ชีวิตคือฟุตบอล

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
จากเด็กที่เติบโตในเมือง แมนเชสเตอร์ สิ่งที่ช่วยให้ก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะอาชีพ และการติดหนี้บุญคุณครอบครัวครั้งใหญ่

    แม้ว่าปัจจุบันเขาจะไม่ใช่นักเตะอายุน้อยแล้ว เรียกได้ว่าอยู่ในช่วยวัยที่ควรจะอยู่ในจุดพีคของอาชีพ แต่การเดินทางตั้งแต่เริ่มต้นของ โทซิน อดาราบิโอโย่ ยังคงอยู่ในความทรงจำราวกับว่าเถิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ มันคือจุดเริ่มต้นของทุกสิ่งทุกอย่าง มันเป็นจุดที่ความรักก่อตัวขึ้น เป็นที่ที่ความฝันก่อตัวขึ้น

    "มีโรงเรียนประถมอยู่หลังบ้านของฉัน" โทซิน เริ่มต้นเล่า "ผมกับพี่ชายรวมถึงเพื่อนบ้านจะปีนข้ามประตูรั้วเข้าไปและเล่นฟุตบอลด้วยกัน โรงเรียนนี้ชื่อว่าโรงเรียนประถม แมนลีย์ พาร์ค พวกเราปีนข้ามประตูรั้วเข้าไปที่นั่นแล้วสร้างสนามด้วยเสื้อฮู้ดหรืออะไรก็ได้"

    "พี่ชายของผมเชิญเพื่อนๆ ของเขามาที่บ้าน เพื่อนบ้านก็เชิญเพื่อนๆ ของเขามาที่บ้านด้วย ดังนั้นเราจึงได้เล่นเกม 8 ต่อ 8 ที่สนาม แมนลีย์ พาร์ค นั่นเป็นความทรงจำแรกๆ ที่มีความสุขที่สุดของผมเลย"

    "เราเติบโตขึ้นมาใน วัลลีย์ เรนจ์ ทางตอนใต้ของ แมนเชสเตอร์ มันอาจไม่ใช่สถานที่ที่ดีที่สุดแต่ถนนที่ฉันอาศัยอยู่เต็มไปด้วยผู้คนดีๆ และเด็กๆ ที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับผมกับพี่ชาย เราเล่นฟุตบอลกันทั้งวัน เล่นกันทุกวัน ทุกครั้งที่มีโอกาส ทุกที่ที่สามารถเล่นได้ เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขจริงๆ"


    โทซิน รวมถึงพี่ชายสองคน และแม่ของเขา ย้ายจาก ลอนดอน มา แมนเชสเตอร์ เมื่อครั้งที่เซนเตอร์ เชลซี ยังเด็กมาก เขาพูดด้วยสำเนียงแมนคูเนียน และบอกว่าธรรมชาติที่ผ่อนคลายและเป็นกันเองของเมืองนี้ "เป็นตัวแทนของผมอย่างแน่นอน"

    เขารู้สึกขอบคุณแม่ของเขาตลอดไป ในช่วงแรกๆ ของการเล่นฟุตบอล แม่จะคอยรับส่งเกลับจากสนามฝึกซ้อมและการแข่งขัน ทำอาหารให้และถ่ายทอดวัฒนธรรมไนจีเรียของเธอให้ผู้อื่นฟัง ทุกสิ่งที่แม่ทำก็เพื่อลูกชายทั้ง 3 คนของเธอ

    "พวกเราเป็นครอบครัวชาวไนจีเรีย แบบจริงๆ และเราเติบโตมาแบบ ไนจีเรีย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารหรือวิธีการเลี้ยงดูแบบดั้งเดิมซึ่งแตกต่างไปจากที่นี่เล็กน้อย"  

    "อาหารก็หนักหน่วงกว่าอย่าง เผือกทุบ มันเป็นสิ่งที่ทำให้คุณแข็งแรง!"

    กโบลาฮาน และ ฟิซาโย่ พี่ชายของ โทซิน รู้ว่าน้องเล็กคนนี้มีพรสวรรค์มากที่สุด "เพราะเหตุนี้ พวกเขาจึงผลักดันผมอยู่เสมอ และยังคงทำเช่นนั้นต่อไป"  โทซิน กล่าวพร้อมรอยยิ้ม


    เมื่อ โทซิน บอกว่าเวลาว่างทุกช่วงอายุถูกใช้ไปกับฟุตบอล เขาไม่ได้โกหก เขาอายุได้ 4 ขวบเท่านั้นเมื่อเล่นให้กับสโมสรแรกของเขา ชอร์ลตัน สปอร์ตส์ (เขาไม่เคยเป็นตัวแทนของ เฟล็ทเชอร์ มอสส์ ตามที่แหล่งข้อมูลออนไลน์บางแห่งระบุ) เขาอยู่ในทีมโรงเรียนประถม บรู๊กส์ เบรนท์ ซึ่งอยู่ใน ชอร์ลตอน ทางตอนใต้ของ แมนเชสเตอร์ เช่นกัน และเมื่ออายุได้ 5 ขวบ เขาก็เริ่มฝึกซ้อมกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

    โทซินกล่าวว่า "ผมต้องจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง มันเป็นเพียงความสนุกสนานที่ได้เล่นกับเพื่อนที่โรงเรียน ตั้งตารอวันเสาร์-อาทิตย์ และได้ใส่ชุดฟุตบอลและสนุกอีกครั้ง"

    "เย็นวันศุกร์ จะเป็นวันหลักที่เราจะลงเล่นให้กับ แมนฯ ซิตี้ ส่วนช่วงสุดสัปดาห์จะเป็นวันแข่งขันของทีมท้องถิ่น ผมพร้อมลงเล่นทุกนัด ซึ่งมันเยี่ยมมาก"

