เหลือเก็บ-เหลือจ่าย

วันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน 2568 คอลัมน์ บรรเลงเพลงแข่ง โดย แว่นดำ
259
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
"เหลือเก็บค่อยเอาไปใช้ เหลือจ่ายค่อยเอาไปเก็บ"

    ตลาดนักเตะซัมเมอร์ 2025 คึกคักไม่เบา

    ก่อนอื่นต้องขอทำความเข้าใจเล็กน้อยสำหรับตลาดซื้อขายซัมเมอร์นี้ที่ต่างจากเดิมเล็กน้อย อันดับแรกคือ มีการแบ่งช่วงเวลาเป็น 2 ส่วน

    ส่วนแรก เปิดฉากตั้งแต่อาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน และปิดในอีก 9 วันต่อมา โดยในตลาดช่วงนี้ช่วยให้ทีมต่างๆ ที่เข้าแข่งขันชิงแชมป์สโมสรโลกมีโอกาสเซ็นสัญญากับนักเตะก่อนการแข่งขันเริ่มต้น

    จากนั้น ตลาดซื้อขายจะเปิดอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน ก่อนปิดในวันจันทร์ที่ 1 กันยายน สำหรับสโมสรในพรีเมียร์ลีก, สโมสรลีกอังกฤษและ สก็อตติช พรีเมียร์ชิพ

    นั่นหมายความว่า ยกแรกสำหรับบรรดาทีมใหญ่จบลงไปแล้ว และแน่นอน เมื่อตลาดเปิดอีกรอบ สโมสรเหล่านั้นอาจพร้อมจับจ่ายอีกครั้ง

    "สงครามเสริมด่วน" รอบนี้ แมนฯ ซิตี้ ออกตัวเปิดฉากเสริมทัพรอบแรกอย่างน่าสนใจ

    รายาน เอต-นูรี่ (36.3 ล้านปอนด์), รายาน แชร์กี (34 ล้านปอนด์) และ ติยานี่ ไรน์เดอร์ส (46 ล้านปอนด์) เปิดตัวกันแบบรัวๆ ต่อเนื่อง 

    นี่ยังไม่รวม มาร์คัส เบตติเนลลี่ นายทวารสำรอง ที่โยกมาจากเชลซี แทนที่ลุง สก็อตต์ คาร์สัน ที่ปิดฉาก 6 ปีในถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม

    3 รายใหญ่วอดไปเกือบ 120 ล้านปอนด์ หน้าแข้งใหม่ร่วงมั้ย? ทีมอื่นอาจใช่ แต่สำหรับซิตี้แล้ว ไม่ 

    นับเป็นการเสริมทัพแบบจัดหนัก ด้วยผู้เล่นเกรด A ที่พร้อมตอบโจทย์อันค้างคา

    เอต-นูรี่ คือแบ็กซ้ายธรรมชาตินับตั้งแต่ เบนฌาแม็ง เมนดี้ และจะช่วยให้ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล ขยับไปยืนเซนเตอร์อย่างที่ถนัด ที่สำคัญ แข้งแอลจีเรียสอบผ่านฉลุยในสังเวียนพรีเมียร์ลีก หลังฟอร์มอันยอดเยี่ยมกับวูล์ฟแฮมป์ตัน

    รายาน แชร์กี และ ติยานี่ ไรน์เดอร์ส คือสินค้าอิมพอร์ตจากลีก เอิง และกัลโช่ เซเรีย อา ตามลำดับ และแน่นอนทั้งคู่มีศักยภาพที่จะประสบความสำเร็จในพรีเมียร์ลีก 

    การลองของอย่างจริงจังในเวทีสโมสรโลก น่าจะทำให้กวาร์ดิโอล่าเห็นความชัดเจนต่างๆ มากขึ้น

    ต้องยอมรับว่า เรือใบสีฟ้าเสริมทัพได้น่ากลัวมาก ในขวบปีอำลา เควิน เดอ บรอยน์

    ขณะที่เพื่อนบ้านสีแดง เปิดตัว มาเตอุส กุนญ่า ไปแล้ว หลังสอยมาจากวูล์ฟแฮมป์ตัน และแน่นอน ผีแดงไม่หยุดแค่ตัวเลข 62.5 ล้านปอนด์ ในการคว้าดาวเตะบราซิเลียน

    จ่ายหนักไม่เบา คุ้มหรือไม่? มิอาจล่วงรู้ กระนั้น การผ่านประสบการณ์ในพรีเมียร์ลีกมาแล้ว อาจพอให้แฟนผีอุ่นใจได้บ้าง อย่างน้อย ก็ดูดีกว่า ราสมุส ฮอยลุนด์ เป็นไหนๆ    

    ร่ำๆ ว่าผีแดงเล็งเสริมทัพแดนหน้าเป็นหลัก ชื่อของ ไบรอัน เอ็มเบอโม่ และ วิคตอร์ โอซิมเฮน โผล่ในลิสต์และหน้าข่าวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเด็กเก่าของ รูเบน อาโมริม อย่าง วิคเตอร์ โยเคเรส ดาวยิงสปอร์ติ้ง ลิสบอน

    ศูนย์หน้าสวีดิชที่คว้าอันดับ 2 ดาวซัลโวยุโรปฤดูกาลที่ผ่านมา ตกเป็นเป้าหมายของหลายสโมสร เฉพาะอย่างยิ่ง อาร์เซน่อล ที่ต้องการตัวจบสกอร์คมๆ มาตอบโจทย์พื้นที่สุดท้าย

    อย่างที่ทราบ ทีมของ มิเกล อาร์เตต้า ทรงบอลดี เหลือแค่ตำแหน่งหน้าเป้าที่ยังต้องปรับปรุง นอกจากนั้น ยังเคราะห์ซ้ำกรรมซัดจากปัญหาตัวเจ็บอีกด้วย

    แม้มีการพูดคุยกับโยเคเรสเอาไว้แล้ว แต่ตราบใดที่ยังไม่เซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการ อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น แว่วว่า แม้แต่สโมสรในซาอุดิอาระเบียอย่าง อัล-ฮิลาล ยังพร้อมจ่ายหนักกวักมือเรียกศูนย์หน้าสวิดิช

    ระดับ "หล่อเลือกได้" น่าสนใจว่า ตัวเลขสุดท้ายของเพชฌฆาตวัย 27 จะจบลงตรงไหน?

    ส่วน มาร์ติน ซูบีเมนดี้ นั้น ฟาบริซิโอ โรมาโน่ ปักป้าย here we go! ให้แฟนปืนใหญ่ยิ้มกริ่มตั้งแต่เดือนที่แล้ว

    ขณะที่แชมป์พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล จัดการสอย เยเรมี่ ฟริมปง จากเลเวอร์คูเซ่นมาตั้งแต่เนิ่นๆ ด้วยค่าตัว 29.5 ล้านปอนด์ นับตั้งแต่เสีย เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่โยกไปเรอัล มาดริด ด้วยมูลค่า 10 ล้านปอนด์เพื่อให้ทันเล่นสโมสรโลก

    ควีวิน เคลเลเฮอร์ ถึงเวลาอำลาถิ่นแอนฟิลด์ และย้ายไปอยู่กับเบรนท์ฟอร์ด ด้วยค่าตัว 18 ล้านปอนด์ สวนทางกับ จอร์จี้ มามาร์ดาชวิลี่ มือหนึ่งทีมชาติจอร์เจีย ที่เซ็นสัญญาตั้งแต่ซัมเมอร์ที่แล้ว ก่อนปล่อยให้บาเลนเซียยืมใช้งานไปก่อน

    ล่าสุด สื่อทุกสำนักรายงานตรงกันว่า หงส์แดงบรรลุข้อตกลงกับเลเวอร์คูเซ่น สำหรับดีลของ โฟลเรียน เวียร์ทซ์ ซึ่งจะกลายเป็นผู้เล่นค่าตัวแพงสุดในประวัติศาสตร์สโมสรทันที ด้วยตัวเลข 114 ล้านปอนด์

    หงส์ไม่หยุดแค่นี้ ... มิลอส เคอร์เคซ แบ็กซ้ายฮังกาเรียนคือ เป้าหมายต่อไป

    เชลซี แก้ปัญหาหน้าฝืดด้วยการฉก เลียม ดีแล็ป ศูนย์หน้าเนื้อหอมจากอิปสวิช ทาวน์ ด้วยค่าตัว 30 ล้านปอนด์ 

    ขณะที่ สเปอร์ส ... เอ่อ ขอโค้ชก่อนแล้วกัน

    ส่วนในลีกใหญ่อื่นๆ นั้น ดูเหมือน เรอัล มาดริด ขยับตัวเร็วกว่าใคร ด้วยภารกิจสโมสรโลกที่รออยู่ ซึ่งนอกจาก เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (10 ล้านปอนด์) แล้วยังกวาด ดีน เฮาเซ่น เซนเตอร์อนาคตไกลมาจากบอร์นมัธ ในสนนราคา 50 ล้านปอนด์ ด้วยเช่นกัน

