ถึง พรีเมียร์ลีก?

วันศุกร์ที่ 02 พฤษภาคม 2568 คอลัมน์ สิงห์สนามจริง โดย ยักษ์เดนส์
483
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
สำหรับผู้ที่กำลังคิดว่า เร็กซ์แฮม จะเป็นยังไงต่อไป ข้อความจากหนึ่งในเจ้าของนั้นชัดเจนว่า "ยังไม่จบ"

    ร็อบ แม็คเอลเฮนนี่ย์ พูดถึงการลองการขึ้นสู่ระดับดิวิชั่นสองของฟุตบอลอังกฤษเป็นครั้งที่สองในประวัติศาสตร์สโมสร เป็นคำกล่าวที่ค่อนข้างชัดเจน เมื่อพิจารณาถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วภายใต้การนำของ แม็คเอลเฮนนี่ย์ และ ไรอัน เรย์โนลด์ส กับการที่ เร็กซ์แฮม เลื่อนจากอัทีมนอกลีกมาอยู่ห่างจาก พรีเมียร์ลีก เพียงก้าวเดียวเท่านั้น

    แน่นอนว่ามันยังไม่จบอยู่แล้วกับกแผนการขั้นต่อไป ซึ่งบางเรื่องเกิดขึ้นภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ทีมของ ฟิล พาร์คินสัน สามารถคว้าเลื่อนชั้นเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกันชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

    "เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ชายคนนี้ (แม็คเอลเฮนนี่ย์) บอกว่าเป้าหมายของเราคือการขึ้นไปเล่นใน พรีเมียร์ลีก" เรย์โนลด์ส กล่าวกับ สกาย สปอร์ตส์ "และเห็นได้ชัดว่ามีเสียงหัวเราะขบขันและเสียงหัวเราะเยาะเย้ยมากมาย - แต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกเหมือนมันเป็นสิ่งที่จับต้องได้และสามารถเกิดขึ้นจริงได้"

    ความสำเร็จที่ผ่านมาแสดงให้เห็นมานานแล้วว่าความทะเยอทะยานที่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่ม เอ ลิสต์ นั้นไม่ใช่เรื่องตลก แต่ขณะที่พวกเขากำลังเตรียมตัวมุ่งหน้าสู่ แชมเปี้ยนชิพ, เร็กซ์แฮม จะมีสิ่งที่ต้องใช้เพื่อแข่งขันกับคู่แข่งใหม่ๆ อย่าง เลสเตอร์ ซิตี้, เซาธ์แฮมป์ตัน และ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน หรือยัง? แล้วสโมสรจะสามารถก้าวไปอีกระดับและขึ้นไปอยู่พรีเมียร์ลีกได้จริงหรือ?


ทีม

    "เรามีความทะเยอทะยานที่จะไปให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้เสมอ แต่เราก็อาจจะเกินความคาดหมายไปมาก – โดยเฉพาะในแง่ของการที่เราไปถึงจุดนี้อย่าวรวดเร็ว” ฮัมฟรีย์ เคอร์ ผู้อำนวยการสโมสรกล่าว

    "แต่นั่นก็เป็นข้อพิสูจน์ถึงฝีมอืของ ฟิล พาร์คินสัน (ผู้จัดการทีม)"

    และคำขวัญที่ว่า "เราเชื่อใจใน ฟิล" ของเจ้าของทีมก็ยังคงดำเนินต่อไป หลังจากที่กุนซือวัย 57 ปี พาทีมเลื่อนชั้นได้เป็นครั้งที่ 6 ในอาชีพ ตามหลังเพียง เกรแฮม เทย์เลอร์, เดฟ บาสเซ็ตต์ และ จิม สมิธ (เลื่อนชั้นได้ 7 ครั้ง) และ นีล วอร์น็อค (เลื่อนชั้นได้ 8 ครั้ง) เท่านั้น  

    อดีตกุนซือโบลตัน วันเดอร์เรอร์ส พัฒนาทีมของเขาอย่างต่อเนื่องและค่อยเป็นค่อยไปในแต่ละฤดูกาล โดยที่ผู้เล่นตัวจริง 11 คนในเกมที่พบกับ ชาร์ลตัน มีผู้เล่นจาก ลีก ทู เพียง 3 คนเท่านั้น ขณะเดียวกันก็รักษาจิตวิญญาณของทีมเอาไว้ ซึ่งเคอร์กล่าวว่า "ซึมซับอยู่ในทุกสิ่งที่เราทำในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา"

    การเซ็นสัญญาบางรายในช่วงฤดูกาลที่ผ่านมาล้วนคำนึงถึงอนาคตทั้งในแง่ของอายุและศักยภาพ เช่น อาร์เธอร์ โอคอนโคว อดีตผู้รักษาประตูของ อาร์เซน่อล

    "พวกเขาคือผู้เล่นที่พร้อมสู้ใน แชมเปี้ยนชิพ ซึ่งสามารถเติบโตและพัฒนาได้" แอนดี้ มอร์เรลล์ อดีตผู้เล่นและผู้จัดการทีมเของ เร็กซ์แฮม ร็กซ์แฮม ซึ่งเคยเล่นในระดับ แชมเปี้ยนชิพ กับทีม โคเวนทรี ซิตี้ และ แบล็คพูล กล่าวเสริม

    "ไรอัน ลองแมน, แม็กซ์ เคลเวิร์ธ, ลูอิส บรันท์ รวมถึงผู้เล่นอย่าง แม็ตตี้ เจมส์ และ เจมส์ แม็คคลีน ผู้เล่นเหล่านี้รู้ว่าต้องทำอะไร และรู้ว่าต้องรับมือกับแรงกดดันและความสนใจที่เข้ามาในการเล่นให้กับ เร็กซ์แฮม ในปัจจุบันอย่างไร"

    แทนที่จะฉีกฝั่งออกไป มอร์เรลล์ เชื่อว่า "การเซ็นสัญญาอีก 3-5 คน" จะทำให้ เร็กซ์แฮม สามารถแข่งขันได้และพยายามประเมินว่าพวกเขาจำเป็นต้องลงทุนเพิ่มกับทีมนักเตะหรือไม่

    "พวกเขาจะไม่เร่งรีบ พวกเขาจะมอบโอกาสให้กับนักเตะที่เลื่อนชั้นได้และใช้โมเมนตัมนั้น แต่พวกเขามีทรัพยากรพร้อมหากพวกเขาพบว่ามีโอกาส พวกเขาสามารถกดปุ่มเพื่อไปอีกครั้งได้ เหมือนอย่างที่พวกเขาเมื่อครั้งเซ็นสัญญากับ แซม สมิธ"


งบประมาณ

    สมิธ – ผู้ทำประตูได้ช่วยให้ทีมเลื่อนชั้นได้และได้รับคำชมเชยอย่างล้นหลามจาก เรย์โนลด์ส – กลายเป็นผู้เล่นที่ทำลายสถิติการเซ็นสัญญาของ เร็กซ์แฮม ด้วยค่าตัว 2 ล้านปอนด์ เมื่อเดือนมกราคม - เงินก้อนโตสำหรับนักเตะไม่มีค่าตัวเมื่อไม่นานมานี้ แต่เป็นเพียงส่วนน้อยเมื่อเทียบกับการผลักดันไปถึง พรีเมียร์ลีก

    แบร์รี ฮอร์น อดีตกัปตันทีมชาติเวลส์ และ เร็กซ์แฮม กล่าวว่า "เงินคือสิ่งสำคัญในวงการฟุตบอล ตารางคะแนนมักจะเชื่อมโยงกับรายได้ และมีความสัมพันธ์กับค่าจ้างด้วยเช่นกัน แต่ เร็กซ์แฮม ก็มีศักยภาพที่จะแข่งขัน"

    นั่นเป็นเพราะบัญชีล่าสุดของสโมสร ซึ่งครอบคลุมฤดูกาลของพวกเขาใน ลีก ทู แสดงให้เห็นว่ารายได้ของพวกเขานั้นเทียบได้กับสโมสรในครึ่งบนของ แชมเปี้ยนชิพ อยู่แล้ว และยังมีที่ว่างให้มากขึ้นโดยไม่ต้องกังวลว่ากฎผลกำไรและความยั่งยืน (PSR) จะส่งผลกระทบต่อสิ่งต่างๆ

    แม้ว่าสโมสรที่ได้รับเงินจาก พรีเมียร์ลีก จะเหนือกว่า แต่ เร็กซ์แฮม ก็คาดหวังเงินเพิ่มจาก 26 ล้านปอนด์ที่เข้ามาในปี 2023-24 ซึ่งการเพิ่มรายได้จากทีวีเพียงอย่างเดียวน่าจะช่วยเพิ่มยอดได้ 8 ล้านปอนด์ ก่อนที่จะเพิ่มรายได้จากการสนับสนุนของสปอนเซอร์หลังจากเลื่อนชั้นอีกครั้ง

    คาดว่าจะมีข้อตกลงก้อนโตเข้ามาโดยสโมสรจะใช้ประโยชน์จากรูการตลาดเฉพาะของตนให้ได้มากที่สุด นั่นคือสารคดีที่ฉายทั่วโลกและโปรไฟล์ที่เจ้าของสโมสร โดยยอดขายเสื้อของพวกเขาอยู่ในระดับ พรีเมียร์ลีก แล้ว และการไป ปรี-ซีซั่น ที่ ออสเตรเลีย แสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานที่จะขยายความนิยมออกไปนอก สหรัฐ อเมริกา ซึ่งมีการถ่ายทอดสดเกมของ เร็กซ์แฮม ทุกเกมและดึงดูดผู้ชมระดับสูง

    การเจรจาได้ระบุโครงร่างงบประมาณที่จำเป็นสำหรับปีหน้าไว้แล้ว (พวกเขาใช้งบประมาณดังกล่าวไปประมาณ 11 ล้านปอนด์ในฤดูกาล 2023-24) และยอมรับว่างบประมาณจะเริ่มขยับเข้าใกล้ค่าเฉลี่ยของ แชมเปี้ยนชิพ ที่ประมาณสองเท่าของตัวเลขดังกล่าว

    แต่ยังมีข้อเท็จจริงอีกประการหนึ่งที่ว่านักเตะไม่ได้สนใจแค่เงินเท่านั้น แต่ยังสนใจความทะเยอทะยานและความตื่นเต้นที่เกิดขึ้นรอบๆ สโมสรด้วย ดังนั้นมันไม่ได้หมายความว่า เร็กซ์แฮม กำลังจะใช้เงินมากมาย

    "ผู้คนจะพูดถึงเรื่องเงิน แต่ไม่เคยพูดถึงเช็คเปล่าเลย" เคอร์ กล่าว "เป้าหมายคือการใช้จ่ายตามฐานะเพื่อที่สโมสรจะได้ไม่ประสบปัญหาเมื่อ ร็อบ และ ไรอัน ไม่อยู่ ซึ่งในที่สุดก็จะเกิดขึ้นแม้ว่าจะผ่านมานานเป็นสิบปีก็ตาม"


การสนับสนุนทางการเงิน

    อย่างไรก็ตาม เร็กซ์แฮม กำลังจะเข้าสู่โลกที่การขาดทุนแปดหลักต่อปีเป็นเรื่องปกติ    แต่ เรย์โนลด์ส และ แม็คเอลเฮนนี่ย์ คอยสนับสนุนในด้านนี้ เช่นเดียวกับการลงทุนในโครงการอื่นๆ ในขณะที่สโมสรพยายามรักษาจังหวะใในการเติบโต

    คาลีน อีลลีน ผู้อำนวยการคนใหม่และคุณพ่อ เอริก อัลลีน ที่ครอบครัวนักธุรกิจของเขาได้ขายธุรกิจวินิจฉัยโรคทางการแพทย์ของ เวลช์ อัลลีน ในราคากว่า 2 พันล้านเหรียญ สหรัฐฯ ในปี 2015 อยู่ท่ามกลางผู้ที่ร่วมเฉลิมฉลองที่ สต๊อค เค แรส และรู้สึกตื่นเต้นกับอนาคตของสโมสรที่กลายมาเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อย โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ราว 10-15%

    ด้วยประวัติการทำงานการกุศลและการลงทุนเพื่อชุมชนรอบๆ บ้านของพวกเขาที่ นิวยอร์ค พวกเขายังมีหนทางที่จะให้การสนับสนุนแผนการอันยิ่งใหญ่ของสโมสร โดยที่ เคอร์ กล่าวว่าสโมสร "ยินดีต้อนรับทีมและเมืองด้วยความอบอุ่น"

    การลงทุนเพิ่มเติมและความเท่าเทียมจากผู้อื่นหากจำเป็นในเวลาที่กำหนดไม่ได้ถูกตัดออกไป แต่เฉพาะจากผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียในแง่ของอารมณ์และการเงิน เช่น ครอบครัว อัลลีน เท่านั้น


เรื่องนอกสนาม

    เงินจะเป็นสิ่งจำเป็นอย่างไม่ต้องสงสัย เนื่องจากการพุ่งทะยานอย่างรวดเร็วทำให้ เร็กซ์แฮม มีงานที่ต้องทำมากมายเพื่อให้ทันกับการเติบโตของสโมสร โดยการลงทุนถูกผลักดันเพื่อปรับปรุงการทำงานนอกสนามของสโมสรที่ดำเนินการโดยผู้สนับสนุนเกือบ 5 ปีที่แล้ว รวมถึงส่งเสริมพนักงานและความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจและเชิงพาณิชย์

    โครงการสำหรับโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญได้รับการแก้ไขแล้ว โดยสนามฝึกซ้อมแห่งใหม่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ปัจจุบันสโมสรใช้ อลลิเออร์ส พาร์ค ของสมาคมฟุตบอลเวลส์ แต่ต้องยอมรับว่าไม่ยั่งยืน

    นอกจากนี้ ยังมีการตระหนักอย่างแท้จริงถึงความจำเป็นในการปรับปรุงอะคาเดมี่เพื่อเร่งการผลิตผู้เล่นที่เติบโตจากท้องถิ่นพื่อเสริมการเซ็นสัญญาและทำให้เกิด "ความคลั่งไคล้ เร็กซ์แฮม" มากขึ้นในหมู่เด็ก ๆ ในที่ที่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์นักเตะพรสวรรค์มาโดยตลอดอย่าง เอียน รัช, มาร์ค ฮิวจ์ส, เนวิลล์ เซาธ์ทอลล์, แกเร็ธ เบล, แฮร์รี่ วิลสัน และ เนโก้ วิลเลี่ยมส์


สนามกีฬา

    ทั้งหมดนี้อาจต้องใช้เวลาสักหน่อยจึงจะเกิดผลสำเร็จ แต่ในไม่ช้านี้ ผู้แฟนบอลจะได้เห็นก้าวแรกของโครงการสำคัญที่ เร็กซ์แฮม

    จำนวนผู้เข้าชมสนาม เร็กซ์แฮม อาจจะเป็นจำนวนต่ำที่สุดใน แชมเปี้ยนชิพ ฤดูกาลหน้า โดยความจุของสนามส สต๊ดค เซ แรส จะลดลงเหลือต่ำกว่า 10,000 คน เนื่องจากเริ่มมีการสร้างอัฒจันทร์ ใหม่

    การรื้อถอนอัฒจันทร์ชั่วคราวมีกำหนดจะเริ่มขึ้นในเร็วๆ นี้ โดยจะสร้างที่นั่งใหม่ 5,500 ที่นั่งให้เสร็จทันเริ่มฤดูกาล 2026-27 ซึ่งได้รับการออกแบบโดย ปาปูลอส บริษัทเดียวกันกับผู้สร้างสนามเวมบลีย์, สนาม ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ รวมถึงสนาม สเฟียร์ ของ ลาสเวกัส ซึ่งจะเปิดประตูสู่การสร้างรายได้ที่มากขึ้นจากสิ่งอำนวยความสะดวกโดยรอบ

    นอกจากเพิ่มที่นั่งได้อีก 2,000 ที่นั่ง ยังเปิดโอกาสให้มีการพัฒนาพื้นที่ด้านอื่นๆ ของสนามใหม่ให้เทียบเท่าและตอบโจทย์ทุกความต้องการของสถานที่จัดการแข่งขันใน พรีเมียร์ลีก ได้แบบเดียวกับที่ บอร์นมัธ ทำ

    และด้วยความต้องการตั๋วเข้าชมจากนานาชาติที่มีจำนวนมาก อย่างนักท่องเที่ยวเดินทางมาในวันที่ไม่มีการแข่งขันเพื่อชมสโมสรที่โด่งดังจากสารคดีที่มีชื่อเสียง - สโมสรจึงกระตือรือร้นที่จะรองรับฐานแฟนคลับที่เพิ่มมากขึ้นด้วย

    นอกจากนี้ ในส่วนงานปรับปรุงพื้นผิวสนามก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว โดยเป็นการลงทุนระดับ 7 หลัก เพื่อสร้างสนามหญ้าแบบผสมผสานพร้อมระบบทำความร้อนใต้ดิน เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานระดับสูง และอาจรองรับการแข่งขันในระดับนานาชาติด้วย


เป็นไปได้รึเปล่า?

    มีตัวอย่างของทีมที่ก้าวจาก ลีก วัน ไปสู่ พรีเมียร์ลีก เช่น วัตฟอร์ด (1999), แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (2000), นอริช ซิตี้ (2011), เซาธ์แฮมป์ตัน (2012) และ อิปสวิช ทาวน์ (2024)  

    "ไม่มีเหตุผลว่าทำไมพวกเขาจะไม่มีโอกาสอีกครั้ง" แบร์รี่ ฮอร์น อดีตแข่งของสโมสนยูค 80 กล่าว

    ไม่มีใครที่ เร็กซ์แฮม จะกล้าพูดว่าการแข่งขันครั้งที่สี่ติดต่อกันจะเกิดขึ้นได้ แต่ก็ไม่มีใครตัดความเป็นไปได้นี้ออกไปเช่นกัน

    อย่างที่ เคอร์ กล่าวไว้ว่า "ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเราคือการก้าวไปทีละก้าวและบอกว่า 'แล้วต่อไปล่ะ'"

คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})