หักปีกนางนวล
มาร์ติน โอเดการ์ด ส่องไกลประตูแรก ตามด้วยการโหม่งผิดเหลี่ยมเข้าประตูตัวเองของ จอร์จินโย่ รุตแตร์ ก่อนทีมเยือนมีความหวังขึ้นหลังได้ประตูตีไข่แตกจาก ดีเอโก้ โกเมซ และเกือบตามตีเสมอได้ แต่สุดท้าย อาร์เซน่อล ยังเก็บ 3 แต้มสำคัญได้สำเร็จ
เกมนี้ มิเกล อาร์เตต้า จัดตัวเซอร์ไพรส์ไม่น้อยด้วยการส่ง เดแคลน ไรซ์ ลงเล่นแบ็กขวาจำเป็นเพราะตัวเลือกไม่เหลือแล้วขาดทั้ง เบน ไวท์, คริสเตียน มอสเกร่า และล่าสุด เจอร์เรียน ทิมเบอร์ เจ็บข้อเท้าจากเกมคาราบาว คัพ
แม้ไม่ใช่ตำแหน่งถนัด แต่กองกลางค่าตัวสถิติสโมสรก็ปรับตัวเล่นได้เหมือนของง่าย ทำให้เห็นอีกครั้งความครบเครื่องและสารพัดประโยชน์พร้อมช่วยทีมในทุกสถานการณ์
ที่น่าสนใจคือ ไรซ์ ไม่ได้เล่นแบบ "Invert" หุบเข้าตรงกลางเหมือนที่ อาร์เตต้า ชอบให้ฟูลแบ็กทำในช่วงที่ผ่านมา แต่เล่นเป็นแบ็กขวาดั้งเดิมขึ้น-ลงริมเส้นเป็นหลักเพื่อสนับสนุนการเล่นของ บูคาโย่ ซาก้า รวมถึง มาร์ติน โอเดการ์ด
แม้ว่ากองกลางทีมชาติอังกฤษจะไม่มีชื่อเป็นผู้ทำแอสซิสต์อย่างเป็นทางการ แต่เขามีส่วนสำคัญกับทั้งสองประตู โดยประตูแรกเขาโหม่งชงให้ ซาก้า ก่อนจะวิ่งสอดเข้าด้านในเขตโทษช่วยดึงตัวประกบให้ถอยร่นตาม เปิดที่ว่างให้ มาร์ติน โอเดการ์ด มีเวลาเล็งและตะบันเต็มข้อเสียบโคนเสาอย่างแม่นยำ
ขณะที่ลูกเตะมุมโค้งจากฝั่งซ้ายของ ไรซ์ ก็สร้างความกดดันจน จอร์จินโย่ รุตแตร์ ต้องโหม่งสกัดเข้าประตูตัวเองในช่วงต้นครึ่งหลังซึ่งเป็นประตูสำคัญมาก อาร์เซน่อล อาจไม่ได้ 3 คะแนนหากนำเพียงลูกเดียว

ไรซ์ ทำหน้าที่ "แบ็กขวาจำเป็น" ได้ยอดเยี่ยม

การวิ่งของ ไรซ์ ช่วยเปิดพื้นที่ว่างให้ โอเดการ์ด
นอกจากนี้ยังมีลูกเสียบสกัดอันหนักหน่วงและแม่นยำใส่ มักซิม เดอ คุยเปอร์ ตอน ไบรท์ตัน กำลังได้โต้กลับครึ่งแรก ซึ่งเป็นการตอกย้ำความยอดเยี่ยมในการเล่นแบ็กขวาจำเป็นของ ไรซ์ ได้เป็นอย่างดี และเขาก็ได้รับเสียงโหวตจากแฟนบอล อาร์เซน่อล ให้เป็นผู้เล่นที่ดีสุดของเกมนี้
การเล่นของ ไรซ์ ช่วยให้เกมรุก อาร์เซน่อล กดดัน ไบรท์ตัน ได้ต่อเนื่องโดยเฉพาะการทำเกมของ บูคาโย่ ซาก้า
อาร์เซน่อล พยายามป้อนบอลให้ ซาก้า บ่อยครั้งซึ่งปีกทีมชาติอังกฤษก็ใช้ความเร็ว ความคล่องตัว และทักษะที่เหนือกว่าคอยเล่นงานเกมรับฝั่งซ้ายของผู้มาเยือนจน เดอ คุยเปอร์ รับมือไม่ไหว และถูกเปลี่ยนตัวออกช่วงพักครึ่ง
ซาก้า กระชากผ่านได้หลายครั้งในจังหวะดวลหนึ่งต่อหนึ่ง สามารถหลอกล่อและหนีเข้าเขตโทษได้ทั้งด้านในและด้านนอกบ่อยครั้ง
สถิติระบุว่าผู้เล่นของ ไบรท์ตัน ทั้งทีมได้สัมผัสบอลในเขตโทษ (18 ครั้ง) มากกว่าที่ ซาก้า คนเดียว (16 ครั้ง) เพียงแค่ 2 ครั้งเท่านั้น
เกมนี้ ซาก้า เลี้ยงบอลสำเร็จ 3 ครั้ง และหาจังหวะยิงถึง 7 ครั้ง แม้มีบางจังหวะที่น่าจะเปิดบอลให้เพื่อนมากกว่ายิงเอง แต่ตลอดทั้งเกมก็สร้างโอกาสได้ 4 ครั้งทั้งจ่ายให้ โอเดการ์ด ส่องเปิดหัว และโอกาสทองท้ายเกมของ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่
"เจ้าบี" อาจจะรู้สึกเสียดายที่ไม่สามารถทำประตูได้ โดยเฉพาะลูกหลุดเดี่ยวในช่วงท้ายเกมที่ควรจะปิดกล่องได้เด็ดขาดกว่านี้ แต่เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้เล่นที่มีความอันตรายตลอดทั้งเกม

