หนึ่งในบิ๊กเซอร์ไพรส์หลังผ่าน 2 เดือนพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้
เอเอฟซี บอร์นมัธ
ภายใต้บัญชาการของ อันโดนี่ อิราโอล่า กุนซือวัย 43 ปี ที่คุม "เดอะ เชอร์รี่ส์" เป็นฤดูกาลที่ 3
หลังผ่านเกมฟรายเดย์ ไนต์ ด้วยชัยชนะสวยงามเหนือ เบรนท์ฟอร์ดถึง 3-1 นอกจาก 3 แต้มเต็มแล้ว นี่ยังเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรที่ขยับขึ้นมาเป็นรองจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก (เมื่อลงเล่นอย่างน้อย 2 นัด)
แน่นอน อันดับหลังเกมวันเสาร์ย่อมเปลี่ยนแปลง ด้วยคะแนนที่เบียดกันอยู่แล้วในช่วงออกสตาร์ตฤดูกาล
กระนั้น ด้วยผลงานหลังผ่าน 7 เกมแรก ต้องยกนิ้วให้ทีมจากแดนใต้
นับตั้งแต่ออกสตาร์ตด้วยความพ่ายแพ้แบบสุดระทึกที่แอนฟิลด์ 2-4 ด้วย 2 ประตูท้ายเกม (นาที 88 จาก เอ็นรีโก้ เคียซ่า และ 90+4 จาก โม ซาลาห์)
ที่เหลือจากนั้น บอร์นมัธไม่เคยเสียท่าใคร
ชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน 1-0 (เหย้า)
ชนะ สเปอร์ส 1-0 (เยือน)
ชนะ ไบรท์ตัน 2-1 (เหย้า)
เสมอ นิวคาสเซิ่ล 0-0 (เหย้า)
เสมอ ลีดส์ ยูไนเต็ด 2-2 (เยือน)
ชนะ ฟูแล่ม 3-1 (เหย้า)
7 เกม : 14 แต้ม
ชนะ 4 เสมอ 2 แพ้ 1
ได้ 11 เสีย 8
นี่คือการออกสตาร์ตที่ยอดเยี่ยมเกินคาด
ชัยชนะ 3-1 เหนือ "เจ้าสัวน้อย" นับเป็นครั้งที่ 2 ที่บอร์นมัธชนะเกมพรีเมียร์ลีกด้วยสกอร์ห่าง 2 ประตู หลัฝ่ายเสียประตูก่อน นับจากเกมกับ เลสเตอร์ ซิตี้ (4-1, กรกฎาคม 2020)
พระเอกของทีม หนีไม่พ้น อ็องตวน เซเมนโย่
ดาวเตะกาน่า อยู่ในช่วงฟอร์มร้อนแรงต่อเนื่อง ประตูตีเสมอ คือหนึ่งในสุดยอดประตูประจำฤดูกาล
ลุยถึงสุดเส้นหลัง แทบไม่เหลือมุมให้เล่น ก่อนเล่นงาน แบรนด์ เลโน่ ด้วยการซัดมุมแคบ ลอดขาเสียบเสาไกลซะอย่างงั้น!
ไม่ใช่แค่คนในสนามที่ตะลึง คนที่อยู่หน้าจอถ่ายทอดสดทั่วโลกต่างออกอยู่ในอาการเดียวกัน ... เข้าได้ไงว่ะ!?!
นั่นคือโมเมนต์สำคัญที่ดึงบอร์นมัธกลับคืนสู่ทีม
"ผมอยากเปิดบอลเข้าไป และผมเห็นว่าตัวเลือกในการเปิดบอลถูกบล็อกไว้ ผมจึงมองไปที่ขาของผู้รักษาประตู ผมมักมองไปที่ขาของผู้รักษาประตูเสมอ และแค่ต้องยิงให้แม่นยำ มันสมบูรณ์แบบมาก และบอลเรียดเสียบมุม" เซเมนโย่ เผยหลังเกม
"ในฤดูกาลก่อนๆ ผมมักยิงบอลเร็วเกินไป ดังนั้น ตลอดช่วงปิดฤดูกาล ผมจึงเน้นไปที่ความนิ่ง ผมรู้ว่า ถ้าผมวางบอลได้ ผมก็จะทำประตูได้ นั่นคือสิ่งที่ผมทำในฤดูกาลนี้ และผลลัพธ์ก็แสดงให้เห็นแล้ว"
ไม่เพียงเท่านั้น ดาวเตะกาน่า ยังทำประตูปิดกล่องในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ รับประกัน 3 แต้มและชัยชนะ
จากจังหวะโต้กลับ เบน โด๊ค ดาวรุ่งที่คว้าตัวมาจากลิเวอร์พูล บรรจงผ่านบอลมาให้
"ผมแค่ก้มหน้าแล้ววิ่งไป จริงๆ แล้วผมไม่คิดว่า เขาจะเล่นแบบนั้น แต่ผมแค่ซัดบอลเข้ามุม มันเป็นการจบสกอร์ที่ยอดเยี่ยม คุณคงรู้ได้จากท่าดีใจว่า ผมเหนื่อยมาก แต่ก็ยังมีความสุขเหมือนเคย"
ไม่เพียงเท่านั้น เกมนี้ เซเมนโย่ยังได้เครดิตกับแอสซิสต์ สำหรับประตูสุดสวยของ จัสติน ไคลเวิร์ต
"ผมแค่จ่ายบอลให้เขา (จัสติน ไคลเวิร์ต) และหวังว่าจะทำผลงานได้ดี มันเป็นการจบสกอร์ที่ยอดเยี่ยมจากจัสติน เราเห็นมันในการฝึกซ้อมทุกสัปดาห์ เขามีเทคนิคการยิงลูกแบบฮุค และผู้รักษาประตูก็ยังไม่เข้าใกล้มันเลย มันเป็นการจบสกอร์ที่ยอดเยี่ยมมาก และมันนำพาเราไปสู่ชัยชนะ"
นี่คือการออกสตาร์ตที่ยอดเยี่ยมของเซเมนโย่
ผ่าน 7 เกม ปีกจรวดกดไปแล้ว 6 ประตู เป็นรองแค่ เออร์ลิง ฮาแลนด์ ศูนย์หน้าธรรมชาติของแมนฯ ซิตี้ (8 ประตู)
แอสซิสต์ไปแล้ว 3 ครั้ง เป็นรองแค่ แจ็ค กรีลิช สตาร์พันล้านของเอฟเวอร์ตันแค่ครั้งเดียว
ไม่เพียงเท่านั้น ย้อนหลังกลับไปถึงฤดูกาลที่แล้ว เซเมนโย่ มีส่วนร่วมทำประตู 14 ลูก (10 ประตู 4 แอสซิสต์) จาก 13 เกมหลังสุดที่ลงสนามในพรีเมียร์ลีก
นี่คือฟันเฟืองสำคัญของบอร์นมัธในฤดูกาลนี้
แน่นอน คุณต้องให้เครดิตกับอิราโอล่า
หลังจบอันดับ 9 ฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งเป็นผลงานดีที่สุดในพรีเมียร์ลีกของสโมสร (เท่ากับฤดูกาล 2016-17) กุนซือพันธุ์กระทิงเริ่มต้นการผจญภัยครั้งใหม่ ท่ามกลางความหวั่นวิตก
ซัมเมอร์ที่ผ่านมา บอร์นมัธสูญเสียแกนหลักพร้อมกันหลายราย
ดีน เฮาเซ่น ย้ายไปเรอัล มาดริด
มิลอส เคอร์เคซ ระเห็จสู่ลิเวอร์พูล
อิลเลีย ซาบาร์นี่ ระริกระรี้สู่ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง
ดังโก้ วัตตาร่า อำลาไปเบรนท์ฟอร์ด
ฟิลิป บิลลิ่ง ขอไปซิ่งกับมิดทิลแลนด์
หากแต่สโมสรก็แปรเปลี่ยนเม็ดเงินจากค่าตัวผู้เล่นกลุ่มดังกล่าว มาเป็นการลงทุนกับผู้เล่นใหม่ๆ ถูกบ้าง แพงบ้าง ตามแต่กำลังทรัพย์ และวิสัยทัศน์ในการใช้เงิน
ตรงนี้ ต้องปรบมือให้กับทีมงานสโมสรในการปรับแต่งขุมกำลัง รวมถึงการทำงานของทีมสตาฟฟ์ทั้งหมด
ผลลัพธ์คือ บอร์นมัธยังคงรักษาฟอร์มและมาตรฐานอันยอดเยี่ยมเอาไว้ได้ แม้ปรับเปลี่ยนหมากบางตัวบนกระดาน
ขอมอบบทเพลง "จนแต่เจ๋ง" ให้กับบอร์นมัธครับ
นี่เป็นเพลงร็อกมันส์ๆ ด้วยความเร็วระดับหายใจแทบไม่ทันในยุค 90 จาก พี่บิลลี่ โอแกน ซึ่งแต่งทำนองเอง
เรื่องราวของไอ้หนุ่มหน้ามล คนจนคนนั้น หากแต่ปรับจากเรื่องราวของหัวใจสีชมพู มาเป็นเรื่องบู๊ในฟลอร์หญ้า
บอร์นมัธ ก็สู้บนถนนสายลูกหนังด้วยหัวจิตหัวใจที่น่ายกย่องพอกัน
ถ้าเพลงนี้พูดถึง "นักเลงหัวใจ" บอร์นมัธก็คงเป็น "นักเลงลูกหนัง" เช่นกันครับ
A1 มีแต่หัวใจและก็ตัวเงินน่ะมีน้อย กลัวเธอจะไม่คอยเพราะเขารวยกว่าแต่ว่าใจที่ให้เธอมันไม่บางมีแต่อย่างหนา เอาไปเต็มอัตราหัวใจ
A2 ใจมันขอลุยลุยเข้าไปเราไม่มีถอย คอยจะมัวแต่คอยก็นึกแล้วคอยเก้อ
ก็มีมือตั้งมากมายมาตะกายเราก็กลัวเผลอ เรามันจึงไม่เจอส้มหล่น
Chorus จนก็จนแต่เจ๋งเป็นนักเลงหัวใจ เราไม่เคยหวั่นไหวใครจะใช้สตางค์
เงินไม่มีไม่สนใจไม่จนเสียอย่าง จะจริงจังทั้งใจให้เธอ
A3 เธอจะรักเราจะอย่างไรเราไม่เคยว่า ตามกำลังศรัทธาพอรู้รู้กันอยู่
อยากตะโกนว่ารักเธอก็ไม่กลัวใครจะหนวกหู ใครจะเป็นศัตรูก็ปล่อย
A4 ใครจะอ้วนพีมีสตางค์เราไม่ฟังเสียง เรียงมาเรียงเข้ามาอยากจะท้าสักหน่อย
แต่ว่าใจมันรักจริงจะอย่างไรเราไม่มีถอย เดินไปรอปากซอยก็ยอม
Bridge ก็อยากเป็นแฟนเธอมีแต่คนมันนินทาว่าเราไม่เจียมเสียเลย
พูดจังเลยคนเราก็บ่นไปตามเคย
มันเกี่ยวอะไรใครหรือไงหนอ
เส้นทางยังอีกยาวไกล ไม่รู้ว่าท้ายสุดแล้ว บอร์นมัธจะไปถึงไหน กระนั้น ด้วยสปิริตและทิศทางการตอบสนองของทีม หลังความเปลี่ยนแปลงในช่วงซัมเมอร์ คุณต้องให้เครดิตกับพวกเขา
ไม่รวยล้นฟ้า และต้องหมุนเวียนเงินในบัญชีอย่างชาญฉลาด
ทว่า ผลลัพธ์ในสนามบ่งบอกถึงคุณภาพของบอร์นมัธอย่างแท้จริง
บทเพลงที่ 71 จนแต่เจ๋ง
คำร้อง จักราวุธ แสวงผล
ทำนอง บิลลี่ โอแกน
เรียบเรียง เดอะ คิด
ศิลปิน บิลลี่ โอแกน
อัลบั้ม บิลลี่ ... เข้มตลอด ปี 2533
