สิ้นสุดการรอคอย
เอฟเอ คัพ 2025 จบลงด้วยชัยชนะของคริสตัล พาเลซ หลังพลิกล็อกคว่ำ แมนฯ ซิตี้ 1-0
อาจไม่ใช่ "แจ็คผู้ฆ่ายักษ์" แต่ก็เหนือความคาดหมายอยู่ไม่น้อยทีเดียว
ว่ากันตามหน้าเสื่อ เรือใบสีฟ้าแทบเป็นขาประจำถ้วยน็อกเอาต์ 2 ปีหลังทำศึกแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ แพ้บ้าง ชนะบ้าง แต่นั่นก็คือการเผชิญหน้ากับอริร่วมเมือง ดีกรีระดับลุ้นแชมป์อยู่แล้ว
ขณะที่ พาเลซ นี่เพิ่งเป็นการเข้าชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ครั้งที่ 3 ของสโมสรเท่านั้นเอง และ 2 ครั้งก่อนหน้านี้ล้วนพ่ายให้กับมุมแดงแห่งแมนเชสเตอร์ทั้งหมด (1990 และ 2016)
เธิร์ด ไทม์ ลัคกี้
หากแต่เมื่อย่ำลงผืนหญ้า 11 ต่อ 11 ขุนพล หมากกลจากขงเบ้งข้างสนาม ณ สังเวียนกลาง ไม่มีใครได้เปรียบ
ยกนี้ โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ กุนซือชาวออสเตรีย ชนะน็อก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
ด้วยรูปเกมที่คาดการณ์ได้ เรือใบสีฟ้าครองบอลหาช่องเจาะเข้าใส่ ขณะที่ปราสาทเรือนแก้วตอบโต้ด้วยจังหวะสวนเจ็บๆ
ประตูที่ เอเบเรชี่ เอเซ่ ตวัดยิงลูกเปิดของ ดาเนี่ยล มูนญอซ ตั้งแต่ 16 นาทีแรก เพียงพอเป็นสกอร์ตัดสินเกม
จุดเปลี่ยนใหญ่อาจอยู่ที่ ดีน เฮนเดอร์สัน
มือกาวพาเลซสุ่มเสี่ยงต่อการโดนไล่ออก หลังใช้มือปัดบอลนอกเขตโทษ (แต่ตัวถอยกลับไปอยู่ในเขตได้ทัน) ในจังหวะออกมาป้องกันก่อนบอลถึง เออร์ลิง ฮาแลนด์
VAR ไม่ทักท้วง และผู้ตัดสิน สจ๊วร์ต แอตเวลล์ ไม่ได้ว่าอะไร
และเพียงไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ซิตี้ได้จุดโทษ หลัง แบร์นาร์โด้ ซิลวา โดน ไทริค มิตเชลล์ เสียบคว่ำในกรอบเขตโทษ
ฮาแลนด์คว้าบอลเตรียมสังหาร ก่อนส่งบอลให้ โอมาร์ มาห์มูช ทำหน้าที่แทน ทว่า แข้งใหม่ที่เพิ่งย้ายมาร่วมทัพเรือใบเมื่อต้นปี ซัดไปติดเซฟนายทวารวัย 28
จากที่มีสิทธิ์โดนไล่ออก กลายเป็นฮีโร่ป้องกันจุดโทษ
มันคือค่ำคืนของเฮนเดอร์สันโดยพลัน
เรือใบไร้ไอเดีย
แม้เป็นฝ่ายครองบอลแทบเบ็ดเสร็จ ทว่า เรือใบสีฟ้าไม่อาจทลายพื้นที่สุดท้ายอันหนาแน่นของพาเลซได้
ไม่ต่างกับการเตะบอลอัดกำแพง
ไม่มีลูกจ่ายมหัศจรรย์จาก เควิน เดอ บรอยน์
ไม่มีลูกยิงเด็ดขาดจาก เออร์ลิง ฮาแลนด์
ไม่มีประตูจากแถวสองของ ฟิล โฟเด้น