    ในชุดอายุต่ำกว่า 9 ปี กฎระบุว่าคุณไม่สามารถเป็นตัวแทนของอะคาเดมีและทีมท้องถิ่นได้อีกต่อไป ดังนั้น โทซิน จึงหยุดเล่นให้กับ ฮัฟ เอนด์ กริฟฟินส์ ซึ่งเป็นสโมสรที่เขาเข้าร่วมเนื่องจาก ชอร์ลตัน สปอร์ตส์ ประสบปัญหาทางการเงิน โทซิน จำได้ว่าเคยชนะการแข่งขัน 2-3 ครั้งกับ ฮัฟ เอนด์ กริฟฟินส์ แต่ก็ไม่ได้สำคัญอะไรมากนัก อย่างไรก็ตาม ทีมเยาวชนของ แมนฯ ซิตี้ ยังคงคว้าถ้วยรางวัลมากมาย


    เนื่องจากบ้านของเขาอยู่ใกล้มาก โทซิน จึงไม่ต้องอาศัยอยู่ในบ้านเช่าในช่วงที่กำลังพัฒนาตัวเองผ่านอะคาเดมีของ ซิตี้ เขายังโชคดีที่ไม่มีอาการบาดเจ็บแเข้ามาเป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าของเขาเลย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าประทับใจตั้งแต่ช่วงแรกๆ

    โทซิน มักจะเล่นในรุ่นอายุที่สูงกว่า และจะได้เป็นกัปตันทีมรุ่นอายุต่ำกว่า 18 ปี ของสโมสรในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลเยาวชน คัพปี 2015 ซึ่ง เชลซี เป็นฝ่ายคว้าชัยชนะ เป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะลงเล่นในทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในไม่ช้านี้ ซึ่งเขาทำได้ในเกม เอฟเอ คัพ ที่สแตมฟอร์ดบริดจ์เมื่ออายุได้ 18 ปี

    การได้อยู่ในอะคาเดมี่ตั้งแต่อายุยังน้อย โทซิน จึงอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่จะประเมินสิ่งที่สร้างความแตกต่างได้ว่าเหตุใดผู้เล่นบางคนจึงตกต่ำและเหตุใดผู้เล่นคนอื่นจึงยังอยู่ในระดับที่ดี

    "ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการจัดการกับสิ่งที่กวนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณเริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่ตอน 5 ขวบลากยาวมา"


    "คุณจะเห็นเด็กผู้ชายจำนวนมากที่เข้ามาแล้วก็ออกไป ถูำปล่อยตัว และพวกเขาก็เพียงแค่จัดการกับสิ่งรบกวนเหล่านั้น มีเด็กผู้ชายบางคนที่ยังคงทำตัวสบายๆ จนเกินไปซึ่งอาจไม่ได้ทำสิ่งที่ถูกต้อง"

    "ผมจำได้ว่าตอนอายุประมาณ 13-14 ปี ผมต้องตัดสินใจว่าจะเลิกเล่นฟุตบอลหรือโฟกัสที่ฟุตบอลเต็มตัว โดยผมตั้งใจว่าจะไม่ให้สิ่งรบกวนเข้ามาครอบงำ และจดจ่อกับสิ่งที่ต้องการโดยไม่ปล่อยให้ความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ เบี่ยงเบนเราไปหรือปล่อยให้อุปสรรคเข้ามาครอบงำ"

    "ผมรู้สึกว่าตัวเองมีสติอยู่เสมอตลอดทั้งช่วงที่เรียนอยู่และผมสามารถเอาชนะเรื่องนั้นได้ ในกลุ่มนักเตะที่อยู่ในรุ่นเดียวกับผมมีนักเตะไม่มากนักที่ยังคงเล่นอยู่ มีเพียงไม่กี่คนในลีกฟุตบอลและ 2-3 คนในต่างแดน ผมเห็นนักเตะที่มีพรสวรรค์หลายคนไม่สามารถไปถึงระดับที่พวกเขาต้องการได้"


    โทซิน เป็นหนึ่งในผู้ที่ก้าวขึ้นมาสู่ระดับท็อปซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงความทุ่มเทที่เขาแสดงออกมาตั้งแต่เป็นวัยรุ่น และคุณสมบัติโดยกำเนิดที่เห็นได้ชัดตั้งแต่วินาทีแรกที่เขาเตะบอลบนถนน ทุ่งนา และโรงเรียนใกล้บ้าน

    หลังจากอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นาน 15 ปี โทซิน ย้ายไปฟูแล่มในปี 2020 เขาไม่ได้ดิ้นรนกับเส้นทางใหม่ แต่กลับมุ่งเน้นไปกับที่สิ่งที่การเริ่มต้นใหม่จะมอบให้กับเขา การตัดสินใจครั้งนั้นได้รับการพิสูจน์แล้ว และตอนนี้เขากำลังแสดงพรสวรรค์ของเขากับ เชลซี ในเมืองและสโมสรที่ผูกพันกับเส้นทางชีวิตของเขามาอย่างยาวนาน ด้วยกีฬาที่เขารัก

    "ฟุตบอลคือชีวิตของผมมาตั้งแต่ผมอายุ 5 ขวบ หรืออาจจะเด็กกว่านั้นด้วยซ้ำ มันเป็นการเดินทางที่น่ามหัศจรรย์จนถึงตอนนี้ มันเปลี่ยนแปลงชีวิตของผมและครอบครัวไปอย่างสิ้นเชิง ทุกอย่างที่ฉันทำคือการเป็นผู้เล่นที่ดีขึ้น"

คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด