ไม่มีอะไรพลิกผัน

    แม้จะปรับผู้เล่นตัวจริงทั้ง 11 คนอย่างที่ทำมาตลอดยามลงเล่นรายการนี้ แต่ว่าศักยภาพของ "สิงห์บลูส์" นั้นเหนือกว่าต้องบอกว่า "มากจนเกินไป"

    หลังจากใช้เวลาจับจังหวะอยู่ไม่นานประตูก็ไหลมาเทมาไล่ตั้งแต่ โทซิน อดาราบิโอโย่ นาทีที่ 12, มาร์ก กีอู นาทีที่ 13, อักเซล ดิซาซี่ นาทีที่ 18, ชูเอา เฟลิกซ์ เบิ้ลสองประตูนาทีที่ 21 และ 41 รวมถึง มิไคโล มูดริค นาทีที่ 39 ให้ทีมนำขาด 6-0 ตั้งแต่ครึ่งแรก ส่วนในครึ่งหลัง คริสโตเฟอร์ เอ็นกุนกู มาบวกอีก 2 ลูกในครึ่งหลังนาทีที่ 69 และ 76 (จุดโทษ)

    ดว้ยสกอร์ครึ่งโหลในครึ่งแรกเริ่มมีควาใหวังเล็กๆ ในการทำลายสถิติที่ทีมเคยชนะ เฌอเนสเซ่ 13-0 ในเกม ยูฟ่า คัพ วินเนอร์ส คัพ เมื่อปี 1972/73 ในขณะที่แฟนบอลร้องเพลงเชียร์ "เราต้องการ 10 ลูกๆ"

    แม้ว่าจะทำได้แค่ 8 ประตู แต่ก็ถือเป็นสถิติที่ทีมจาก อังกฤษ ชนะคู่แข่งด้วยสกอร์ขาดที่สุดนับตั้งแต่ปี 1976/77 ที่ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ชนะ ฟินน์ ฮาร์ปส์ 9-0 ในเวที ยูฟ่า คัพ

    เอาจริงๆ แล้สโมสรจาก อาร์เมเนีย เองก็รู้ตัวอยู่แล้วว่าเป็นรองแบบคนละชั้น พวกเขาเพิ่งก่อตั้งทีมมาเพียงแค่ 7 ปี โดยใช้ชื่อตามเรื่องราวในพระคำภีร์ไบเบิ้ล "โนอาห์"

    การมาเยือน สแตมฟอร์ด บริดจ์ อาจจะเป็นเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสโมสรในการเจอกับหนึ่งในทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของยุโรป

    2 ชั่วโมงก่อนเริมเกมบรรดานักเตะของ โนอาห์ อยู่ในสนามราวกับนักท่องเที่ยว ทั้งถ่ายรูป เดินชมภายใน เพราะนี่คือโอกาสสำคัญ

    การที่ เอ็นโซ่ มาเราก้า ใช้ตัวสำรองลงสนามไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับการเล่นรายการนี้ แต่พวกเขามีทีมที่ "ใหญ่" เกินไป และผู้เล่นที่ลงสนามก็ดีพอหรือดีกว่าหลายๆ ทีม ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก ด้วยซ้ำ

    และหากพวกเขาได้แชมป์รายการนี้มาครองก็จะสามารถคุยได้ว่าคว้าแชมป์ยุโรปมาครบทุกรายการ หลังจากที่ได้โทรฟี่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ยูโรปา ลีก, ยูฟ่า คัพ วินเนอร์ส คัพ และ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ มาแล้ว

    ถือเป็นการแก้ตัวจากที่ก่อนหน้านี้ทีมตกรอบ คาราบาว คัพ ด้วยการแพ้ นิวคาสเซิ่ล 0-2 ส่วนในลีกล่าสุดก็เสมอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มา

    "ผมคิดว่านักเตะแสดงให้เห็นว่านักเตะมีความเป็นมืออาชีพชั้นเยี่ยมและเอาจริงเอาจังมากแค่ไหน" มาเรสก้า กล่าวหลังจบเกม "ฟุตบอลเต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์  มันแสดงให้เห็นว่าเราเน้นแค่ไหน มีความเป็นมืออาชีพอย่างสูง ทุกคนแสดงมันออกมา"

    "ในช่วง 5 นาทีแรกเราปล่อยให้พวกเขาได้โอกาส คุณต้องมีสมาธิ ให้ความเคารพคู่แข่ง อย่าประมาท - ฟุตบอลมีเรื่องเซอร์ไพรส์มากมาย เราไม่ต้องการให้มันเกิดกับา"

    "มันเป็นอะไรที่น่าประทับใจอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราพยายามเปลี่ยนนักเตะในทุกเกม มันได้ผลดี"

    "เรามีนักเตะที่ดี และเราต้องการให้พวกเขาเหล่านั้นได้โอกาสลงสนาม นักเตะบางคนได้โอกาสลงเล่นใน คอนเฟอเรนซ์ บางคนได้ลงเล่นใน พรีเมียร์ลีก แต่พวกเขาทุกคนต้องการลงเล่นในทุกๆ เกม"

    สุดสัปดาห์นี้ทีมมีเกมสำคัญอีกนัดรออยู่นั้นก็คือการเจอกับ อาร์เซน่อล ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ที่ปัจจุบันทั้งคู่มี 18 คะแนนเท่ากัน แต่ฝั่ง เชลซี อยู่อันดับดีกว่าด้วยผลต่างประตูที่เหนือกว่า หากพวกเขาหวังที่จะมีโอกาสก้าวขึ้นไปลุ้นตำแหน่งแชมป์ พรีเมียร์ลีก ยังไงเกมนี้ก็ต้องได้ 3 คะแนนเท่านั้น

    หากคว้าชัยชนะได้มันคงเป็นโชคหลายชั้นเลยทั้งการเอาชนะคู่ปรับสำคัญ, ตัดโอกาสศัตรู เพิ่มโอกาสให้ตัวเอง, ยกระดับความมั่นใจให้ยิ่งสูงสุด และเป็นการชนะคู่แข่งโดยตรงด้วย

    และการพักเบรกทีมชาติของ เชลซี จะเต็มไปด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าเลยแหละ