ไม่มี ... ฯลฯ
นั่นเท่ากับฤดูกาลนี้ของ "เรือใบสีฟ้า" จบแบบมือเปล่าเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2016-17 ซีซั่นแรกในเมืองผู้ดีของเป๊ป
KDB ปิดฉากชีวิตค้าแข้งในถิ่นเอติฮัดแบบเศร้าๆ
และอาถรรพ์แชมป์คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ยังคงอยู่ต่อไป
วันที่ยิ่งใหญ่
เสมือนของขวัญครบรอบ 120 ปี นี่คือแชมป์รายการใหญ่ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรคริสตัล พาเลซ
ก่อนหน้านี้ ดิ อีเกิ้ลส์ เคยคว้าแชมป์ใหญ่สุดเพียง แชมป์ระดับดิวิชั่น 2 (เทียบเท่าแชมเปี้ยนชิพในปัจจุบัน) เมื่อฤดูกาล 1978-79 และ 1993-94
ก่อนเริ่มต้นฤดูกาลหน้า พาเลซจะได้สัมผัส คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร
เช่นเดียวกับการตะลุยถ้วยยุโรป หลังคว้าสิทธิ์ยูโรปา ลีก ฤดูกาลหน้า ครั้งแรกของสโมสรอีกเช่นกัน
มันคือวันที่ยิ่งใหญ่ของพวกเขา
ขอมอบเพลงนี้ให้กับ คริสตัล พาเลซ พร้อมส่งความหวังและกำลังใจให้กับเหล่าพระรองทุกราย
อดทน ทำงานหนัก รอคอย แล้ววันหนึ่ง มันจะเป็นโอกาสของคุณครับ
"ฟ้ากว้างใหญ่ บนหนทางไกลเราพร้อมจะไปสู่ฝัน
ไม่รู้เป็นไง ไม่สนอะไร ก่อนที่จะตายทำมัน
วันนี้ยังมี พรุ่งนี้ไม่มี ทำให้ดีๆ ก็แล้วกัน"
บทเพลง "วันที่ยิ่งใหญ่" จากชาวคณะ หิน เหล็ก ไฟ เฮฟวี่เมทัลพันธุ์ไทย กับสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 3 Never Say Die เมื่อปี 2548
"ใครมีโอกาสก็ไขว่คว้ามา ไม่มีโอกาสก็ไปหามา
อะไร (มีอะไร) จะทำ (ไม่ได้ทำ)
อะไร (รออะไร) อยากทำ (ก็รีบทำ)
เอาเลยเอาพลังเราออกมา เอามันออกมา"
พี่โป่ง - ปฐมพงศ์ สมบัติพิบูลย์ ตวัดน้ำหมึกปลุกไฟและพลังที่ซ่อนอยู่ในตัวคุณออกมา
"วันนี้ วันที่ยิ่งใหญ่ของเรา วันที่เฝ้ารอ
วันนี้ วันนี้วันดีของเรา
แอ่นอกรับมันเอาไว้ วันที่ยิ่งใหญ่ของเรา"
ดูเหมือน 2024-25 เป็นฤดูกาลแห่งการปลดล็อก
เมื่อต้นปี นิวคาสเซิ่ล สิ้นสุด 70 ปีที่รอคอย หลังคว่ำลิเวอร์พูล ในนัดชิงชนะเลิศ คาราบาว คัพ
วันนี้ พาเลซกับแชมป์แรกของสโมสร
กลางสัปดาห์หน้า ถึงคราไก่เดือยทอง?
บทเพลงที่ 31 : วันที่ยิ่งใหญ่
คำร้อง - ทำนอง : ปฐมพงศ์ สมบัติพิบูลย์
เรียบเรียง : ณรงค์ ศิริสารสุนทร
ศิลปิน : หิน เหล็ก ไฟ
อัลบั้ม : Never Say Die
ปี : 2548
