จบซีซั่นอย่างเป็นทางการ

วันศุกร์ที่ 01 สิงหาคม 2568 คอลัมน์ สิงห์สนามจริง โดย ยักษ์เดนส์
227
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ฤดูกาล 2024/25 ของ เชลซี จบลงอย่างเป็นทางการหลังจากผงาดคว้าโทรฟี่ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ ที่ สหรัฐฯ มาครองอย่างยิ่งใหญ่

    ถือว่าเป็นปีแห่งความสำเร็จของทัพ "สิงห์บลูส์" ภายใต้การนำของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า หลังจากที่เข้ามารับตำแหน่งนายใหญ่เมื่อซัมเมอร์ที่แล้วพร้อมเป้าหมายคว้าตั๋วลุย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ให้ได้และก็ไม่พลาด พ่วงด้วยแชมป์ ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก มาอีก 1 รายการด้วย

    วันนี้จะพาย้อนกลับไปดูผลงานของผู้เล่นในขวบปีที่ผ่านมา โดยมีเกณฑ์ว่านักเตะต้องอยู่ในทีมลุยสโมสรโลก และได้ลงเล่นอย่างน้อย 1 เกม โดยจะเริ่มต้นจากผู้รักษาประตูและแบ็กทั้งสองข้าง

ผู้รักษาประตู
โรเบิร์ต ซานเชซ
ลงสนาม : 40 เกม (สตาร์ทตัวจริงทั้งหมด)
นาทีลงเล่น : 4,031
คลีนชีต : 13


    โรเบิร์ต ซานเชซ ถือเป็นตัวหลักของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า ในการลงเฝ้าเสาให้กับทีม โดยเขาเก็บคลีนชีต 3 จาก 6 เกมในศึกชิงแชมป์สโมสรโลก พร้อมคว้ารางวัลถุงมือทองคำไปครอง

    มือกาวสเปน มีเปอร์เซ็นต์การเซฟสูงที่สุด (81.5 เปอร์เซ็นต์) และเซฟได้มากที่สุด (4.2) เมื่อเทียบกับจำนวนประตูที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ค่า xG) ที่เขาเผชิญ (9.2) ในศึกที่ สหรัฐฯ

    กับการแข่งขันใน พรีเมียร์ลีก ตัว ซานเชซ ได้รับรางวัลลูกเซฟยอดเยี่ยมประจำเดือนตุลาคม จังหวะเซฟลูกยิงช่วงท้ายเกมที่เจอกับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ของ โชต้า ซิลวา

ฟิลิป ยอร์เกนเซ่น
ลงสนาม : 24 (สตาร์ทตัวจริงทั้งหมด)
นาทีลงเล่น : 2,316
คลีนชีต : 10


    แม้จะอยู่ในฐานะมือ 2 ของ เชลซี เท่านั้น แต่ว่า ฟิลิป ยอร์เกนเซ่น คือคนสำคัญในความสำเร็จกับแชมป์ ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก ของทีมในฤดูกาลที่ผ่านมา

    มือกาวทีมชาติเดนมาร์ก ลงเฝ้าเสาใน พรีเมียร์ลีก เพียง 6 เกมเท่านั้น แต่ในบอลยุโรป เขาลงเฝ้าเสาทั้งหมด 14 จาก 15 เกม ไม่ได้ลงเล่นแค่เกมเดียวในรอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดแรกที่บุกชนะ โคเปนเฮเก้น 2-1

    ส่วนบอลถ้วยในประเทศลงเล่นใน คาราบาว คัพ ทั้ง 2 เกม ส่วนใน เอฟเอ คัพ ลงเล่นในรอบ 3 ที่ชนะ มอร์แคมบ์ แต่รอบที่ 4 ที่ทีมแพ้ ไบรท์ตัน เขาเป็นตัวสำรอง และปิดท้ายฤดูกาลลงเฝ้าเสา 1 นัดใน ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ ชนะ อีเอส ตูนิส 3-0

แบ็กซ้าย-ขวา

มาร์ก กูกูเรย่า
ลงสนาม : 54 (สตาร์ทตัวจริง 47 เกม)
นาทีลงเล่น : 4,776
ประตู : 7
แอสซิสต์ : 4


    ถือเป็นปีที่ยอดเยี่ยมของ มาร์ก กูกูเรย่า หลังจากที่ประสบความสำเร็จกับทีมชาติสเปน ด้วยการคว้าแชมป์ยูโร 2024 มาครองอย่างยิ่งใหญ่ และได้รับคำชื่ชนชมจากฟอร์มที่น่าประทับใจ

    แข้งจากแดนกระทิงเป็นผู้เล่นที่ลงสนามมากที่สุดทั้งในแง่ของจำนวนนัดและจำนวนนาที ซึ่งแม้ตำแหน่งจะยืนแบ็กซ้าย แต่เขามักดันเกมสูงและมีส่วนร่วมกับเกมรุกเสมอ โดยเฉพาะการทำประตูชัยใส่ เลสเตอร์ ซิตี้ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

    แข้งวัย 27 ปี ลงเล่นครบ 100 เกมให้กับ "สิงห์บลูส์" ในเกมเปิดบ้านชนะ เอฟเวอร์ตัน ซึ่งตลอดทั้งฤดูกาลเขาลงเล่นด้วยมาตรฐานระดับสูง ซึ่งแชมป์ ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก ถือเป็นแชมป์แรกกับสโมสร และการปิดท้ายฤดูกาลกับโทรฟี่ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ ถือเป็นการจบอย่างสวยงามจริงๆ

มาโล กุสโต
ลงสนาม : 48 (สตาร์ทตัวจริง 30 เกม)
นาทีลงเล่น : 3,137
ประตู : 0
แอสซิสต์ : 3


    แม้ตำแหน่งหลักจะยืนเป็นแบ็กขวาและทำหน้าที่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องในช่วงที่ รีซ เจมส์ ไม่พร้อม นอกจากนี้เขามักจะขยับไปยืนมิดฟิลด์ในระหว่างเกมจากคำสั่งของเจ้านาย

    "มาโล ช่วยเราได้อย่างมากในแง่ของกระบวนการเพราะเขาเล่นเป็นโฮลดิ้งมิดฟิลด์ได้ บางครั้งก็ยืนเป็นมิดฟิลด์ตัวกลางได้เลย" เอ็นโซ่ มาเรสก้า อธิบายถึงบาบาทของ กุสโต

    แม้ว่าจะยังรอประตูแรกกับสโมสร แต่การเติมเกมรุกทางริมเส้นของเขาก็ช่วยสร้างโอกาสทำประตูให้กับทีมได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในนัดชิงชนะเลิศสโมสรโลก กุสโต ถูกใช้งานในตำแหน่งแบ็กขวาแบบ "โอเวอร์แลปส์" ซึ่งได้ผลดีอย่างมาก เขาสามารถบล็อกลูกยิงได้ก่อนที่จะจ่ายบอลให้ โคล พาล์มเมอร์ ทำประตขี้นนำด้วย

รีซ เจมส์
ลงสนาม : 32 (สตาร์ทตัวจริง 22 เกม)
นาทีลงเล่น : 1.992
ประตู : 3
แอสซิสต์ : 2


    อาการบาดเจ็บทำให้ รีซ เจมส์ ลงเล่นไปเพียง 4 เกมในช่วงครึ่งซีซั่นแรก โดย 2 นัดเป็นการถูกขัยบไปยืนแบ็กซ้าย แต่เขาก็รักษาความฟิตและค่อยๆ ได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่องกระทั่งได้แชมป์แรกในฐานะกัปตันทีม เชลซี

    ในเดือมกราคม, เจมส์ กลับมาลงเล่นอีกครั้งหลังหายหน้าไป 2 เดือน พร้อมทำประตูสุดสวยตีเสมอ บอร์นมัธ ในช่วงทดเจ็บท่ามกลางความดีใจของเพื่อนร่วมทีมและแฟนบอล ไม่ใช่เพียงแค่ความสำคัญของประตูนี้ แต่ยังเป็นเพราะว่ามันมีความหมายต่อเขาอย่างมากหลังจากเจอช่วงเวลาที่ยากลำบาก

    มาเรสก้า ดูแลกัปตันทีมอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เขาต้องรับภาระมากเกินไป บางครั้งเขาก็ให้ เจมส์ เล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรับ ในบางครั้งก็เปลี่ยนตัวลงมาเล่นในตำแหน่งแบ็กขวาตำแหน่งถนัด และเชาก็สร้างความแตกต่างได้จากม้านั่งสำรองในเกมชิงชนะเลิศ คอนเฟอเรนซ์ ลีก และจบเกมด้วยโทรฟี่แชมป์ รวมถึงจัดเกมเกมรุกของ เปแอสเช ในเกมชิงแชมป์ สโมสรโลก ด้วย

จอช อาเชียมปง
ลงสนาม : 13 (สตาร์ทตัวจริง 10 เกม)
นาทีลงเล่น : 929
ประตู : 0
แอสซิสต์ : 0


    แข้งจากอะคาเดมี่สร้างความประทับใจให้กับ เอ็นโซ่ มาเรสก้า ในการซ้อมกระทั่งได้รับความไว้วางให้ลงสนามซึ่งเจ้าตัวก็เล่นได้อย่างโดดเด่นใน คอนเฟอเรนซ์ ลีก

    ตลอดทั้งฤดูกาลเขาคือตัวหลักในเวทียุโรปโดยเล่นในตำแหน่งฟูล-แบ็กมากกว่าเซ็นเตอร์ ด้วยความสามารถในการเปลี่ยนเกม เขาได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมน็อกเอาต์ของ คอนเฟอเรนซ์ ลีก 5 นัดติดต่อกัน และได้รับการยกย่องจาก มาเรสก้า จากเกมบุกชนะ ลีเกีย วอร์ซอว์

    ในเวที ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ เขาลงเล่น 1 เกม ในนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มที่ชนะ อีเอส ตูนิส 3-0 และจบด้วยการได้ชูถ้วยแชมป์ร่วมกับทีม

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด