ถึงลูกถึงคน
22.15 น. วันอาทิตย์นี้ เอล กลาซิโก้ ยกแรกประจำฤดูกาล 2025/26
หนึ่งในเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการลูกหนังโลก นี่คือศึกแห่งศักดิ์ศรี ซึ่งไม่มีใครยอมใคร
อีกทั้งยังเสมือน "นัดชิงชนะเลิศ" ลา ลีกา กลายๆ
ก่อนเกม ทั้ง 2 ทีมมีคะแนนห่างกันเพียง 2 แต้ม
ฤดูกาลที่แล้ว บาร์เซโลน่าเหนือกว่า เรอัล มาดริด แบบข่มมิดด้าม ด้วยชัยชนะ 4 เกมรวดจากทุกรายการ สำหรับหนึ่งในฤดูกาลที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของสโมสร
บนเส้นทางสู่ทริปเปิ้ลแชมป์ของบาร์ซ่า (ลา ลีกา, โกปา เดล เรย์ และสแปนิช ซูเปอร์ คัพ) ล้วนมีเรอัล มาดริด เป็น "ทางผ่าน" ทั้งสิ้น
ทีมของ ฮันซี่ ฟลิค บุกต้อน 4-0 ที่ซานติอาโก้ เบร์นาเบว ลา ลีกา ยกแรก, ถล่ม 5-2 นัดชิงชนะเลิศ สแปนิช ซูเปอร์ คัพ ที่ซาอุดิอาระเบีย, ต่อเวลาพิเศษเฉือน 3-2 นัดชิงชนะเลิศ โกปา เดล เรย์ และเบียดชนะ สุดระทึก 4-3 ในบ้าน ลา ลีกา ปลายฤดูกาล
ตอนนี้ บาร์ซ่ามีโอกาสทาบสถิติชนะติดต่อกันเหนือคู่ปรับตลอดกาล 5 นัดซ้อน ซึ่งเกิดขึ้นในยุค เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ระหว่างปี 2008-2010
ขณะเดียวกัน ฟลิค เป็นหนึ่งใน 2 โค้ชที่ชนะรวด 4 เกมแรกในเอล กลาสซิโก้ ต่อจากกวาร์ดิโอล่า ซึ่งชนะติดต่อกัน 5 เกมแรกที่ดวลเรอัล มาดริด
น่าเสียดายที่ยอดกุนซือจากเมืองเบียร์ติดโทษแบน ไม่สามารถคุมทีมข้างสนาม หลังโดนใบแดงท้ายเกมกับจีโรน่า เมื่อสัปดาห์ก่อน

เครื่องจักรผลิตประตู
ตอนนี้ บาร์เซโลน่าตามหลัง ราชันชุดขาว 2 คะแนน โดยเกมนอกบ้านล่าสุดพ่ายเซบีย่า 1-4 หยุดสถิติไร้พ่ายนอกบ้าน 15 เกมลีกก่อนหน้านั้น (ชนะ 11 เสมอ 4)
กระนั้น บาร์ซ่าไม่เคยแพ้ 2 เกมเยือนติดต่อกันนับตั้งแต่เมษายน 2024 ในยุค ชาบี (หนึ่งในนั้นเป็นการแพ้ เรอัล มาดริด 0-2 ที่เบร์นาเบว)
อย่างไรก็ตาม หลังความพ่ายแพ้ที่เซบีย่า บาร์ซ่ากลับมาคว้าชัยชนะ 2 นัดหลัง ด้วยการเฉือน จีโรน่า 2-1 ในลา ลีกา ก่อนถล่มโอลิมเปียกอสที่เหลือ 10 คนราบคาบ 6-1 ในแชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่ง เฟร์มีน โลเปซ ทำแฮตทริกและ มาร์คัส แรชฟอร์ด ซัดเบิ้ล
3 ประตูดังกล่าวทำให้เฟร์มีนกลายเป็นผู้เล่นสเปนคนแรกของบาร์ซ่าที่ทำแฮตทริกในถ้วยหูยักษ์
วันอาทิตย์นี้คือ เอล กลาซิโก้ แรกในชีวิตของแรชฟอร์ด
ปฏิเสธไม่ได้ว่า แข้งทีมชาติอังกฤษกลายเป็นผู้เล่นสำคัญของบาร์ซ่าไปแล้ว นับตั้งแต่ย้ายมาจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยสัญญายืมตัว หลังมีส่วนร่วม 9 ประตูจากทุกรายการ (5 ประตู, 4 แอสซิสต์) มากที่สุดในบรรดาผู้เล่นบาร์ซ่า และเหนือกว่า ลามีน ยามาล (3 ประตู, 5 แอสซิสต์)
น่าเสียดายที่บาร์ซ่าไม่มี 2 กองหน้าตัวหลักในฤดูกาลที่แล้วอย่าง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ และ ราฟินญ่า ที่ได้รับบาดเจ็บทั้งคู่ และนั่นอาจส่งผลกระทบต่อทีมของฟลิคไม่น้อย
กระนั้น ฤดูกาลนี้ เฟร์ราน ตอร์เรส กลายเป็นผู้เล่นที่โดดเด่นขึ้นมา หลังการบาดเจ็บของศูนย์หน้าโปล โดยทำ 5 ประตู 1 แอสซิสต์ ขณะที่พลังจากแถวสอง เฟร์มีน โลเปซ (5 ประตู) คือหนึ่งในไพ่เด็ดของทีม
บาร์เซโลน่าทำไปแล้ว 33 ประตูจากทุกรายการในฤดูกาลนี้ มีเพียง บาเยิร์น มิวนิค (44 ประตู) เท่านั้นที่เหนือกว่า ในบรรดาสโมสร 5 ลีกใหญ่ยุโรป โดยเป็น 24 ประตูในลา ลีกา มากกว่าทุกสโมสรร่วมลีก
กระนั้น แม้ยังคงทำประตูถล่มทลาย แต่ "เจ้าบุญทุ่ม" ยังคงตามหลัง ราชันชุดขาว 2 คะแนน

ราชันฉิว-เป้เฉิดฉาย
ความพ่ายแพ้กระเจิง 2-5 ต่อแอต.มาดริด นับเป็นแผลเดียวนับตั้งแต่จบศึกชิงแชมป์สโมสรโลกในช่วงซัมเมอร์ของ ชาบี อลอนโซ่ สำหรับฤดูกาลแรกในฐานะกุนซือเรอัล มาดริด
กลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ทัพชุดขาวเฉือนยูเวนตุส 1-0 ในแชมเปี้ยนส์ ลีก พร้อมรักษาฟอร์มอันยอดเยี่ยมในศึกยุโรปไว้ได้ ด้วยประตูแรกของฤดูกาลจาก จู๊ด เบลลิงแฮม
ดาวเตะทีมชาติอังกฤษเข้ารับการผ่าตัดไหล่หลังจบศึกสโมสรโลก และพลาดลงเล่นช่วงต้นฤดูกาลนี้ กระนั้น เรอัล มาดริด ไม่ยุบ ด้วยมีผู้เล่นรายอื่นๆ เข้ามาโดดเด่นทดแทน
อาร์ด้า กูแลร์ มีส่วนร่วมกับประตูถึง 8 ครั้งในฤดูกาลนี้ (3 ประตู, 5 แอสซิสต์) เป็นรองแค่ 2 กองหน้าระดับ "เกือบ" บัลลง ดอร์ อย่าง คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ (15 ประตู 2 แอสซิสต์) และ วินิซิอุส จูเนียร์ (5 ประตู 4 แอสซิสต์) ภายในทัพชุดขาว
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ฤดูกาลนี้ ฟอร์มของเอ็มบั๊ปเป้ร้อนแรงเกินห้ามใคร และเป็นหนึ่งในกองหน้าที่อันตรายที่สุดในโลกลูกหนังชั่วโมงนี้
ในบรรดานักเตะจาก 5 ลีกใหญ่ยุโรป มีเพียง แฮร์รี่ เคน (20 ประตู) คนเดียวเท่านั้นที่ยิงประตูได้มากกว่าเอ็มบัปเป้ในฤดูกาลนี้
ยิ่งไปกว่านั้น สถิติบ่งบอกว่า ประธานเป้ถูกโฉลกเหลือเกินกับการสอยตาข่ายบาร์ซ่า
ดาวเตะจากแดนน้ำหอม กดแฮตทริกในเอล กลาซิโก้ ยกล่าสุด เมื่อเดือนพฤษภาคม แม้เรอัล มาดริดพ่าย 3-4 ก็ตาม
จาก 8 เกมที่พบบาร์ซ่าในทุกรายการ (ทั้งจากการเล่นให้ปารีส แซงต์ แชร์กแมง และเรอัล มาดริด) เอ็มบั๊ปเป้ กดไปถึง 11 ประตู ซึ่งเป็น 5 ตุงจาก 4 เกมเอล กลาซิโก้ กลายเป็นคู่แข่งที่ประธานเป้สอยตาข่ายได้มากสุด เมื่อไม่นับรวมคู่แข่งจากลีกฝรั่งเศส
... ยิงกระจาย แต่ปลายทางคือ แพ้เรียบทั้ง 4 นัด!
ขณะเดียวกัน วินิซิอุส จูเนียร์ เป็นอีกหนึ่งอาวุธสำคัญของราชัน แข้งบราซิเลียนเป็นผู้เล่นที่สัมผัสบอลในแดนคู่แข่งมากที่สุดในลา ลีกา ฤดูกาลนี้ (79 ครั้ง) โดยเหนือกว่า เอ็มบัปเป้ (74) และแรชฟอร์ด (56)

แตกหักเสียทีให้มันรู้!
หลังจากถูกข่มมิด 4 เกมติดต่อกันในฤดูกาลที่แล้ว นี่คือโอกาสทองของ เรอัล มาดริด ในการกอบกู้ศักดิ์ศรีเหนืออริตลอดกาล
ยกที่แล้ว คาร์โล อันเชล็อตติ พ่ายน็อกราบคาบ
ยกนี้ เปลี่ยนมาเป็น ชาบี อลอนโซ่ กุนซือหนุ่มอนาคตไกล
ขณะที่คู่ปรับขาดแม่ทัพอย่างฟลิค ในการศึกที่ซานติอาโก้ เบร์นาเบว
ด้วยฟอร์มการเล่นของเรอัล มาดริด, ความเป็นเจ้าบ้าน, บาร์ซ่าขาดเฮดโค้ชบัญชาการข้างสนาม รวมถึงแนวรุกชุดเดิมไม่ครบองค์ประกอบ ทั้งหมดอาจเป็นปัจจัยเกื้อหนุนสำหรับ ชาบี อลอนโซ่ ที่หมายหมั่นกรำชัยยกแรก เอล กลาซิโก้ ในฐานะผู้จัดการทีม
บางที "คุณชาย" อาจต้องเปิดเพลงนี้ให้ลูกทีมฟังก่อนเกมครับ
"ถึงลูกถึงคน" ของ พี่อ็อฟ-พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง เมื่อ 30 กว่าปีก่อน
ปากมันขม โดนข่มเหงอยู่ (โดนข่มเหง)
เก็บกดไว้มันพูดไม่ออก (พูดไม่ออก)
แต่คราวนี้ทนไม่ไหวหรอก (ทนไม่ไหว)
ทนไม่ไหวจะทนทำไม
ฤดูกาลที่แล้ว ชาวคณะ "ราชันชุดขาว" ได้แต่เมียงมองความสำเร็จของคู่ปรับตลอดกาล แชมป์แล้วแชมป์เล่า กลายเป็น "เบี้ยล่าง" อย่างเจ็บปวด
2 นัดชิงชนะเลิศ ที่จำเป็นทนเห็นคู่แข่งชูโทรฟี่ ประกาศศักดาต่อหน้าต่อตา ครั้งหนึ่งที่ซาอุฯ แดนไกลโพ้น อีกครั้ง ในโกปา เดล เรย์ ที่ ลูก้า โมดริช จ่ายบอลพลาดหน้าประตูตัวเอง กลายเป็นแอสซิสต์ให้ ฌูลส์ กุนเด้ กระหน่ำประตูชัยในช่วงต่อเวลาพิเศษ
คราวนี้ โอกาสดี บาร์ซ่าไม่ต้องเจอ 3 ประสานต่างวัย พี่ใหญ่เลวานดอฟสกี้ พี่รองราฟินญ่า เหลือแค่น้องเล็ก ยามาล ซึ่งเพิ่งหายเจ็บกลับมาฟิตไม่นาน
ถึงลูกถึงคนเลยก็ดี แตกหักเสียทีให้มันรู้
ต้องให้มันรู้กันบ้าง จะดีจะร้ายไม่ตายหรอก
ต้องให้มันรู้กันบ้าง ให้เขาทำข้างเดียวเสียนาน ให้มันรู้
หลังโดนทำข้างเดียว 4 เกม 1 ฤดูกาลเต็มๆ สำหรับเรอัล มาดริด มันเนิ่นนานและหนักหนาเกินไป
วันอาทิตย์นี้ คือโอกาสทองในการทวงคืนแบบทบต้นทบดอก!
บทเพลงที่ 77 ถึงลูกถึงคน
คำร้อง คณิต อุดมพฤกษ์ ทำนอง / เรียบเรียง เดชา อินทาภิรัต
ศิลปิน พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง อัลบั้ม พงษ์พัฒน์ ภาค 2 ปี 2532

