อาร์เซน่อล เก็บได้ 18 คะแนนเต็มจาก 6 นัด เป็นทีมเดียวที่ชนะรวด และเสียประตูเดียวเท่านั้น ผลงานยอดเยี่ยมอย่างมาก
ชัยชนะที่เบลเยียมถือว่ามาได้ถูกที่ถูกเวลาในช่วงที่ทีมต้องการ หลังเพิ่งปราชัยในลีกต่อ แอสตัน วิลล่า แบบเจ็บปวด 1-2 ซึ่งเป็นการแพ้นัดแรกในรอบมากกว่าสามเดือน
สถานการณ์ในลีกจึงน่ากังวลอยู่ไม่น่อยเพราะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บีบช่องว่างมาเหลือ 2 คะแนนแล้ว ขณะที่ วิลล่า ก็ตามมาไม่ห่างเพียง 3 คะแนน
มิเกล อาร์เตต้า จำเป็นต้องพาทีมชนะในเกมยุโรปให้ได้ซึ่งไม่ใช่แค่เพิ่มโอกาสเข้ารอบ แต่เพื่อเรียกความมั่นใจ และบรรยากาศที่ดีให้กลับมาอีกครั้ง
สกอร์ 3-0 พร้อมกับโอกาสอีกนับไม่ถ้วน เป็นผลการแข่งขันที่ดีเกิดคาดอยู่ไม่น้อยเพราะ อาร์เตต้า มีปัญหาในการจัดทัพอย่างมาก ...มากพอถึงขั้นต้องถอย คริสเตียน นอร์การ์ด จากกองกลางลงไปเล่นเซนเตอร์แบ็กจำเป็น
อาร์เซน่อล มีเซนเตอร์แบ็กธรรมชาติ 3 คนคือ กาเบรียล มากัลเญส, วิลเลียม ซาลีบา และ คริสเตียน มอสเกร่า และมีเซนเตอร์แบ็กควบตำแหน่งฟูลแบ็กอีก 4 คนคือ ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่, ปิเอโร่ อินกาปีเย่, เจอร์เรียน ทิมเบอร์ และ เบน ไวท์
มาดูเอเก้ ลากไปซัดเองงามหยด
แต่ด้วยปัญหาบาดเจ็บและสภาพความฟิตของหลายคนทำให้ อาร์เตต้า ต้องงัดมุกใหม่ออกมาเล่นกับการให้ นอร์การ์ด ยืนเป็นปราการหลังตัวกลาง
นอร์การ์ด เคยเล่นตำแหน่งนี้มาบ้างตอนอยู่ เบรนท์ฟอร์ด แต่ก็ไม่กี่นัดซึ่งเกิดขึ้นครั้งล่าสุดในปี 2021 ตอนที่ยังอยู่ในลีกแชมเปี้ยนชิพ พอถึงเวลาปัดฝั่นตำแหน่งนี้อีกครั้งก็เป็นเกมระดับแชมเปี้ยนส์ ลีก กันเลยทีเดียว
แต่ด้วยประสบการณ์ การยืนตำแหน่ง และความนิ่ง นอร์การ์ด จึงสอบผ่านไร้ปัญหาในการจับคู่กับ อินกาปีเย่ โดยที่แบ็กสองข้างก็เป็นตัวสำรองทั้ง เบน ไวท์ และ ไมลส์ ลูอิส-สเกลลี่
เรียกได้ว่าเป็นแผงแบ็กโฟร์ที่น้อยคนจะคาดคิดว่า อาร์เซน่อล มาถึงจุดที่ต้องใช้สูตรนี้่เมื่อพิจารณาจากการเสริมทัพเตรียมความพร้อมเอาไว้อย่างเต็มที่ในฤดูกาลนี้
แม้เป็นแผงแนวรับสำรองยกเซต แต่ทั้่งหมดซึ่งรวมถึงการเซฟประตูในหลายครั้งของ ดาบิด ราย่า ก็ช่วยให้ทีมเก็บคลีนชีตที่ 5 จาก 6 นัดในแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ได้
อาร์เตต้า กล่าวชม นอร์การ์ด ในการปรับตัวเพื่อช่วยทีมว่า "ผมคิดว่าสิ่งนั้นเกิดขึ้นจากสภาพจิตใจ และไหวพริบปฏิภาณของผู้เล่นอย่าง คริสเตียน ด้วย เช่นเดียวกับการทำหน้าที่ในบทบาทนั้น"
"คุณแจ้งเขาอย่างกะทันหันในตอนเช้าว่าเขาจำเป็นต้องเล่นในตำแหน่งนั้น เนื่องจากไม่มีผู้เล่นอื่นที่พร้อมลงสนาม แล้วเขาก็สามารถปฏิบัติหน้าที่ในบทบาทนั้นได้อย่างสมบูรณ์"
นอร์การ์ด แก้ขัดได้ดีในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ก
ขณะที่เกมรุกก็เป็นอีกวันเปลี่ยนโอกาสที่มีเป็นประตูได้ แม้ 2 จาก 3 ลูกที่ทำได้มาจากความสามารถเฉพาะตัวของ โนนี่ มาดูเอเก้ และ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ที่แข่งกันซัดไกลสุดสวย
ในวันที่เกมรุกก็ไม่ใช่ชุดดีสุดเพราะจำเป็นต้องพักตัวหลักอย่าง บูคาโย่ ซาก้า และ เอเบเรชี่ เอเซ่ เอาไว้เป็นสำรองบ้าง มาดูเอเก้ และ มาร์ติเนลลี่ ก็คว้าโอกาสของตัวเองได้ดีเยี่ยม
อาร์เซน่อล สร้างโอกาสลุ้นประตูได้ถึง 20 ครั้่ง และเข้ากรอบ 11 ครั้ง ดานี่ ฟาน เดน เฮอเวล ผู้รักษาประตูคลับ บรูช ต้องออกแรงเซฟไม่ต่างจาก ราย่า ยกเว้นเพียงสามประตูที่เสียคือหมดสิทธิ์จริงๆ
กลุ่มสำรองในเกมรุกที่ลงมาทั้ง กาเบรียล เชซุส และ อีธาน วาเนรี่ ก็ทำได้ดีเช่นกัน มีโอกาสหลายต่อหลายครั้งที่จะบวกประตูเพิ่มให้ทีม
การนำห่าง 3-0 ตั้งแต่นาทีที่ 56 แต่สามารถกดดันเจ้าถิ่นด้วยคุณภาพจากสำรองในช่วงเวลาที่เหลือคือสิ่งที่ อาร์เตต้า ต้องการจากลูกทีมเช่นกัน มันสะท้อนการพยายามรักษาโมเมนตัมที่ดีให้ได้ตลอด 90 นาที
ที่น่าชื่นใจอย่างมากคือการที่ เชซุส ได้กลับมาลงสนามครั้งแรกในรอบ 332 วัน หรือเกือบหนึ่งปีเต็มที่หายหน้าหายตาไปเพราะบาดเจ็บหนักเอ็นไขว้หน้าข้อเข่าฉีกในเกมเอฟเอ คัพ กับ แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อเดือนมกราคม
เชซุส กลับมาลงสนามในรอบ 11 เดือน
28 นาทีในสนาม และทดเจ็บอีก 4 นาที คือเวลาที่หัวหอกชาวบราซิลได้ลงมาเคาะสนิมกับการเล่นเกมทางการ ทุกอย่างสวยงามอย่างที่หลายคนอยากจะเห็นทั้งการเช่นรวมกับเพื่อนร่วมทีม และหาโอกาสลุ้นประตู มันเกือบสมบูรณ์แบบสุดๆ หากลูกยิงในเขตโทษไม่ไปชนคานอย่างจัง
ขณะที่ มาร์ติเนลลี่ ประตูล่าสุดนี้ก็ทำให้เขากลายเป็นนักเตะ อาร์เซน่อล คนแรกในประวัติศาสตร์ที่ยิงประตูในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 5 นัดติดต่อกัน
อาร์เซน่อล ได้ชัยชนะที่ยอดเยี่ยมอีกครั้งในเวทียุโรป อีกแค่เพียงปลายเล็บเท่านั้นก็จะเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายโดยอัตโนมัติ มีเพียงเหตุการณ์พลิกล็อกสุดๆ ในสองนัดสุดท้ายเท่านั้นจะทำให้ไม่จบใน 8 อันดับแรกของตาราง
สถานการณ์ในแชมเปี้ยนส์ ลีก ตอนนี้่ทำให้ อาร์เซน่อล ผ่อนคลายได้อย่างสบายใจ และสามารถโฟกัสในลีกได้เต็มที่
เริ่มจากวันเสาร์นี้เลยที่ต้องกลับมาชนะในลีกให้ได้เพื่อขยับหนี แมนฯ ซิตี้ ออกไปก่อน และตั้งลำเพื่อเดินหน้าเต็มตัวให้ได้อีกครั้ง
