แค่เส้นบางๆ

มิเกล อาร์เตต้า พาทีมลงสนามก่อนคู่แข่งอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รวมถึง แอสตัน วิลล่า โดยที่เป้าหมายเป็นอื่นใดไม่ได้นอกจากต้อง "ชนะ" เท่านั้นเพื่อขยับหนีไปก่อน 5 คะแนน

มิเกล อาร์เตต้า ได้ผู้เล่นหลายคนฟิตกลับมาช่วยทีมอีกครั้งไม่ว่าจะเป็น วิลเลียม ซาลีบา และ เจอร์เรียน ทิมเบอร์ ในเกมรับ ส่วนตรงกลางก็ได้ เดแคลน ไรซ์ กลับมาจับคู่กับ มาร์ติน ซูบีเมนดี้ รวมถึง เลอันโดร ทรอสซาร์ ในฐานะกำลังเสริมเกมรุก

ขณะที่ บูคาโย่ ซาก้า และ เอเบเรชี่ เอเซ่ ที่เป็นสำรองเกมยุโรป ได้สลับลงแทน โนนี่ มาดูเอเก้ และ มาร์ติน โอเดการ์ด เพื่อเพิ่มความสดให้ทีม 

ส่วน วูล์ฟแฮมป์ตัน ปรับแดนบนเช่นกันเมื่อไม่มี ฌอง-ริซแนร์ แบลล์การ์ด ที่เจ็บจากเกมแพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด ฮวาง ฮี-ชาน จึงได้เล่นคู่กับ เยอร์เก้น สตรานด์ ลาร์เซ่น พร้อมได้ ชูเอา โกเมส พ้นโทษแบนกลับมาช่วยตรงกลาง

กางกระดาษเทียบกันแล้ว อาร์เซน่อล เหนือกว่ามากทั้งการได้เล่นในบ้าน คุณภาพของตัวเองผู้เล่น และการเจอกันในช่วงเวลาที่เป็น "จ่าฝูง" ขณะที่ วูล์ฟแฮมป์ตัน คือ "บ๊วย" ของลีก 

ทว่าในการเล่นจริง บ๊วยก็เกือบติดคอจ่าฝูง! 

ร็อบ เอ็ดเวิร์ดส์ กุนซือ วูล์ฟส์ วางแผนการเล่นมาดีมาก กองหลังอัดแน่น 5 คน เวลาป้องกันด้านข้างก็ใช้สองคนช่วยกัน ส่วนหน้าเขตโทษมี 3 กองกลางวิ่งพล่านทั้งเกม เช่นเดียวกับคู่หน้าที่ลงมาซ้อนให้ก่อนชั้นแรก

วูล์ฟส์ พยายามเล่นแบบนี้มาหลายนัดเพื่อหยุดรูรั่วหลังบ้านซึ่งทำให้ทีมแพ้ตลอด 9 นัดหลังสุดในทุกรายการ แต่ส่วนใหญ่ทำไม่สำเร็จเพราะผิดพลาดง่าย ยืนระยะไม่ตลอด 90 นาที

ลูกเปิดเตะมุมของ ซาก้า มีโชคเป็นประตู

แต่เกมนี้ทำได้อย่างยอดเยี่ยมโดยเฉพาะครึ่งแรกที่ไม่ปล่อยให้ อาร์เซน่อล ได้ยิงตรงกรอบแม้แต่ครั้งเดียว แถมเกือบขึ้นนำก่อนด้วยจากการสวนกลับ ฮวาง ฮี-ชาน หลุดเดี่ยวไปยิง ทว่า ดาบิด ราย่า เซฟช่วยเจ้าถิ่นเอาไว้ 

แข้งหมาป่าเล่นกันได้ดี และคึกคักเป็นพิเศษ ช่วยกันวิ่งไล่ทุกคน การยืนตำแหน่งยอดเยี่ยม มีวินัยสุดๆ สมาธิไม่มีหลุดเลย และแม้เสียฟาวล์ในพื้นที่อันตรายบ่อยครั้ง แต่ อาร์เซน่อล ก็ไม่สามารถฉกฉวยประโยชน์ได้ 

เกมของ อาร์เซน่อล ขึ้นทางฝั่งขวาเป็นหลัก ซาก้า สร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมได้หลายครั้ง แม้โดนเข้าประกบสองเกือบตลอด 

แต่การจบสกอร์ของปืนใหญ่ไม่เด็ดขาด กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ มีโอกาสจะแจ้งสองครั้งก็ทำเสียของ ส่วน วิคตอร์ โยเคเรส ยังเอาชนะตัวประกบไม่ได้ จึงไม่สามารถพาตัวเองไปในจุดที่มีลุ้นทำประตู

เป็นครึ่งแรกที่น่าอึดอัดสำหรับ อาร์เซน่อล แถมเจอปัญหาเดิมๆ มีผู้เล่นเจ็บอีกครั้ง คราวนี้เป็น เบน ไวท์ ที่กำลังเริ่มคืนฟอร์ม ก็มาเดี้ยงอีกรายในจังหวะสปรินต์ตอนโดนโต้กลับ 

อาร์เตต้า ต้องแก้ปัญหาด้วยการส่ง ไมลส์ ลูอิส-สเกลลี่ ถูกส่งลงมาเล่นแบ็กซ้ายเพื่อขยับ ปิเอโร่ อินกาปีเย่ ไปยืนเซนเตอร์ร่วมกับ วิลเลียม ซาลีบา ทำให้ ทิมเบอร์ ถ่างออกไปเล่นแบ็กขวาแทน ไวท์

ครึ่งหลังเริ่มมาไม่ถึง 15 นาที อาร์เตต้า ปรับเกมใหม่เพราะหาโอกาสเจาะไม่ได้จริงๆ มาร์ติน โอเดการ์ด, มิเกล เมรีโน่ และ เลอันโดร ทรอสซาร์ ลงมาแทน มาร์ติเนลลี่, เอเซ่ และ ซูบีเมนดี้ 

ฝั่งซ้ายเริ่มมีจังหวะต่อบอลและโยนบอลเข้าเขตโทษได้มากขึ้นเมื่อ ทรอสซาร์ ลงมาในสนาม โอกาสยิงเข้ากรอบครั้งแรกก็มาฝั่งซ้ายที่ ทรอสซาร์ จ่ายยอลให้ ไรซ์ พลิกยิงหน้าเขตโทษ แซม จอห์นสตัน ต้องออกแรงพุ่งปัดปลายมือหวุดหวิด

ช็อตได้ประตูชัยของ อาร์เซน่อล

หลังจากพยายามอยู่นาน ประตูที่ อาร์เซน่อล รอคอยก็เกิดขึ้น และเป็นประตูที่มีโชคเข้าข้างเต็มเหนี่ยว ซาก้า เปิดเตะมุมโด่งข้ามหัว จอห์นสตัน ชนเสาไกลแล้วเด้งโดนหัวไหล่นายทวารทีมเยือนก่อนเด้งซุกก้นตาข่าย กลายเป็นการทำเข้าประตูตัวเอง

อาร์เซน่อล โชคดี ส่วน วูล์ฟส์ โชคร้ายสำหรับประตูแรกในเกมนี้  

ทีมของ อาร์เตต้า พยายามเดินหน้าต่อ โยเคเรส มีบทบาทมากขึ้นในครึ่งหลังทั้งได้โหม่งหลุดกรอบ และพลิกหนีตัวประกบแล้วยิงในเขตโทษ ส่วนเปอร์เซ็นต์การครองบอลของทีมเพิ่มขึ้นสูงถึง 82 เปอร์เซ็นก่อนเข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้าย

ทว่าเล่นไปเล่นมา เกมของทีมปืนใหญ่ก็ดร็อปลง และกลายเป็น วูล์ฟส์ ได้ครองบอลต่อเนื่อง บีบให้เจ้าถิ่นต้องถอยรับลึก เกมรับยืนตำแหน่งทับกันมั่ว แทบจะไม่สามารถตั้งเกมเล่นจากข้างหลังได้เลย

และในที่สุดก็เป็น วูล์ฟส์ ที่เสมอจนได้ในนาทีสุดท้ายจากการประสานงานกันของสองตัวสำรอง มาเตอุส มาเน่ โยนให้ โตลู อาโรโกดาเร่ สะบัดศีรษะโขกส่งบอลตุงตาข่ายอย่างเด็ดขาด ตัวประกบอย่าง อินกาปีเย่ อยู่ในตำแหน่งเสียเปรียบ ขณะที่ ราย่า ยืนขาตายเพราะเตรียมจะขยับไปอีกทาง

เป็นประตูในนาทีบาปที่ช็อกแฟนบอลในเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม จนแทบหยุดหายใจกันทั่วสนาม อาร์เซน่อล ที่ต้องการชนะเพื่อรักษาตำแหน่งจ่าฝูงของตัวเอง กำลังได้เพียงเสมอทีมที่กำลังมีผลงานแย่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก

อาร์เตต้า ผิดหวังกับการเล่นเกมรับในช่วงก่อนเสียประตูอย่างมาก เขากล่าวว่า "เราก็มีช่วงเวลา 2-3 นาทีที่เราตั้งรับลึก เล่นแบบเฉื่อยชาโดยสิ้นเชิง และมีนิสัยการตั้งรับที่แย่มากซึ่งมันยังห่างไกลจากระดับที่จำเป็นเมื่อเจอกับทีมที่ยังไม่มีโอกาสยิงเลยแม้แต่ครั้งเดียว"

"ผมรู้ว่านี่จะไม่ใช่เกมที่ง่ายเลย แต่เราทำให้มันยากขึ้นไปอีกด้วยสิ่งที่เราทำในลักษณะที่เสียประตูไป และนั่นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ เราต้องปรับปรุงในเรื่องนั้นอย่างแน่นอน"

อาร์เตต้า มีเรื่องต้องจัดการแม้ชนะ

ความรู้สึกของ อาร์เตต้า สะท้อนถึงการเล่นเกมรับของทีมที่มีปัญหาในช่วงหลัง มันไม่ใช่แค่ความผิดพลาดในเสี้ยววินาที แต่เกิดขึ้นเป็นระยะเวลามากพอเหมือนกลายเป็น 'นิสัย'

ในช่วงหลัง อาร์เซน่อล เสียประตูท้ายเกมบ่อยครั้งมากทั้งเกมที่โดน ซันเดอร์แลนด์ ตีเสมอ 2-2 ทดเจ็บ โดน แอสตัน วิลล่า ยิงชนะ 2-1 ก็ทดเจ็บเช่นกัน และมาเกมนี้ในนาที 90 ที่กำลังทำให้ทีมไม่ชนะในลีกเป็นนักที่ 4 ติดต่อกแน

อย่างไรก็ตาม อารมณ์แฟนบอลก็พลิกตาลปัตรอีกรอบเมื่อ อาร์เซน่อล มาได้ประตูชัยในช่วงทดเจ็บ ซาก้า เป็นคนสร้างโอกาสอีกแล้วเปิดให้ กาเบรียล เชซุส หนึ่งในตัวสำรองขึ้นโหม่งแย่งกับ เยร์ซอน มอสเกร่า บอลไปโดนหน้ากองหลังวูล์ฟส์เปลี่ยนทางเข้าประตูตัวเอง

เป็นฉากจบที่สุดดราม่าอย่างแท้จริง อาร์เซน่อล เอาชนะได้ตามเป้า แต่ไม่สามารถดีใจได้อย่างเต็มที่เพราะไม่ใช่ฟอร์มการเล่นที่ดีอย่างที่ควรจะเป็น

จริงอยู่ว่าในวันที่เล่นไม่ดี ยิงประตูไม่ได้ โดนตีเสมอนาทีสุดท้าย แต่ก็ยังได้สองประตูชนะจากการสงเคราะห์ให้ของคู่แข่ง นี่คือข้อดีของทีมที่จะเป็นแชมป์ เรียกง่ายๆ ว่ามี "ดวงแชมป์"

แต่ในรายละเอียดที่ซุกซ่อนอยู่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ฟอร์มการเล่นในตอนนี้ของ อาร์เซน่อล ตกลงไปพอสมควร มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ทีมลุ้นแชมป์ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดขึ้น แต่ก็เกิดขึ้น 

มันไม่ใช่แค่เกมนี้แต่เกิดขึ้นมาระยะหนึ่งแล้วในการเล่นเกมลีก 3-4 นัดหลัง หรือไล่ย้อนไปจริงๆ ก็อาจตั้งแต่เกมที่เสมอ ซันเดอร์แลนด์ 2-2 ก่อนเบรกทีมชาติในเดือนพฤศจิกายน

อาร์เซน่อล มีคุณสมบัติแชมป์ชนะได้แม้เล่นไม่ดี หรือพวกเขาแค่โชคดีที่ชนะ

มันมีแค่เส้นบางๆ ที่กั้นเอาไว้เท่านั้น

หรือบางทีมันอาจเป็นเส้นเดียวกัน ที่แม้แต่ อาร์เซน่อล เองก็ยังแยกไม่ออกในตอนนี้