ซาก้า คุกคามเกมรับ ไบรท์ตัน ได้ต่อเนื่่อง
ในแง่ของการสร้างสรรค์โอกาสในเกมรุก เกมนี้ อาร์เซน่อล สามารถโจมตีด้านข้างและสร้างปัญหาให้ ไบรท์ตัน ได้ตลอดทั้งเกม และหากเป็นวันอื่นก็น่าจะยิงได้มากกว่า 2 ประตูที่ทำได้
เป็นครั้งแรกในฤดูกาล 2025/26 ที่ อาร์เซน่อล มีค่า Expected Goals (xG) หรือ ค่าความน่าจะเป็นของการได้ประตู สูงเกิน 3 ประตูในเกมลีก นอกจากนี้เรายังสร้างสถิติจำนวนการยิง การยิงในกรอบเขตโทษ และการสัมผัสบอลในเขตโทษคู่แข่ง สูงกว่าทุกเกมในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้
หากจังหวะสุดท้ายมีความเด็ดขาดมากกว่านี้ สกอร์น่าจะออกมาขาดลอยมากกว่าที่เป็น และแฟนบอลไม่ต้องลุ้นตัวเกร็งจนจบเกม
ขณะเดียวกันในเกมรับ หนึ่งในคนที่ได้รับคำชมคือ ดาบิด ราย่า กับการเซฟที่ยอดเยี่ยมสุดอีกครั้งในฤดูกาลนี้
ราย่า แทบจะเป็นเพียงผู้ชมอีกคนในครึ่งแรกเพราะ ไบรท์ตัน ไม่มีโอกาสลุ้นยิงแม้แต่ครั้่งเดียว แต่การปรับเกมช่วงพักครึ่งก็ทำให้การเล่นของทัพนางนวลยกระดับขึ้นโดยเฉพาะ ยานคูบา มินเตห์ ที่อันตรายสุดๆ ทางกราบขวา
ไบรท์ตัน เล่นได้ดีขึ้นตั้งแต่เริ่มครึ่งหลัง และตีไข่แตกได้สำเร็จจากการซ้ำดาบสองของ โกเมซ หลังจาก ยาซิน อายารี่ ซัดชนเสาทีแรก ก่อนบุกกดดันใส่ อาร์เซน่อล ต่อเนื่องเพื่อตามตีเสมอให้ได้ และเกือบทำได้ในนาที 76 จาก มินเตห์ วิ่งสอดเข้าเขตโทษก่อนได้ปั่นไซด์โค้งด้วยเท้าซ้าย
วิถีบอลน่าจะเสียบสามเหลี่ยมเสาไกล แต่ ราย่า ที่แทบไม่ได้ออกแรงเลยก่อนหน้านี้ กลับปฏิกิริยาไวอย่างเหลือเชื่อ บินสุดตัวปัดบอลข้ามคานไปได้หวุดหวิดจนกลายเป็นหนึ่งในการเซฟที่น่าเหลือเชื่อที่สุดในฤดูกาลนี้ และช่วยให้ทีมไม่เสียประตูตีเสมอซึ่งอาจทำให้เสียตำแหน่งจ่าฝูงให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อีกด้วย

