโอกาสให้คู่แข่งได้ง้างเท้าลุ้นทำประตูขนาดนี้
ย้อนไปในนัดเปิดฤดูกาลที่หลายสิ่งยังไม่เข้าที่เข้าทาง อาร์เซน่อล ปล่อยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ลุ้นถึง 22 ครั้ง แต่ก็ยังไม่เสียประตู แถมควักชัยนะกลับออกมาได้จากประตูชัยของ เจอร์เรียน ทิมเบอร์
หลังจากนั้น เกมรับของ อาร์เซน่อล ก็ไม่เคยปล่อยให้คู่แข่งได้ลุ้นยิงถึงเลขสองหลักอีกเลยไม่ว่าจะเป็นการเจอกับ ลิเวอร์พูล, แมนฯ ซิตี้, นิวคาสเซิ่ล และ สเปอร์ส จนกระทั่งเป็น วิลล่า ทำได้นัดล่าสุด
วิลล่า กำลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในช่วงหลังที่ชนะในลีกถึง 8 จาก 9 นัด พร้อมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 3 ของตารางก่อนลงเจอ อาร์เซน่อล และพวกเขาก็แสดงให้เห็นว่าผลงานที่ผ่านมาไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

เอเซ่ ปล่อย แคช ยิงง่ายๆ
เกมรุกของสิงห์ผงาดสามารถโจมตีปืนใหญ่ได้ในทุกรูปแบบทั้่งบอลยาวจากแดนหลัง การเล่นโต้กลับ การต่อบอลหน้าเขตโทษ ขึ้นด้านข้างแล้วเปิดเข้ากลาง หรือกระทั่งใช้ความสามารถเฉพาะตัวเลี้ยงลุยเข้าไปเอง
ต้องยอมรับว่าเกมรับ อาร์เซน่อล ที่ไม่มีคู่เซนเตอร์ตัวจริงทั้ง กาเบรียล มากัลเญส และ วิลเลียม ซาลีบา รวมถึงสำรองตัวเลือกแรกอย่าง คริสเตียน มอสเกร่า การป้องกันเกมรุกคู่แข่งก็ไม่ดีเหมือนเดิม
ทิมเบอร์ ต้องขยับเข้ามาเล่นเซนเตอร์ร่วมกับ ปิเอโร่ อินกาปีเย่ และให้ เบน ไวท์ ลงตัวจริงแบ็กขวาเป็นนัดที่สองติดต่อกันทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้เล่นเกมลีกเลยสามเดือนครึ่ง
นั่นเท่ากับว่าในแผงแบ็กโฟร์ตัวจริงมีเพียงแบ็กซ้าย ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ ตำแหน่งเดียว ที่เหลือคือการปรับแก้เพื่อเอาตัวรอดจากปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บที่ตามเล่นงานอย่างต่อเนื่องในฤดูกาลนี้
ทิมเบอร์ และ อินกาปีเย่ มีคุณภาพมากพอลงตัวจริงในการแข่งขันระดับพรีเมียร์ลีกได้ แต่เมื่อเทียบกับคู่ กาเบรียล vs ซาลีบา ซึ่งเป็นหนึ่งในคู่เซนเตอร์ที่แข็งแกร่งสุดตลอดกาลของสโมสร ก็ยังมีความห่างชั้นกันไม่น้อย
คุณภาพการเล่นโดยรวม หรือเจาะลึกลงไปในรายละเอียด รวมถึงการหนุนขึ้นไปช่วยเกมรุกในจังหวะได้ลูกตั้งเตะ "กาเบรียล-ซาลีบา" เซตมาตรฐานเอาไว้สูงมาก และทั้งคู่ก็เล่นมาด้วยกัน 4 ฤดูกาลแรก ต่างจาก ทิมเบอ ร์-อินกาปีเย่ ที่จับคู่ตัวจริงร่วมกันครั้งแรกที่วิลล่า พาร์ค
ขณะเดียวกันแบ็กสองข้าง รวมถึงผู้เล่นเกมรุกที่ต้องลงมาช่วยในบางจังหวะ ก็ไม่ทำให้งานของเซนเตอร์คู่ใหม่นั้นง่ายขึ้นเลย
เอเบเรชี่ เอเซ่ ที่ถูกโยกไปเล่นปีกซ้ายหลีกทางให้ มาร์ติน โอเดการ์ด ทำเกมตรงกลาง ไม่ได้ช่วยเกมรับเท่าที่ควร เขาปล่อยให้แบ็กขวา แมตตี้ แคช วิ่งเติมจากหน้าเขตโทษตัวเองทะลุเข้าเขตโทษ อาร์เซน่อล ไปลุ้นยิงไปทีในจังหวะสวนกลับ เดแคลน ไรซ์ ต้องพุ่งบล็อกเอาไว้หวุดหวิด

ทรอสซาร์ ลงสำรองมาปลุกความหวังได้แป๊บนึง
จนมาถึงจังหวะเสียประตู เปา ตอร์เรส ได้โยนบอลจากซ้ายเข้าเขตโทษเลยไปถึงฝั่งขวา แคช ได้วิ่งเข้ายิงในเขตโทษแบบไม่มีใครประกบอีกครั้ง เอเซ่ ที่อยู่ใกล้สุดก็ไม่ได้มอง รู้ตัวอีกทีคือ แคช วิ่งไปแล้วแล้วยิงได้เข้าจุดลอดขา ดาบิด ราย่า เข้าประตู
ขณะเดียวกัน การป้องกันฝั่งขวาก่อนที่ ตอร์เรส จะได้โยนบอล อาร์เซน่อล ก็ทำไม่ดี เบน ไวท์ ยืนคุมเชิงอย่างเดียว ไม่ขยับเข้าใกล้หรือกดดันให้เปิดได้ยาก
เดแคลน ไรซ์ กับ มาร์ติน ซูบีเมนดี้ สองกองกลางที่่ต้องช่วยป้องกันหน้าเขตโทษ ก็ทำอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่หลายจังหวะก็เอาเกมรุกของ วิลล่า ไม่อยู่เหมือนกัน
อันที่จริง อาร์เซน่อล ก็มีโอกาสเป็นผู้ชนะไม่น้อยโดยเฉพาะช่วงเริ่มครึ่งหลังที่ได้เล่นเกมรุกอย่างถนัด ครองบอลร่วมสิบนาทีและมีโอกาสยิงต่อเนื่องก่อนได้หนึ่งประตูตีเสมอจาก เลอันโดร ทรอสซาร์ ที่ลงเป็นสำรอง
แต่นั่นก็คือช่วงเวลาสั้นๆ ที่ อาร์เซน่อล คอนโทรลเกมได้เหนือกว่า เพราะจากนั้น วิลล่า ก็คอยหาจังหวะสวนกลับเป็นระยะ ทีมของ เอเมรี่ สามารถพาบอลขึ้นมาถึงพื้นที่สุดท้าย และจบด้วยการยิงบ่อยครั้ง ราย่า ไม่ได้มีช่วงที่ผ่อนคลายได้เลย
เมื่อไม่มีฝ่ายใดควบคุมเกมได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ทุกประตู ทุกจังหวะก็ชี้ผลการแข่งขันในทันที และเป็น วิลล่า ทำได้ในช่วงเสี้่ยววินาทีที่กำลังจะจบเกม
เป็นความ "ไม่เนี้ยบ" ในเกมรับของ อาร์เซน่อล อีกครั้งที่ส่งผลถึงเสียประตู อินกาปิเย่ ตัดบอลได้ แต่ไม่รีบเคลียร์ สุดท้ายเลี้ยงออกด้านข้าง วิลล่า จึงได้ทุ่มเร็วทันที

ฉากจบอันสะเทือนใจ
จากนั้นก็เป็น "30 วินาทีแห่งความปั่นป่วน" วิลล่า ลุยใส่เหมือนหมาป่ากระโจนเข้าหากระต่าย ได้ลุ้นยิงติดเซฟ เก็บได้ยิงติดบล็อก เก็บได้อีกแล้วยิงติดบล็อกอีก ก่อนสุดท้ายเป็น บูเอนเดีย ส่งบอลตุงตาข่ายจนได้
วิลล่า ได้ลุ้นยิงถึง 4 ครั้งในเวลาเพียง "ครึ่งนาที" อาร์เซน่อล ไม่สามารถเคลียร์ทิ้งได้เลย
จังหวะบอลเป็นใจเด้งเข้าทางก็ส่วนหนึ่ง แต่เห็นได้ชัดเลยว่า อาร์เซน่อล เป็นรองทุกอย่างทั้งความตื่นตัวในการเล่น สมาธิ เรี่ยวแรง
มันอดไม่ได้ที่แฟนบอลหลายคนจะนึกถึง "กาเบรียล-ซาลีบา" ที่น่าจะจัดการจังหวะแบบนี้ได้นิ่งกว่า
แต่แน่นอนว่าปัญหาบาดเจ็บคือสิ่งที่ อาร์เตต้า พยายามหลีกเลี่ยงแค่ไหนก็ไม่เคยทำได้ ต่อให้ไม่เจ็บจากการเล่นให้สโมสร ก็ดันไปเจ็บจากทีมชาติ เกมรับที่ส่งลงเล่นนัดล่าสุดก็น่าจะเป็นชุดที่ดีสุดเท่าที่จัดได้แล้ว
เครดิตหลักต้องยกให้ วิลล่า ด้วยที่เล่นได้อย่างยอดเยี่ยม เกมรับอาจไม่ถึงกับสมบูรณ์แบบเพราะ อาร์เซน่อล ก็หาโอกาสได้พอสมควร แต่เป็น เอมิเลียโน่ มาร์ตีเนซ ฟิตกลับมาช่วยทีมทันเวลาจัดการเซฟไปไปถึง 7 ครั้ง ลูกยิงไกลที่น่าจะเสียบใต้คานของ โอเดการ์ด ก็ยังปัดปลายนิ้วได้อีก
แต่เกมรุกคือจุดเด่นที่เปิดจุดอ่อนของ อาร์เซน่อล ออกมาได้หมด จากที่เคยเก็บได้ถึง 8 คลีนชีตติดต่อกัน ก็เหลือเพียงครั้งเดียวจาก 6 นัดหลังสุด

ในเกมลีกนัดหน้า คาลาฟิออรี่ จะเป็นคนสุดท้ายจากแผงเกมรับตัวจริงที่ต้องหายไปเช่นกันเพราะสะสมใบเหลืองครบโควตา
อาร์เตต้า ต้องหาทางรับมือกับสถานการณ์ผู้เล่นเกมรับขาดหายไปอีกพักใหญ่
"มันก็เป็นแบบนี้แหละ เราต้องรับมือกับมันในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เรารู้ดี และทีมต้องสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์นี้ได้ ไม่ใช่หาข้อแก้ตัว" อาร์เตต้า กล่าวถึงสิ่งที่ต้องทำต่อไป
"แน่นอนว่า เรารู้ว่าผู้เล่นสองคนนั้น (กาเบรียล และ ซาลีบา) นำอะไรมาสู่ทีมบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกมแบบนี้ แต่ผมคิดว่าผู้เล่นอีกสองคน (ทิมเบอร์ และ อินกาปีเย่) ก็เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมแล้วในเกมนี้"
สถิติหลังจบเกมที่ วิลล่า พาร์ค คืออีกสิ่งสะท้อนถึงความโอนเอนในเกมรับของ อาร์เซน่อล ในช่วงนี้เพราะเป็น แอสตัน วิลล่า ที่สัมผัสบอลในเขตโทษ อาร์เซน่อล ได้ 43 ครั้ง มากกว่าที่ อาร์เซน่อล ทำได้ในเขตโทษ วิลล่า 10 ครั้ง
ความพ่ายแพ้ต่อ แอสตัน วิลล่า อาจถูกมองว่าเสียท่าให้โบกี้ทีมอีกแล้ว แต่มองย้อนไปอีก 4-5 นัดอาจเห็นชัดขึ้นว่าเกมรับเริ่มมีปัญหา และมันยิ่งชัดขึ้นเมื่อไม่มีทั้ง กาเบรียล และ ซาลีบา
นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ว่า อาร์เซน่อล ยังมีความเปราะบางที่ซ่อนอยู่ใต้ฟอร์มซึ่งเคยแข็งแกร่งจนถูกมองว่าฤดูกาลนี้คงถึงเวลากลับมาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อีกครั้ง
น่าสนใจเหลือเกินว่า มิเกล อาร์เตต้า จะหาทางปิดสัญญาณเตือนนี้ได้อย่างไร

