ตามผลงานมิดฟิลด์สิงห์

เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ

ลงสนาม : 53 (สตาร์ทตัวจริง 45 เกม)

นาทีลงเล่น : 4,383

ประตู : 9

แอสซิสต์ : 17

    จากมิดฟิลด์ค่าตัวแพงที่ดูไม่มีอะไร แต่ภายใต้การนำของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า เขายกระดับสตาร์ทีมชาติอาร์เจนติน่า ขึ้นมาอย่างน่าทึ่ง ด้วยผลงาน 9 ประตูกับ 17 แอสซิสต์ ในฤดูกาลที่ผ่านมา และมีแค่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โคล พาลเมอร์ เพื่อนร่วมทีมที่สร้างโอกาสทำประตูได้มากกว่า

    เอ็นโซ่ ทำประตูสำคัญทั้งประตูชับให้ทีมชนะ สเปอร์ส และ ลิเวอร์ฑูล แถมยังเป็นการทำประตูตีเสมอในเกมชิงชนะเลิศ ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก อีกด้วย

    การได้อิสระในการเล่นและดันสูงมากขึ้นกว่าเดิมช่วยเค้นศักยภาพของมิดฟิลด์วัย 24 ปีรายนี้ขึ้นมาอย่างเต็มที่ และปัจจุบันเขาคือรองกัปตันทีมต่อจาก รีซ เจมส์ ด้วย    

มอยเซส ไกเซโด้
ลงสนาม : 50 (สตาร์ทตัวจริง 48 เกม)
นาทีลงเล่น : 4,720
ประตู : 2
แอสซิสต์ : 6

    ต้องบอกว่าที่ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ทำได้อย่างโดดเด่นในฤดูกาลที่แล้ว ต้องยกความดีความชอบให้กับ มอยเซส ไกเซโด้ ที่คอยเก็บกวาดแดนกลางทำให้เพื่อนไม่ต้องห่วงถอยมาลงต่ำมากนัก

    ผลงานของสตาร์ทีมชาติเอกวาดอร์ รั้งอันดับที่ 2 ที่ดวลชนะคู่แข่ง และอยู่อันดับ 3 ในการแท็คเกิ้ล และยังทำประตูสุดสวยใส่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกด้วย

    นอกจากนี้เขายังทำแอสซิสต์ได้ในเกมกับ สเปอร์ส และ ลิเวอร์พูล บวกกับความแข็งแกร่งในการป้องกัน อ่านเกมเยี่ยมและวิ่งแบบไม่รู้จักเหนื่อย ทำให้ตอนนี้เข้าถูกยกไปเทียบกับ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ไปแล้ว

เคียร์แนน ดิวส์บิวรี่-ฮอลล์
ลงสนาม : 36 (สตาร์ทตัวจริง 19 เกม)
นาทีลงเล่น : 2,007
ประตู : 5
แอสซิสต์ : 4

    ย้ายตาม เอ็นโซ่ มาเรสก้า จาก เลสเตอร์ ซิตี้ แม้ว่าจะไม่ได้ยึด 11 ตัวจริงสม่ำเสมอขนาดนั้น แต่ยามเรียกใช้เขามักไม่ทำให้เจ้านายผิดหวัง ทั้งเรื่องของพละกำลัง ความเข้าในในแง่ของแท็คติก และการผ่านบอลที่ทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ เคียร์แนน ดิวส์บิวรี่-ฮอลล์ ปรับตัวเข้ากับเพื่อนได้อย่างรวดเร็ว

    เขาคือกำลังสำคัญช่วยทีมคว้าแชมป์ ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก ด้วยการลงเล่นครบทั้ง 15 เกม ทำไป 4 ประตูกับ 1 แอสซิสต์ แถมยังมีส่วนร่วมในการแข่งขัน ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ ทุกนัดด้วยเช่นกัน

    อย่างไรก็ตามสุดท้ายเจ้าตัวก็ต้องการทีมเล่นอย่างสม่ำเสมอและ เชลซี ก็ตัดสินใจขายให้กับ เอฟเวอร์ตัน ไปเรียบร้อย

โรเมโอ ลาเวีย
ลงสนาม : 22 (สตาร์ทตัวจริง 15 เกม)
นาทีลงเล่น : 1,178
ประตู : 0
แอสซิสต์ : 1

    แม้ว่าอาการบาดเจ็บจะทำให้ โรเมโอ ลาเวีย ไม่ได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอในแบบที่ควรจะเป็น แต่ในทุกครั้งที่ลงสนามเขาก็ผลงานได้ตามเป้าในแบบที่ เอ็นโว่ มาเรสก้า ต้องการ

    เขาทำผลงานได้ดีก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงวินเทอร์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่หลังจากที่เขาบาดเจ็บทีมก็ฟอร์มแผ่วลงไปด้วย ก่อนจะกลับมาช่วยทีมได้อีกครั้งในช่วงปลายซีซั่นศึ่งทีมก็เร่งสปีดเขาท็อปโฟร์ พร้อมคว้าโทรฟี่ ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก ไปครองด้วย    

อันเดรย์ ซานโต๊ส
ลงสนาม : 4 (สตาร์ทตัวจริง 1 เกม)
นาทีลงเล่น : 170
ประตู : 0
แอสซิสต์ : 1

    กลับมาจากยืมตัวที่ สตราส์บูร์ก และทาง เอ็นโซ่ มาเรสก้า ก็หนีบติดทีมลุย ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ ที่ สหรัฐฯ ด้วย โดยทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจหลังได้ออกสตาร์ตัวจริงในเกมกับ พัลเมรัส แทน มอยเซส ไกเซโด้ ที่ติดโทษแบน

    นอกจากนี้เขายังลงเป็นตัวสำรองในเกมชิงชนะเลิศกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้าย ด้วยการเพิ่มพลังในแดนกลางให้กับทีมได้เป็นอย่างดี

ดาริโอ เอสซูโก้
ลงสนาม : 3
นาทีลงเล่น : 50
ประตู : 0
แอสซิสต์ : 0

    แข้งวัย 20 ปี ย้ายจาก สปอร์ติ้ง ลิสบอน มาอยู่กับ เชลซี ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา หลังจากที่ตกลงกันได้ตั้งแต่เดือนมีนาคม และมีชื่อในทีมลุยสโมสรโลกในทันที

    มิดฟิลด์ทีมชาติโปรตุเกส ได้ประเดิมสนามในฐานะตัวสำรองในเกมที่เอาชนะ ลองส แองเจลิส เอฟซี 2-0 หลังจากนั้นได้ลงเล่นครึ่งชั่วโมงในเกมชนะ อีเอส ตูนิส 3-0 ในเกมสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่ม และลงเล่นท้ายเกมที่ชนะ พัลเมรัส ในรอบก่อนรองชนะเลิศ เปิดตัวกับทีมด้วยการเป็นแชมป์ไปเลย