เซฟสำคัญของ ราย่า
อีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ กัปตันทีม มาร์ติน โอเดการ์ด ที่ทำผลงานได้ดีสุดนับตั้งแต่เริ่มฤดูกาลมาเลยก็ว่าได้
โอเดการ์ด เคลื่อนที่สร้างสรรค์เกมรุกอย่างอิสระไปทั่วสนาม ไม่ได้เอียงชิดฝั่งขวามากเกินไป แต่ขยับเข้าในเป็นเพลย์เมกเกอร์หมายเลข 10 มากขึ้น
การขยับเข้ามาเล่นด้านในของดาวเตะทีมชาตินอร์เวย์ ช่วยสร้างพื้นที่ให้ ซาก้า ได้ดวลตัวต่อตัวกับวิงแบ็กของไบรท์ตันทางฝั่งขวา ไม่ได้เข้าไปยืนทับพื้นที่กัน แต่เลือกรับบอลในตำแหน่งกลางสนามและจ่ายบอลทำทางให้ปีกชาวอังกฤษได้เปรียบ
โอเดการ์ด จ่ายบอลสำคัญ 5 ครั้ง สูงสุดของทีมในเกมนี้ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการเซตเกมรุกที่รวดเร็ว โดยเล่นได้อย่างพริ้วไหวในพื้นที่แคบและโชว์ไหวพริบในการเล่นที่ยอดเยี่ยม
เรียกได้ว่ากลับสู่ฟอร์มที่ดีที่สุดหลังหายจากอาการบาดเจ็บก็ว่าได้ และเมื่อรวมกับการปลดล็อกทำประตูแรกของฤดูกาลได้สำเร็จ ผลงานในเกมนี้จึงเป็นฟอร์มการเล่นที่น่าประทับใจและช่วยยกระดับทีมอย่างแท้จริง
"นานแล้วที่ผมไม่ได้ทำประตู ผมรอโอกาสนี้มานาน ผมทุ่มเทฝึกซ้อมกับการจบสกอร์มากๆ มันได้ผลแล้ว ผมดีใจมากจริงๆ" โอเดการ์ด เปิดใจหลังนับหนึ่งประตูแรกในลีกฤดูกาลนี้

โอเดการ์ด ซัดประตูแรกในลีกฤดูกาลนี้
ขณะที่ มิเกล อาร์เตต้า กล่าวสรุปว่าควรชนะขาดมากกว่านี้ แต่ด้วยสถานการณ์อาการบาดเจ็บที่ต้องเจอก็ยกย่องสปิริตของทีมที่ช่วยกันเอาตัวรอดได้
"ผมคิดว่าเราครองเกมได้เบ็ดเสร็จตลอดทั้งเกม เราสร้างสรรค์โอกาสได้มากมาย มีจังหวะลุ้นประตูจะแจ้งหลายครั้ง ซึ่งผมมองว่าช่องว่างของสกอร์มันควรจะขาดกว่า 2-0" อาร์เตต้า กล่าว
"แต่เมื่อปิดเกมไม่ได้ ทีมระดับนี้เขามีคุณภาพพอ มีความสามารถเฉพาะตัวที่ดี และพอเขาทำประตูได้ เกมมันก็กลับมาสูสีทันที"
นอกจาก ทิมเบอร์ ที่เจ็บจนต้องปรับแนวรับแล้ว อาร์เตต้า ก็ต้องเปลี่ยนแบ็กซ้ายด้วยเพราะ ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ โชคร้ายเจ็บตอนวอร์มทำให้พลาดช่วยทีมอีกราย ไมลส์ ลูอิส-สเกลลี่ จึงได้โอกาสลงเล่นแทนซึ่งนั่นเท่ากับว่าในแผงแบ็กโฟร์ตัวจริงมีเพียง วิลเลียม ซาลีบา คนเดียวเพราะอีกตำแหน่งเป็น ปิเอโร่ อิกาปีเย่
"ในภาพรวม หลังจากที่ต้องลงเตะทุกๆ 3 วัน ผลงานที่นักเตะแสดงออกมาท่ามกลางสถานการณ์อันยากลำบากที่เรากำลังเผชิญ โดยเฉพาะในแผงหลัง เราเสีย เจอร์เรียน ทิมเบอร์ ไปเมื่อวาน และมาเสีย คาลาฟิออรี่ ในช่วงวอร์มอัพ วิธีที่ทุกคนก้าวขึ้นมาทำหน้าที่แทนกันนั้นยอดเยี่ยมจริงๆ"
"การเห็น เดแคลน ลงไปเล่นในตำแหน่งแบ็กขวานั้นมันเหลือเชื่อมาก ผมภูมิใจในตัวพวกเขาจริงๆ เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดที่อธิบายความรู้สึกของผมที่มีต่อทีมนี้ ทั้งเรื่องสปิริตและความกระหายที่จะชนะ"
"ผมคุยกับ เดแคลน แล้วบอกเขาว่าต้องเล่นในตำแหน่งแบ็กขวา เขาก็บอกว่า...'โอเค ผมพร้อมรับความท้าทาย ผมจะทำอย่างเต็มที่' ทัศนคติแบบนี้เป็นสิ่งที่น่าชื่นชมมาก"
"เราจำเป็นต้องใช้ผู้เล่นทุกคน บางคนอาจต้องไปเล่นในตำแหน่งที่ไม่คุ้นเคยเพื่อประคับประคองทีมผ่านสถานการณ์แบบนี้ไปให้ได้ และการได้เห็นฟอร์มการเล่นในลักษณะนี้ มันเป็นอะไรที่วิเศษมาก" อาร์เตต้า ทิ้งท้าย
เป็นอีกหนึ่งเกมที่ อาร์เซน่อล แสดงให้เห็นว่ามีความยืดหยุ่นมากพอในการเอาตัวรอดได้ แม้ในวันที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบทั้งความพร้อมของผู้เล่นและผลงานในสนาม