    นี่แค่ยกแรก การเสริมทัพยังหนักหน่วงและดุเดือดไม่เบาขนาดนี้ เชื่อแน่ว่า เมื่อล่วงถึงวันที่ 16 มิถุนายน ตลาดลูกหนังจะฝุ่นตลบอีกครั้งอย่างแน่นอน

    

ผ้าเบรคบริษัท

    ไม่ต่างกับ "สงครามส่งด่วน" ซีรี่ส์สุดเจ๋งฝีมือคนไทยที่สะท้อนถึงโลกธุรกิจได้อย่างลึกซึ้ง

    คุณไม่อาจเดินหน้าเข้าสู่ตลาดอย่างไม่บันยะบันยัง หรือใช้เงินราวกับผลิตแบงค์ได้เองอย่างแน่นอน

    เสี่ยว หยู นางเอก คือคนคุมการเงินบริษัท และเป็นเจ้าของฉายา "ผ้าเบรค" ที่คอยชะลอความเร็วแรงแห่งไฟอันลุกโชนของ สันติ พระเอกและเจ้าของบริษัท

    "คุณเก่งโปรดักซ์ ฉันไม่เถียง แต่บริษัทเกิน 80% เจ๊งเพราะบริหารงบกระแสเงินสดไม่เป็น ... " ส่วนหนึ่งในคำพูดของนางเอก ตอนสมัครงานกับพระเอก

    เช่นกันครับ ทุกสโมสรในโลกลูกหนังล้วนต้องการ "ผ้าเบรคบริษัท" เหมือนที่ ธันเดอร์ เอ็กซ์เพรส ต้องมี เสี่ยว หยู

    ชวนให้คิดถึงบทเพลง "เหลือเก็บ-เหลือจ่าย" ของ 2 พี่น้องแห่งที่ราบสูง อัสนี-วสันต์ โชติกุล ร็อกรุ่นใหญ่ของบ้านเราครับ

    ในปี 2533 พี่ป้อม-พี่โต๊ะ ออกอัลบั้มดูโอชุดที่ 5 "สับปะรด" และเช่นเคยครับที่จะมีบทเพลงเนื้อหาดีๆ ซุกซ่อนเอาไว้เสมอ

    เพลงนี้สะท้อนหลักการจัดการเงินทองอย่างมีเหตุผล, การจัดสรรเงินสำหรับอนาคต และการวางแผนสร้างความมั่นคง

    อีกนัยหนึ่ง ยังสื่อความหมายเชิงปรัชญา ถึงการมีสมดุลในชีวิตได้อีกด้วยด้วย

    เนื้อเพลงโดย เขตต์อรัญ เลิศพิพัฒน์ หนึ่งในครูเพลงที่ย่อยปรัชญายากๆ มาใส่ทำนองได้อย่างเหมาะเจาะไหลลื่น

    ----

    เพราะฉันได้เจอ ผู้ใหญ่บางคน ซึ่งไม่ใช่คนใหญ่โต

    เฉยในท่าทีไม่ชอบคุยโว และไม่คอยโชว์ท่าทาง

    แกตอบคำถามได้น่าฟัง แกตอบทั้งทั้งที่ไม่รวย

    แกบอกชีวิตไปได้สวย ต้องไม่รวยและไม่จน

    (*) เหลือเก็บค่อยเอาไปใช้ เหลือจ่ายค่อยเอาไปเก็บ (ซ้ำ) 

    นั้นคือถ้อยคำประดับปัญญา ที่เพิ่งได้มาวันนี้

    แฝงด้วยข้อความที่จริงพอดี แสนจะเข้าที่เบิกบาน

    แต่ฉันได้เจอผู้ใหญ่อีกคน ท่านมีท่าทีผิดกัน

    ท่านมีท่าทีที่ส่ออาการ ท่านมีท่าทางร่ำรวย

    ท่านตอบคำถาม สนุกดี ท่านบอกวันนี้ท่านต้องรวย

    ท่านบอกชีวิตไปได้สวย ต้องรวยอยู่อย่างนี้ ต้องรวยอยู่อย่างนี้ (*)

    ----

    ไม่ว่าร่ำรวยหรือยากจนแค่ไหน ท้ายสุดที่ทุกชีวิตต้องมีคือ "ความสมดุล" ครับผม

บทเพลงที่ 38 : เหลือเก็บ-เหลือจ่าย

คำร้อง : เขตต์อรัญ เลิศพิพัฒน์ 

ทำนอง : กฤษณ์ โชคทิพย์พัฒนา 

เรียบเรียง : กฤษณ์ โชคทิพย์พัฒนา / อัสนี โชติกุล 

ศิลปิน : อัสนี-วสันต์ โชติกุล 

อัลบั้ม : สับปะรด

ปี : 2533


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด